สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 388 สัตว์อสูรทะเลบุกโจมตี
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็พบสิ่งผิดปกติในทะเลเช่นกัน จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “สัตว์อสูรทะเลเหล่านี้มีปัญหาจริงๆ ด้วย แววตาของพวกมันดูล่องลอยเหลือเกิน”
“หรือว่าพวกมันถูกควบคุมเหมือนสัตว์อสูรวิเศษที่เทือกเขาหมื่นอสูร” เจ้าอ้วนชวีคาดเดา
“มีความเป็นไปได้นะ” เว่ยจือฉีพยักหน้า
“หรือจะเป็นเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เกาะลืมกังวลที่โยวเย่ว์พูดถึงเมื่อคราวก่อนนั่นเล่า” โอวหยางเฟยขมวดคิ้ว
“ถ้าหากใช่จริงๆ ก็คงวุ่นวายเสียแล้วล่ะ” เป่ยกงถังพูด
“ใช่” ซือหม่าโยวเย่ว์รำพึง ถ้าหากเป็นเจ้านั่น เรื่องราวก็คงวุ่นวายจริงๆ แล้ว
ตอนนั้นเจ้าไก่ฟ้าก็บอกแล้วว่าถึงแม้สิ่งมีชีวิตตนนี้จะสู้เจ้าสิ่งมีชีวิตที่เทือกเขาหมื่นอสูรตนนั้นมิได้ แต่ถ้าหากมิใช่เพราะถูกสะกดเอาไว้ คราวนั้นเขาก็คงมิอาจเทียบเคียงกับมั นได้เลย
เธอนึกถึงประกายสีดำที่กลืนกินสิ่งมีชีวิตบนเกาะที่เธอเห็นตอนอยู่ที่พื้นสมุทรในยามนั้นขึ้นมา ความหวาดผวายังวนเวียนในใจอยู่จนถึงตอนนี้
ซือหม่าโยวหลินย่อมต้องนึกถึงประสบการณ์ในคราวนั้นเช่นเดียวกัน ในใจจึงเป็นกังวลไม่น้อยเช่นกัน
ขณะนี้เอง คนกลุ่มหนึ่งก็บินผ่านมาบนท้องฟ้าเหนือพวกเขา เมื่อเห็นพวกเขาอยู่ที่ริมฝั่งจึงหยุดลงครู่หนึ่ง แล้วหนึ่งในนั้นก็ลงมา ส่วนคนอีกกลุ่มที่เหลือก็บินตรงไปยังเมือง เย่ต่อ “พี่โยวหลิน” หลังจากซางเฉียงหลีร่อนลงสู่พื้นแล้วจึงพยักหน้าให้กับซือหม่าโยวหลิน หลังจากนั้นจึงมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าตามหาเจ้ามาโดยตลอด ต่อ อมาจึงได้ยินว่าเจ้าไปจากดินแดนอี้หลินเสียแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์สะดุ้ง ตามหาเธออย่างนั้นหรือ
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วนี่” ซางเฉียงหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของซือหม่าโยวเย่ว์ จึงเอ่ยว่า “เจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนนั้นไม่น้อยเลย เข้าสู่ระดับจ้าววิญญาณแล้วหรือ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
เธอนึกถึงตอนที่เจ้าคนผู้นี้คิดจะแข่งขันกับตน แต่มิได้รับคำท้าของเขา ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นที่เขาตามหาตน ก็คงเป็นเพราะอยากจะแข่งขันกับตนสักยกหนึ่ง
ซางเฉียงหลีเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ยอมรับ หัวใจก็สั่นสะท้าน แต่สีหน้ากลับมิได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
“พี่เฉียงหลีอยู่ที่ชายฝั่งทะเลมาโดยตลอดเลยหรือ” ซือหม่าโยวหลินถาม
“ใช่ อยู่มาตั้งแต่การจลาจลสัตว์อสูรทะเลเริ่มต้นขึ้นแล้ว” ซางเฉียงหลีพูด
“เช่นนั้นเจ้าเคยพบเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
ซางเฉียงหลีมองดูสัตว์อสูรทะเลในน้ำแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกบางสิ่งบางอย่างควบคุมอยู่ พวกเราก็เคยสืบหาสาเหตุที่ควบคุมพวกมันอยู่เช่นเดียวกัน คนที่ส่งออกไปในตอนแรก กไม่เพียงแต่จะสืบหาข้อมูลมิได้เท่านั้น ทว่ายังไปแล้วไม่กลับอีกต่างหาก คราวนี้ซากศพของพวกเขายังถูกโยนลงมาตรงหน้าพวกเราอีกด้วย ช่างตายได้อย่างน่าเศร้านัก”
เสียงของซางเฉียงหลีสั่นเครืออยู่บ้าง ดูเหมือนว่าจะถูกการยั่วยุนี้กระตุ้นเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
“พลังยุทธ์ของสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นเล่า มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
