สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 387 วางกับดักตระกูลน่าหลาน
เมื่อได้ยินซือหม่าหลินพูดเช่นนี้ ทุกคนถึงค่อยสังเกตกลิ่นอายของพวกเขา ปรากฏว่าเลื่อนไปถึงระดับจ้าววิญญาณกันแล้ว!
“พวกเจ้า…”
ทุกคนตกตะลึงไม่น้อย พวกเขาจากไปเพียงแค่ปีเดียว แต่กลับเลื่อนจากระดับบรรพวิญญาณและราชันวิญญาณไปถึงระดับจ้าววิญญาณเสียแล้ว!
ที่แท้หลังจากพวกเขาออกไปแล้วพบเจอกับสิ่งใดมากันแน่!
โลกภายนอกฝึกฝนได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
“ได้รับโอกาสมาไม่น้อยเลย ดังนั้นจึงก้าวหน้าได้ค่อนข้างเร็วน่ะขอรับ” ซือหม่าโยวหลินพูด
“ท่านปู่” พวกซือหม่าโยวหมิงยิ้มพลางเดินเข้าไปข้างกายซือหม่าเลี่ย
ซือหม่าเลี่ยเห็นระดับขั้นของหลานชายตนสูงกว่าตนแล้วหัวใจก็หวันไหว รู้สึกภาคภูมิใจเกินกว่าจะหาคำมาอธิบายได้
หลายปีมานี้พลังยุทธ์ของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือของซือหม่าโยวเย่ว์ แต่กลับยังมิได้บรรลุระดับจ้าววิญญาณ
“ท่านประมุข เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกท่านกำลังบ่นคิดถึงข้าอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ลืมว่าเมื่อครู่พวกเขาพูดว่าหากเธออยู่ก็คงดี
“ใช่แล้ว” ซือหม่าไท่พูด “พวกเจ้าดูในทะเลสิ”
สถานที่ที่พวกเขาอยู่กันในตอนนี้ก็คือเมืองบนหน้าผาริมทะเลแห่งหนึ่ง กำแพงเมืองด้านหนึ่งอยู่บนหน้าผา เกลียวคลื่นที่เกิดจากน้ำทะเลซัดสาดตีน กำแพงเมืองเป็นระยะๆ
พวกซือหม่าโยวเย่ว์มองไปยังผิวทะเลแล้วพบว่าพื้นผิวทะเลเต็มไปด้วยสัตว์อสูรทะเลแน่นขนัด เห็นผิวทะเลสีครามกลายเป็นสีดำสนิท
นอกจากนี้ไม่ใช่เพียงฝั่งริมกำแพงเท่านั้น แต่มีไปทั่วทั้งชายฝั่ง!
“เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรทะเลมากมายถึงเพียงนี้!” พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็ตกตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะหนักหน่วงถึงเพียงนี้
“แต่สัตว์อสูรทะเลก็อยู่ได้แค่ในทะเลเท่านั้นมิใช่หรือ ขอเพียงแค่พวกเราไม่ลงไปในทะเลก็ไม่เป็นไรแล้วกระมัง” เจ้าอ้วนชวีถาม
“แต่เรื่องจริงมิได้เป็นเช่นนั้นน่ะสิ” ซือหม่าหลินพูด
“พวกมันบินได้อย่างนั้นหรือ”
ความจริงเจ้าอ้วนชวีเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าทุกคนกลับพยักหน้า
“หา… บินได้จริงๆ หรือ”
“อืม” ซือหม่าไท่พยักหน้า “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นจึงบินได้กันหมด พวกเราเคยเห็นเส้นสีดำคล้ายมีคล้ายไม่มีอยู่บนร่างของ พวกมัน จึงเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้”
“ตรวจสอบหรือยังว่าเส้นสีดำนั้นคือสิ่งใด” ซือหม่าโยวหยางถาม
“ยังเลย”
“พวกเราลองไปสืบหาสาเหตุการจลาจลของสัตว์อสูรทะเล แต่กลับตรวจไม่พบอะไรเลย ผ่านไปสองวันแล้ว คนที่ส่งไปก็หายเงียบไร้ซึ่งข่าวคราว”
“พวกเราคาดเดาว่าพวกเขาอาจตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นจึงนึกถึงว่าถ้าหากเจ้าอยู่ด้วย สัตว์อสูรเหนือเทพของเจ้าอาจสืบหาสาเหตุที่แท้จริงพบก็ได้”
“หากไม่หาสาเหตุให้พบ ก็ไม่รู้ว่าการจลาจลคราวนี้จะลากยาวไปถึงเมื่อไหร่”
