สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 384 ลองเชิง
ในการหารือต่อมา ซือหม่าโยวเย่ว์แทบมิได้พูดอะไร เพียงแค่ฟังอย่างเงียบๆ เท่านั้น สำหรับการกดดันร้านค้าต่างๆ นั้นไม่ขอเข้าร่วมด้วย จะพาคนไปเข้าร่วมเพียงแค่การต่อสู้ในตอนสุ ดท้ายเท่านั้น
พวกเขาหารือกันมาตลอดทั้งวันแล้ว กว่าจะสรุปแผนการสุดท้ายกันได้ก็ถึงยามพลบค่ำแล้ว
ตอนที่เสร็จสิ้น เธอก็มอบยาบรรลุเทพให้กับประมุขตระกูลทั้งสอง หลังจากนั้นตนจึงกลับไปยังเรือนพัก แล้วเล่าแผนการให้คนของตระกูลซือหม่าฟัง ระหว่างนั้นก็บอกเรื่องที่ตนอยา ากอพยพตระกูลซือหม่ามาที่นี่ให้พวกเขาฟังด้วย
เมื่อได้รู้ความคิดของซือหม่าโยวเย่ว์ คนในตระกูลซือหม่าต่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่ได้สัมผัสกับโลกภายนอก พวกเขาก็ตาสว่าง และรู้สึกว่าดินแดนอี้หลินไม่เหมาะสมกับก การใช้ชีวิต ถ้าหากรับตัวคนของตระกูลซือหม่ามาได้ก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องในช่วงแรกไม่จำเป็นต้องให้พวกซือหม่าโยวเย่ว์ลงมือ ดังนั้นพวกเขาจึงไปเสาะหาทิวเขาแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้ๆ เพื่อฝึกยุทธ์ ตอนจากไปเธอได้มอบหินแม่ลูกก้อนหนึ่งให้กับอ อวิ๋นจิ่นเว่ย เพื่อให้พวกเขาตามหาตนได้อย่างสะดวก พร้อมกันนั้นก็เป็นการบอกเขาโดยนัยด้วยว่าถ้าหากไม่มีธุระก็ไม่ต้องไปหาพวกตน
อวิ๋นจิ่นเว่ยใช้ชีวิตมากว่าร้อยปี ย่อมต้องเข้าใจความหมายของซือหม่าโยวเย่ว์ดี เป็นการแสดงว่าถ้าหากมีเรื่องก็ใช้สิ่งนี้ติดต่อเธอได้
ซือหม่าโยวเย่ว์พาคนของตระกูลซือหม่าเข้าไปในภูเขา ให้เจ้าไก่ฟ้าติดตั้งข่ายมนตร์ หลังจากนั้นจึงพาคนเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ
ตอนนี้เวลาหนึ่งวันเท่ากับสิบวันภายในเจดีย์วิญญาณ ตอนที่ไม่มีธุระอะไรก็ควรรีบใช้ประโยชน์ ไม่งั้นคงเสียดายแย่!
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ภายนอกผ่านไปเป็นเวลาถึงครึ่งปีแล้ว พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ภายในเป็นเวลาเกือบห้าปี ซึ่งภายในห้าปีนี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีความก้าวหน้าอย่างมหาศาล ความก้าวห หน้าเช่นนี้ทำให้คนต้องปากอ้าตาค้าง
ตระกูลอวิ๋นมิได้อยู่ห่างจากที่นั่นมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวของที่นี่ได้เป็นระยะๆ มีบางทีที่รู้สึกถึงลำแสงแห่งการเลื่อนระดับพุ่งขึ้นสู่ชั้นเมฆได้หลาย ยครั้งในวันเดียว
ในตอนหลังเมื่อคนตระกูลอวิ๋นเห็นลำแสงแห่งการเลื่อนระดับอีกก็ชินชาเสียแล้ว เจ้าตัวประหลาดพวกนี้ ต่อให้วันละคนก็ไม่มีทางเลื่อนระดับได้มากมายถึงเพียงนั้นหรอกกระมัง!
