สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 386 กลับไปทำความเข้าใจกฎเกณฑ์
หลังจากพวกซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาจากอุโมงค์ทางเดินห้วงมิติแล้วก็ตรงไปยังเมืองอันหยาง ดูเหมือนว่ามารเฒ่าจะรู้จักที่นี่เป็นอย่างดียิ่ง
“พวกเจ้ากลับไปเถิด ข้ากับไป่ชวนจะกลับไปยังเบื้องบน อวิ๋นอี้ เจ้าอยู่ที่นี่ไปนะ” มารเฒ่าพูด
“ท่านอาจารย์ ท่านไม่อยู่กับพวกเราหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“พวกเรามิอาจสอดมือยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเจ้าทางนี้ได้ จะผ่านภัยพิบัติในคราวนี้ไปได้หรือไม่ ล้วนเป็นเรื่องของพวกเจ้าเองทั้งสิ้น” มารเฒ่าพูด
“เพราะเหตุใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ
“นี่คือข้อตกลงของเบื้องบน” มารเฒ่าพูด “ถ้าหากสอดมือยุ่งเกี่ยวเรื่องราวของโลกเบื้องล่างตามอำเภอใจ ก็จะถูกขุมอำนาจอื่นๆ โจมตี”
“มีข้อตกลงเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าหากพวกเราสอดมือยุ่งเกี่ยวเรื่องราวของโลกเบื้องล่างตามอำเภอใจ เช่นนั้นทั้งโลกจะไม่วุ่นวายไปหมดหรอกหรือ ผู้อ่อนแอมีวิถีสวรรค์คุ้มครองอย่างไรเล่า” มารเฒ่าเป่าหนวด
“เช่นนั้นทำไมตำหนักผู้วิเศษถึงขยายอิทธิพลไปทั่วทุกหนแห่ง”
“ถึงแม้ว่าตำหนักผู้วิเศษจะขยายอิทธิพลไปทั่วทุกหนแห่ง แต่เบื้องบนก็ยังไม่อาจยุ่งกับเบื้องล่างได้อยู่ดี พูดได้ว่าถ้าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับตำหนักผู้วิเศษของดินแดนไร้กลิ่นอาย เบื้องบนก็มิอาจส่งคนมายุ่งเกี่ยวด้วยได้ เพียงแต่ว่าหากขยายสาวกออกไปมากขึ้น พวกเขาก็จะได้รับความเชื่อถือมากขึ้น และในภายหน้าเมื่อคนของตำหนักผู้วิเศษในดินแดนอื่นขึ้นไปยังเบื้องบน ก็จะเข้าสู่ตำหนักผู้วิเศษได้ทันทีเท่านั้นเอง”
“ก็พูดได้ว่าถ้าหากพวกเราล้างผลาญตำหนักผู้วิเศษของดินแดนไร้กลิ่นอาย เบื้องบนก็ไม่กล้าส่งคนลงมาทำลายล้างตระกูลอวิ๋นและตระกูลกัวอยู่ดีอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใจแล้ว
“ถูกต้อง” มารเฒ่าพูด “ดินแดนทุกแห่งล้วนมีชะตาของดินแดนตัวเอง ชะตาของดินแดนอี้หลินนั้นย่ำแย่ที่สุด ดังนั้นหลายหมื่นหลายแสนปีผ่านไปจึงกลายสภาพเป็นเช่นนี้ เรื่องในครั้งนี้ คงได้แต่ให้พวกเจ้าไปจัดการกันเองเท่านั้น แต่ข้าเชื่อว่ามีเจ้าอยู่ทั้งคน ย่อมไม่มีปัญหาอะไร ผ่านไปอีกสักสองสามเดือนข้าจะมาดู หากพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะพาพวกเจ้าไปจากที่นี่แล้วกัน พวกเราไปกันดีกว่า”
มารเฒ่าพูดจบก็เปิดอุโมงค์ทางเดินอันหนึ่งขึ้นมาแล้วพาอิงไป่ชวนเข้าไป
ซือหม่าโยวเย่ว์โบกมือพลางอาศัยจังหวะที่อุโมงค์ทางเดินยังไม่ปิดตะโกนประโยคหนึ่งว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอย่าลืมมารับพวกเราให้เร็วหน่อยล่ะ!”