เธอจำได้ว่าเคยได้ยินที่เหยียนลู่บอกว่าตอนที่บรรดาอสูรของเทือกเขาหมื่นอสูรบุกโจมตีเมือง พลังยุทธ์จะแข็งแกร่งกว่ายามปกติอยู่เล็กน้อย รวมกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกสะกดเอาไว้ก็ม มีพลังเท่าเทียมกับสัตว์อสูรวิเศษ หรือสัตว์อสูรเทพแล้ว
“ข้าได้ยินคนที่ติดต่อกับคนที่เคยต่อสู้กับสัตว์อสูรทะเลบอกว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรนะ” ซางเฉียงหลีเข้าใจความหมายของซือหม่าโยวเย่ว์จึงเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นก็ยังดีหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ความเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือการหาสาเหตุที่ควบคุมสัตว์อสูรทะเลเหล่านี้อยู่” ซือหม่าโยวหลินพูด “หวังว่าจะไม่ใช่สิ่งนั้นเป็นใช้ได้”
“สิ่งนั้นหรือ พี่โยวหลินไปรู้สิ่งใดมาอย่างนั้นหรือ” ซางเฉียงหลีถาม
ซือหม่าโยวหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ปราดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอมิได้ปฏิเสธ จึงเล่าเรื่องที่เผชิญที่เกาะลืมกังวลในตอนนั้นให้ฟัง
ถึงอย่างไรตระกูลซือหม่าก็ต้องเล่าเรื่องนี้ออกมาในที่ประชุมคราวนี้อยู่ดี เขาก็เพียงแค่เล่าให้ฟังล่วงหน้าเท่านั้นเอง
“แต่ข้าเคยได้ยินท่านปู่ข้าบอกว่าเขาพยายามส่งคนไปยังเกาะลืมกังวล แต่ไปแล้วก็ไปลับ ไม่กลับมากันเลย” เขาเอ่ยเสริม
“ไม่ว่าผู้ใดที่เข้าไปยังพื้นสมุทร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลย” ซางเฉียงหลีพูด หลังจากนั้นจึงมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “แต่เจ้ามีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ บางทีอ อาจจะทำได้นะ”
ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ฝากความหวังเอาไว้ที่ซือหม่าโยวเย่ว์ แต่กลับได้รู้ว่าเธอไปจากดินแดนแห่งนี้ได้หนึ่งปีกว่าแล้ว จากนั้นก็ได้รู้ว่าเธอเข้าสู่หุบเขามารเทพแล้ว แต่ยังไม่ได ด้บอกสถานะของเจ้าหุบเขาน้อย และการที่เธอไปจากดินแดนนี้ได้สำเร็จก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของหุบเขามารเทพนั่นเอง
ตอนนี้เมื่อทุกคนรู้ว่าเธอกลับมา ก็ย่อมต้องอยากให้เธอไปตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
ในขณะที่พวกเขาสนทนากันอยู่นั้นเอง ทั่วทั้งพื้นสมุทรก็เดือดพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน สัตว์อสูรทะเลระดับต่ำที่รวมตัวกันอีกครั้งก่อนหน้านี้กระจายตัวกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นสัตว ว์อสูรเทพฝูงใหญ่จึงเคลื่อนเข้ามาใกล้ ในขณะที่กำลังจะถึงชายฝั่งทะเลนั้นเอง พวกเขาก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันใด
“แย่แล้ว! วาฬเพชฌฆาตนี่!” ซางเฉียงหลีมองวาฬเพชฌฆาตเหล่านั้นแล้วร้องเสียงดัง
ขณะนี้เอง เสียงแตรยาวก็ดังมาจากภายในเมืองเย่ เมื่อเสียงแตรนั้นดังขึ้น ผู้คนก็ทยอยกันขึ้นมาปรากฏตัวบนกำแพงเมืองอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นสัตว์อสูรทะเลที่มารวมตัวกันในคราวนี้ สีหน้าของคนบนกำแพงเมืองก็แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง
วาฬเพชฌฆาตนี้อำมหิตเป็นที่สุด พลังหางมหาศาล ฟันอันคมกริบนั้นเห็นแล้วชวนให้ใจคนตื่นตระหนก
“เหตุใดจึงเป็นวาฬเพชฌฆาตไปได้เล่า สัตว์อสูรทะเลชนิดนี้มิได้พบเห็นได้ยากยิ่งหรอกหรือ” มีคนร้องเสียงดังขึ้นมา
“แล้วยังมีจำนวนมากมายถึงเพียงนี้อีกด้วย เกรงว่าพวกเราจะมีจำนวนคนไม่เพียงพอ จงไปเรียกคนที่อยู่ใกล้ๆ มาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ทันแล้ว! คราวนี้วาฬเพชฌฆาตมีจำนวนมากเกินไป เกรงว่าพวกเราจะต้านเอาไว้ได้ไม่นานเท่าใดนัก!”