วันนี้ซือหม่าโยวเย่ว์กำลังติดตั้งค่ายกลอยู่ภายในหุบเขา ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของหินแม่ลูก พอหยิบออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นจิ่นเว่ย
“เจ้าหุบเขาน้อย มีคนมาหาท่านน่ะ” เสียงของอวิ๋นจิ่นเว่ยดังแว่วมา
“หาข้าหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ชะงักไปแล้วถามว่า “ใครกันที่มาหาข้า”
“เป็นคนของหุบเขามารเทพ”
อวิ๋นอี้ยังไม่ทันได้เอ่ยวาจา เสียงของมารเฒ่าก็ดังแว่วมาเสียแล้ว “เจ้าเด็กบ้า รีบกลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
“ท่านอาจารย์หรือ ท่านมาได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงของมารเฒ่าจึงถามอย่างตื่นเต้น
“เจ้ากลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” มารเฒ่าพูดจบแล้วตัดสายหินแม่ลูก หลังจากนั้นจึงพูดกับบุรุษข้างกายว่า “เจ้ามิได้อยากลองฝีมือหรือ ไปเถิด”
“ท่านอย่านึกเสียใจภายหลังแล้วกัน” บุรุษผู้นั้นเอ่ยเสียงต่ำ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วใบหน้ากลับอ่อนเยาว์เป็นอย่างยิ่ง
แววตาที่เขามองมารเฒ่านั้นเบาบาง ตลอดร่างแผ่กลิ่นอายอันเยียบเย็นราวน้ำแข็งขุมหนึ่งออกมา
“เชอะ ข้ามีอะไรให้น่าเสียใจกันเล่า” มารเฒ่าพูด
“ข้าจะกดพลังยุทธ์ของข้าให้ต่ำลง” บุรุษผู้นั้นพูดจบแล้วทะยานออกไป
อวิ๋นอี้ที่ดูอยู่พูดอย่างร้อนใจอยู่บ้าง “ท่านเจ้าหุบเขารองขอรับ เจ้าหุบเขาน้อยเพิ่งจะเลื่อนไปถึงระดับจ้าววิญญาณ ตอนนี้ควรไปลองเชิงพลังยุทธ์ของเขาดูก่อนดีกว่าว่าจะเกิด ปัญหาหรือไม่”
“ไม่เป็นไร เจ้าเด็กนั่นรู้จักขอบเขตดีอยู่แล้ว” มารเฒ่านั่งลงบนเก้าอี้แล้วไขว่ห้างพลางเอ่ยขึ้น
“พวกเราจะไม่ไปดูกันจริงๆ หรือ” อวิ๋นอี้ยังคงไม่วางใจ
“ถ้าหากเจ้ากังวลนักก็ไปดูเสียสิรอให้พวกเขาตีกันเสร็จแล้วเจ้าค่อยรีบกลับมา” มารเฒ่าพูด
อวิ๋นอี้ลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วคารวะมารเฒ่าก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “ศิษย์ขอตัว”
หลังจากนั้นจึงตามไปยังหุบเขาที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์อยู่
“ดูถูกลูกศิษย์ข้านัก” มารเฒ่าส่งเสียงฮึดฮัด แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ตนมีต่อซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์เพิ่งออกมาจากหุบเขาได้ไม่ไกลก็เห็นคนผู้หนึ่งหยุดอยู่กลางอากาศ สองมือไพล่อยู่ด้านหลัง เส้นผมยาวปลิวไสว กำลังมองตรงมาทางพวกตน
“โยวเย่ว์ ข้ารู้สึกเหมือนคนผู้นั้นกำลังจับผิดพวกเราอยู่นะ” เป่ยกงถังพูด
“ข้าก็มองออกเช่นกัน” พวกซือหม่าโยวเย่ว์หยุดลงแล้วเผชิญหน้ากับคนผู้นั้น
“เจ้าคือซือหม่าโยวเย่ว์หรือ” บุรุษผู้นั้นมองซือหม่าโยวเย่ว์ แววตาอันเยียบเย็นมองประเมินเธอขึ้นๆ ลงๆ
“เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดจึงมาขวางทางข้า” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนผู้นั้นพลางครุ่นคิดว่าคนตรงหน้าคือผู้ใด “สู้กับข้าสักยกหนึ่ง หากชนะเจ้าก็ผ่านไปได้” บุรุษผู้นั้นพูดจบก็ ลงมือใส่ซือหม่าโยวเย่ว์
“พวกเจ้าถอยหลังไปเสีย!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตะโกนเสียงดังพลางเข้าไปรับมือบุรุษผู้นั้น
“ปัง…” การโจมตีที่ทั้งสองคนแผ่ออกมาปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้จึงถอยห่างออกไป
“จ้าววิญญาณขั้นหกหรือ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง สองมือร่ายมนตร์พลางเอ่ยว่า “เคล็ดน้ำแข็งกาฬ”