มารเฒ่ายังไม่ทันตอบเธอ อุโมงค์ทางเดินก็ปิดลงเสียแล้ว ทั้งยังไม่รู้เลยว่าเขาได้ยินหรือไม่
“เจ้าหุบเขาน้อย ถ้าหากยังไม่ถึงช่วงวิกฤติของท่าน ข้าก็มิอาจลงมือได้เช่นกัน” อวิ๋นอี้แสดงจุดยืนของตนออกมาก่อน
“ไม่ต้องห่วง” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า “พวกเรากลับตระกูลไปดูกันก่อนเถิด”
“หวังว่าในบ้านจะไม่เกิดเรื่องนะ” ซือหม่าโยวฉิงพูดอย่างกังวลใจ
พวกเขากลับไปถึงจวนซือหม่า เมื่อยามเฝ้าประตูเห็นพวกเขาแล้วก็ค่อนข้างตกตะลึง คุณชายคุณหนูเหล่านี้ไปจากตระกูลมาปีกว่าแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาในเวลานี้
“คุณชาย คุณหนู”
ซือหม่าโยวหลินพยักหน้าให้พวกเขาแล้วถามว่า “ท่านปู่ของข้าเล่า”
“ตอนนี้ท่านประมุขไม่อยู่ในจวนขอรับ ท่านประมุขน้อยเป็นผู้จัดการเรื่องราวต่างๆ ภายในจวนชั่วคราว” ยามรักษาการณ์พูด
ท่านประมุขน้อยก็คือบิดาของซือหม่าโยวหลิน ซึ่งจะเป็นประมุขคนต่อไป หลังจากที่ซือหม่าไท่ฟื้นขึ้นมาแล้วจึงกำหนดเอาไว้
พวกซือหม่าโยวหลินเข้าไปแล้วก็ตรงเข้าไปหาบิดาของเขา
ซือหม่าจิ่งเหรินรู้ว่าพวกซือหม่าโยวหลินกลับมาแล้วก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าพลังของพวกเขาเหนือกว่าตนไปหมดแล้วก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม รู้สึกซาบซึ้งที่ซือหม่าโยวเย่ว์พาพวกเขาออกไป
“ท่านพ่อ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ เหตุใดพวกท่านปู่จึงไม่อยู่กันเลยเล่า” ซือหม่าโยวหลินถาม
ซือหม่าจิ่งเหรินถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “พวกเราเฝ้าสังเกตการณ์เรื่องราวทางฝั่งพื้นสมุทรมาโดยตลอด หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ จู่ๆ สัตว์อสูรทะเลในพื้นสมุทรเหล่านั้นก็โจมตีเข้าใส่มนุษย์ราวกับวิปลาสไปแล้ว ยังดีที่พวกเราส่งคนไว้คอยจับตามองเหตุการณ์ทางนั้นตลอดเวลา จึงทำการป้องกันได้ทันท่วงที”
“แล้วตอนนี้สถานการณ์ทางนั้นเป็นเช่นไรบ้าง”
“ตอนนี้คนของขุมอำนาจแต่ละแห่งมากันหมดแล้ว ทุกคนหนีจากเรื่องเช่นนี้มิได้หรอก” ซือหม่าจิ่งเหรินพูด “แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ยังเป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่าอยู่ดี รู้สึกคล้ายว่าสัตว์อสูรวิเศษทั่วทั้งพื้นสมุทรจะแห่มากันหมดอย่างไรอย่างนั้น”
“พวกท่านปู่ไปกันหมดเลยหรือ” ซือหม่าโยวหลินถาม
“คนระดับบรรพวิญญาณขึ้นไปในตระกูลล้วนไปกันหมดแล้ว ข้าเพิ่งจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จ เตรียมจะพาคนกลุ่มที่เหลือไปอยู่พอดี” ซือหม่าจิ่งเหรินพูด
“พวกเราก็ไปพร้อมกันเลยดีกว่า” ซือหม่าโยวหยางกล่าว
ซือหม่าจิ่งเหรินกำลังคิดจะพูดว่าพลังยุทธ์ของพวกเจ้าต่ำเกินไป ให้รออยู่ที่บ้านอยู่พอดี ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าพลังยุทธ์ของพวกเขาในตอนนี้ร้ายกาจกว่าตนแล้วจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางกันตอนนี้เลยดีกว่า”
จากนั้นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ที่เพิ่งกลับบ้านได้ไม่ทันถึงชั่วโมงจึงออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้บินตรงไปยังเมืองเล็กริมพื้นสมุทร
ซือหม่าไท่และซือหม่าหลิน รวมทั้งผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนกำแพงเมือง เฝ้าสังเกตสถานการณ์พื้นสมุทรเบื้องหน้า และหารือกันถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน
“สัตว์อสูรทะเลมารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ เลย” ซือหม่าหลินพูดอย่างกังวล
“ตระกูลอื่นว่าอย่างไรบ้างเล่า” ซือหม่าไท่ถาม
“ทุกตระกูลต่างบอกว่าทางด้านพวกเขาก็เจอสถานการณ์เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนของตระกูลน่าหลานบอกว่าทางพวกเขาใกล้จะต้านไม่อยู่แล้วขอรับ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด
“ผ่านสงครามมาหลายครั้ง สัตว์อสูรทะเลสิ้นสูญไปไม่น้อย ทว่าพวกมันกลับมิได้ล่าถอย มีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก นี่มิใช่สถานการณ์ที่ดีเลยสักนิด” ซือหม่าไท่พูด
“สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงมากที่สุดก็คือสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นเล็ดลอดออกจากพื้นสมุทรมาบนแดนดิน เรื่องนี้ช่างน่าพิศวงนัก” ซือหม่าเลี่ยพูด
“พวกท่านสังเกตเห็นแล้วหรือยังว่าบนร่างของสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นล้วนมีไอหมอกสีดำอยู่สายหนึ่ง ไอหมอกนี้เองที่ทำให้พวกมันเหาะเหินเดินอากาศได้” ซือหม่าจวิ้นพูด
“จะต้องหาเหตุผลที่สัตว์อสูรทะเลเกิดการจลาจลให้ได้” บรรพชนตระกูลซือหม่าผู้ยากจะเปิดปากพูดเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง
หลายปีมานี้พื้นสมุทรเงียบสงบอย่างยิ่ง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะต้องมิใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน อยากให้สัตว์อสูรทะเลล่าถอยไป ก็ต้องหาเหตุผลของการจลาจลให้พบ
“ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่คนที่ไปตรวจสอบยังไม่กลับมาเลยสักคน ไม่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น ตระกูลอื่นๆ ก็ส่งคนไปตรวจสอบเหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน” ซือหม่าไท่พูดพลางขมวดคิ้ว “เมื่อวานพวกเราเพิ่งส่งคนสองคนไปรวมกับคนของตระกูลอื่นๆ เป็นกองพลเล็กๆ เพื่อสืบหาสาเหตุ ถ้าหากยังสืบไม่พบอีก พวกเราก็คงได้แต่ต้องออกโรงเองแล้ว”
“ถ้าหากเจ้าเด็กโยวเย่ว์ผู้นั้นอยู่ด้วยก็ดีน่ะสิ เขามีสัตว์อสูรเหนือเทพ ย่อมต้องหาสาเหตุของเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน” ซือหม่าหลินพูด
“แต่ตอนนี้พวกเขายังอยู่ที่ดินแดนแห่งอื่น คิดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ซือหม่าไท่รำพึง
“เฮ้… นี่กำลังคิดถึงพวกเรากันอยู่ใช่หรือไม่” เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ลอยมา ทำให้คนกลุ่มนี้คิดว่าหูแว่วไปเสียแล้ว
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ลงมามาบนกำแพง เมื่อเห็นพวกซือหม่าไท่จึงยิ้มกว้างแล้วคารวะบรรดาผู้อาวุโส
“พวกเจ้ามิได้อยู่ที่ดินแดนอื่นกันหรอกหรือ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ซือหม่าหลินถามอย่างตกใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ส่งพวกเรากลับมา พอพวกเรากลับมาถึงตระกูลแล้วทราบว่าพวกท่านอยู่ที่นี่กันหมดจึงรีบมาที่นี่ด้วย”
“โยวหลิน พบบิดาเจ้าแล้วหรือ” ซือหม่าไท่ถาม
“ท่านพ่อมากับพวกเราด้วย แต่ตอนนี้ไปจัดการกับคนที่พามาอยู่น่ะขอรับ” ซือหม่าโยวหลินพูด
“พลังยุทธ์ของพวกเจ้าเล่า” ซือหม่าหลินรู้สึกว่ากลิ่นอายของพวกเขาคล้ายคลึงกับตนเป็นอย่างยิ่ง จึงมองพวกเขาอย่างเหนือความคาดหมาย
โดยเฉพาะซือหม่าโยวเย่ว์ ซึ่งแม้กระทั่งพวกตนก็ยังมิอาจรับสัมผัสกลิ่นอายของเขาได้ นี่มิได้หมายความว่าระดับขั้นของเขาสูงกว่าตนอีกหรือไร