“ตอนนี้จะทำเช่นไรกันดี หรือว่าคราวนี้พวกเราจะหายนะยากรอดพ้นจริงๆ เสียแล้ว”
“ไม่หรอก! จะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน!”
“จะยังมีวิธีอันใดอีกเล่า สัตว์อสูรเทพมากมายถึงเพียงนี้บุกเข้ามา ทั้งยังมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นขั้นห้าขึ้นไปด้วย พวกนั้นเป็นสัตว์อสูรเทพพลังยุทธ์ระดับจ้าววิญญาณเชียวนะ แ แต่เจ้าดูสิว่าพวกเรามีจ้าววิญญาณมากสักเท่าไหร่กันเชียว”
การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเทพหลายร้อยตัว ทำเอาคนเหล่านี้ตื่นตระหนกกันไปหมดแล้ว
“เหตุใดทางนั้นยังมีคนรุ่นเยาว์อีกหลายคนยืน” มีคนมองเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์
คนอื่นมองตามไปก็เห็นว่ามีหลายคนยืนอยู่ห่างออกไป กำลังจ้องเขม็งไปยังฝูงวาฬเพชฌฆาตที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง ท่าทางที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยนั้นดูเหมือนถูกทำใ ให้ทึ่มทื่อไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นพวกเขานั่นเอง!” มีคนจำพวกซือหม่าโยวเย่ว์ได้ จึงหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วเอ่ยว่า “ฮ่าๆ ข้ามีทางรอดแล้ว! มีทางรอดแล้ว!”
“เจ้าโง่งมไปแล้วหรือไร พวกเขามีกันอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เจ้าจะดีใจไปทำไมเล่า”
คนที่จำซือหม่าโยวเย่ว์ได้ผู้นั้นชี้มาทางซือหม่าโยวเย่ว์ราวกับเห็นความหวังในการมีชีวิตรอด “นั่นคือซือหม่าโยวเย่ว์แห่งตระกูลซือหม่า เป็นเขานั่นเอง!”
“รุ่นอักษรโยวหรือ คงเป็นรุ่นเยาว์ที่สุดของตระกูลซือหม่าสินะ เจ้ายังหวังให้เด็กน้อยคนหนึ่งช่วยเหลือพวกเราอีกหรือไร” คนที่เอ่ยวาจาส่งสายตาว่าเจ้าช่างโง่นักใส่คนผู้นั้น
“เจ้าน่ะสิที่โง่! ซือหม่าโยวเย่ว์เชียวนะ! เขามีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่กับตัว! มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ทั้งที แล้วจะเกิดเรื่องกับพวกเราได้อย่างไรกัน!” คนผู้นั้นพูดอย่างตื่ นเต้น
“ข้านึกออกแล้ว ตระกูลซือหม่ามีคนรุ่นเยาว์ที่มีสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่จริงๆ แต่ว่ากันว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไปจากดินแดนแห่งนี้แล้วนี่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่นี่ได้! เช่นนั้นค คราวนี้พวกเราก็มีทางรอดแล้วน่ะสิ!”
“ช่างดีเหลือเกิน!”
ผู้คนบนกำแพงเมืองตื่นเต้นดีใจไม่น้อย สายตาที่มองไปทางวาฬเพชฌฆาตมิได้หวาดหวั่นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนอยู่ที่ชายฝั่งพลางจ้องมองวาฬเพชฌฆาตที่บินเข้ามา พร้อมกับสังเกตบางสิ่งบางอย่างโดยละเอียด
เช่นเดียวกับที่พวกซือหม่าไท่บอก บนร่างของวาฬเพชฌฆาตเหล่านี้ล้วนมีเส้นสายสีดำจางๆ เกี่ยวพันกันอยู่ คล้ายกับลากพวกมันขึ้นมาจากทะเล แต่ก็มิอาจบอกได้ว่าเป็นสิ่งที่ควบคุมพ พวกมันอยู่
ทันใดนั้นสายตาของเธอก็จับอยู่บนกลุ่มเมฆครึ้มที่ลอยพลิ้วอยู่กลางอากาศ เธอรู้สึกว่าเมฆครึ้มกลุ่มนั้นแปลกพิกลอยู่บ้าง
……………………………………..