เห็นเพียงว่าบริเวณรอบๆ สองมือที่ประกบติดกันอยู่นั้นมีแท่งน้ำแข็งขนาดเล็กแท่งแล้วแท่งเล่าค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา เขาความคิดวูบไหวคราหนึ่ง แท่งน้ำแข็งทั้งหมดก็โจมตีเข้าใส่ ซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าความเร็วในการใช้ทักษะวิญญาณของเขาจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เธอรีบก่อกำแพงเพลิงสกัดเอาไว้ทันที หลังจากนั้นจึงรีบประกบสองมือร่ายมนตร์
ความสามารถในการป้องกันของกำแพงเพลิงโดยทั่วไปนั้นมิได้แข็งแกร่งนัก แต่กำแพงเพลิงของซือหม่าโยวเย่ว์กลับสกัดการโจมตีเบื้องหน้าเอาไว้ได้ หลังจากพลังวิญญาณของกำแพงเพลิงหมด ดสิ้นลงแล้ว แท่งน้ำแข็งเหล่านั้นก็สูญสลายตามไปด้วย
แต่เธอยังไม่ทันได้ถอนหายใจ แท่งน้ำแข็งที่ทั้งยาวทั้งแหลมคมก็โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ถึงขนาดที่เธอรู้สึกได้ถึงความหนาวยะเยือกของปลายแท่งน้ำแข็งสีขาว
ยังดีที่เธอเตรียมทักษะวิญญาณเอาไว้พร้อมแล้ว เธอตวัดดาบเปลวอัคคีอันยาวกำจัดแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นออกไปจนหมด
“เคล็ดแยกอัคคีพิโรธ…”
หลังจากที่เธอหลบหลีกแท่งน้ำแข็งแล้วก็เงื้อดาบใหญ่ฟันเข้าใส่บุรุษผู้นั้น
“โล่น้ำแข็ง!”
โล่น้ำแข็งขนาดใหญ่อันหนึ่งก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สกัดดาบเปลวอัคคีของเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที
ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่โล่น้ำแข็งแผ่ออกมา เธอรู้สึกพิศวงอยู่ในใจ โล่น้ำแข็งนี้มีความสามารถในการป้องกันอันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถึงขั้นสกัดดาบเปลวอัคคี ของเธอเอาไว้ได้!
ดาบเปลวอัคคีและโล่น้ำแข็งไม่มีใครเป็นรองใคร ทันใดนั้นบุรุษผู้นั้นก็หายตัวไปจากที่เดิม โล่น้ำแข็งที่เขาทิ้งเอาไว้ก็หายวับตามไปด้วย
ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจ คนผู้นี้ไปไหนเสียแล้ว
เธอหลับตาลงรับสัมผัสรอบด้าน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าห้วงมิติเบื้องบนทางด้านหลังมีความปั่นป่วนเล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็สัมผัสได้ถึงอันตรายสายแล้วสายเล่า
“ที่นี่เอง!” หัวใจเธอสั่นไหว ส่งพลังวิญญาณเข้าโจมตีเข้าใส่ห้วงมิตินั้นอย่างรวดเร็ว
“ปัง…”
พลังวิญญาณสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทั้งสองปะทะกันกลางเวหา ถึงแม้ว่าจะมิได้รุนแรงเป็นพิเศษ แต่กลับทำให้บุรุษผู้นั้นปรากฏกาย
หลังจากบุรุษผู้นั้นออกมาแล้วก็มิได้ทำการโจมตีอีก เขามองซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “ไม่ธรรมดาจริงๆ เสียด้วย”
ขณะนี้เอง อวิ๋นอี้ก็ทะยานเข้ามา เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “พวกท่านตีกันเสร็จหรือยัง”
“เจ้ารู้จักเขาหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองอวิ๋นอี้ปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากเจ้ารู้จัก ข้าก็จะไม่สังหารเขา แค่ตีเขาให้ก้นลายก็พอแล้ว! ข้าไม่คิดจะละเว้นคนที่มาหาเรื่อ องข้าหรอกนะ”
เธอพูดพลางคิดจะลงมือโจมตีอีกครั้ง
“…”
อวิ๋นอี้ได้ฟังคำพูดหยาบคายเช่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจนใจ แต่ปากก็ยังเอ่ยว่า “เจ้าหุบเขาน้อยก็แค่อยากทดสอบพลังยุทธ์ของท่านดูเท่านั้นเอง มิได้คิดจะหาเรื่องท่านจริ งๆ หรอกน่า”
การเคลื่อนไหวของซือหม่าโยวเย่ว์ชะงักงัน เธอมองบุรุษผู้นั้นแล้วมองอวิ๋นอี้พลางเอ่ยว่า “เจ้าหุบเขาน้อยหรือ”