ซือหม่าโยวเย่ว์ฟังคำพูดของพวกเขาแล้วขมวดคิ้ว รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับเกาะลืมกังวล
ขณะนี้เอง ยามรักษาการณ์ผู้หนึ่งก็กระวีกระวาดขึ้นมาบนกำแพงเมือง เขามองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นพวกซือหม่าไท่จึงรีบวิ่งเข้ามาหา
“ท่านประมุข ตระกูลซางส่งคนมารับมือ แผนการในคราวนี้ล้มเหลวอีกแล้วขอรับ แต่สิ่งที่แตกต่างกับครั้งก่อนๆ ก็คือสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นโยนซากศพกล ลับมาด้วยขอรับ” ยามรักษาการณ์ประสานหมัดพูด
“น่ารังเกียจนัก!” เหล่าผู้อาวุโสกำหมัดแน่น เดือดดาลกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
“คนผู้นั้นยังบอกว่า อีกสามตระกูลใหญ่วางแผนจะรวบรวมผู้นำของขุมอำนาจทั้งหมดไปหารือว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปด้วยขอรับ” ยามรักษาการณ์ผู้นั้นพ พูดต่อไป “นอกจากนี้ท่านประมุขตระกูลซางยังให้เขาส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ด้วยนะขอรับ”
“เอามาให้ข้า” ซือหม่าไท่พูด
ยามรักษาการณ์หยิบจดหมายซองหนึ่งออกมาส่งให้ซือหม่าไท่ หลังเปิดออกแล้วเขาจึงกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว
“ท่านประมุข ในจดหมายว่าอย่างไรบ้างหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่ถาม
“บอกเวลาและสถานที่ของการประชุมคราวนี้น่ะ” ซือหม่าไท่พูด “ทั้งยังบอกด้วยว่าตระกูลน่าหลานเป็นผู้เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน คาดว่าตระกูลน่า หลานคงจะสูญเสียอย่างหนัก จึงได้คิดเคลื่อนไหวเช่นนี้”
“ตระกูลน่าหลานสูญเสียอย่างหนักหรือ มีคนตายไปเยอะอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่แล้ว” ซือหม่าไท่แย้มยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างบอกไม่ถูก “ตอนนั้นพวกเราสี่ตระกูลใหญ่คอยนำตระกูลอื่นๆ เช่น ประมุขตระกูลหลี่จ จะรับผิดชอบจัดหายาวิเศษ ข้าเล่าเรื่องสถานที่สี่แห่ง ระหว่างนั้นก็เล่าถึงสถานการณ์ของแต่ละแห่งไปด้วย หลังจากนั้นก็บอกว่าสถานการณ์ในสถานที่แห่ งหนึ่งค่อนข้างเบาแรงหน่อย ตาเฒ่าตระกูลน่าหลานผู้นั้นก็รีบชิงไปในทันที ผลปรากฏว่าเขาไปแล้วพบว่ามิได้เบาแรงอย่างที่พูด ถึงขนาดที่สถานการณ ณ์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นสถานที่ที่สาหัสที่สุด คนของพวกเขาก็ตายไปมากที่สุดด้วย”
“เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มาหาเรื่องพวกท่านหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เชื่อ ตระกูลน่าหลานย่อมไม่มีทางทนอะไรเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน ทำเช่นนี้ก็เ เห็นชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือว่าขุดหลุมพรางดักพวกเขา
“จะมาหาเรื่องอะไรได้เล่า ตอนที่พวกเขาไปยังสถานที่แห่งนั้น มันเป็นสถานที่ที่สบายที่สุดจริงๆ สถานการณ์เพิ่งจะมาย่ำแย่ในภายหลัง พวกเราเพียงแค่ มิได้พูดถึงแนวโน้มนี้เท่านั้นเอง แล้วพวกเขาจะพูดอะไรได้เล่า”
“จิ้งจอกเฒ่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำ
เขาจะต้องค้นพบแล้วอย่างแน่นอนว่าตอนนี้สถานที่แห่งนั้นดูเหมือนจะสบาย แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะย่ำแย่ลงได้ในภายหลัง ดังนั้นตระกูลน่าหลานจึงเลื อกดินแดนแห่งนั้นในทันทีเพราะคิดว่าจะง่ายดาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะไปคว้าเผือกร้อนมาเสียได้
อันที่จริงแล้วหลังจากนั้นตระกูลน่าหลานเคยพูดถึงเรื่องนี้กับตระกูลซือหม่ามาก่อนแล้ว แต่คนของตระกูลซือหม่าบอกว่าตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ทราบเช ช่นกัน นอกจากนี้สถานที่นี้ยังสบายที่สุดในตอนนั้น พวกเขาเป็นคนแย่งชิงไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลซือหม่าเลย
ตระกูลน่าหลานน้ำท่วมปาก รู้ว่าตระกูลซือหม่าขุดหลุมพรางดักพวกตน แต่ก็ทำอะไรมิได้ ได้แต่ทนอยู่ที่นั่นต่อไป
ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป ดังนั้นจึงได้เสนอเรื่องการประชุมนี้ขึ้นมา ซือหม่าโยวเย่ว์คาดว่า ไม่แน่คราวนี้พวกเขาอาจจะเสนอให้เลือกผู้นำร่วมกันขึ้นมาก็เป็นได้
“การประชุมคราวนี้จัดที่ไหนหรือ” บรรพชนตระกูลซือหม่าถาม
“ที่ตั้งของตระกูลน่าหลานในเมืองเย่ ในอีกห้าวันให้หลัง” ซือหม่าไท่เอ่ยตอบ
“เช่นนั้นท่านคิดจะพาใครไปเล่า” ผู้อาวุโสใหญ่ถาม
“โยวเย่ว์กับโยวหลิน นอกนั้นก็พาคนอารักขาไปอีกสักสองคนก็พอแล้ว” ซือหม่าไท่พูด “คนอื่นๆ ก็รอกันอยู่ที่นี่ คอยดูสถานการณ์ที่นี่ชั่วคร ราวก่อน”
เขาบอกว่าพาซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลินไป ผู้อื่นก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าข้างกายเธอมีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ ไม่ต้องก กังวลว่าตระกูลน่าหลานจะทำเรื่องชั่วช้า
แต่สุดท้ายผู้ที่ออกเดินทางไปด้วยกันมีถึงสิบคน เพราะพวกเป่ยกงถังติดตามไปด้วย
ซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ที่ไหน พวกเขาก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย
ระหว่างเมืองเย่และเมืองที่พวกเขาอยู่ไม่มีค่ายกลนำส่ง ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ขี่สัตว์อสูรบินได้ไป พวกเขาบินขนาบริมทะเลอยู่นานสี่วันจึงไปถึ งเมืองเย่
ตระกูลน่าหลานได้ส่งคนมารอต้อนรับผู้มาเยือนที่หน้าประตูเมืองอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึง ตระกูลน่าหลานจึงรู้ในทันที
แต่ซือหม่าไท่กลับมิได้ไปพบคนตระกูลน่าหลาน หากแต่พาพวกซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปในหาที่พักผ่อนในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ไม่ไว้หน้าตระกูลน่าหลาน นเป็นอย่างยิ่ง
คนของขุมอำนาจอื่นๆ เห็นเช่นนี้แล้วอดเบ้ปากมิได้ ตระกูลซือหม่านี่ช่าง…
แต่ทุกคนต่างก็ทราบดีถึงความแค้นระหว่างสองตระกูล และรู้สึกว่าการกระทำนี้ของตระกูลซือหม่าเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
เมืองเย่ก็เป็นเมืองริมทะเลเช่นกัน วันรุ่งขึ้นซือหม่าโยวเย่ว์ไม่มีธุระอะไร จึงไปดูสถานการณ์ที่ริมทะเลกับพวกเป่ยกงถัง แล้วพบว่าสัตว์อสูรทะ ะเลที่นี่มีมากกว่าที่อื่นจริงๆ สถานการณ์อันตรายมากพอดู
“โยวเย่ว์ พวกเจ้าดูสิ สัตว์อสูรทะเลพวกนี้มีบางอย่างผิดปกติน่ะ” เป่ยกงถังชี้สิ่งผิดปกติในน้ำพลางพูดขึ้น
…………………………..