สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 390 ตระกูลน่าหลานที่หน้าหนาเป็นที่สุด
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ตามคนของตระกูลน่าหลานไปยังเรือนพักแห่งหนึ่ง คาดว่าเรือนนี้น่าจะเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สุดในเมืองเย่ ซึ่งตอนนี้เป็น “กองบัญชาการ” ของตระกูลน่าหลาน
“ท่านประมุขตระกูลซือหม่า ท่านประมุขท่านอื่นๆ มาถึงกันหมดแล้ว ท่านประมุขของพวกเรากำลังรอพวกท่านอยู่ข้างในขอรับ” ยามรักษาการณ์ที่นำทางมาพูด
เพราะซือหม่าไท่เดินด้วยความเชื่องช้าอย่างยิ่งตลอดทาง นอกจากนี้ยังอยู่ไกลด้วย ระหว่างที่รอพวกเขามา ขุมอำนาจอื่นๆ จึงมาถึงกันหมดแล้ว
“ประมุขตระกูลซือหม่าพบตัวได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว รอท่านอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!”
ทันทีที่เข้าไปในห้องโถงใหญ่ น้ำเสียงอันคลุมเครือเสียงหนึ่งก็ดังแว่วมา
ซือหม่าโยวเย่ว์มองไปตามเสียงนั้น หญิงชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นผู้หนึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งตรงกลาง สายตาที่จ้องมองพวกเขานั้นเยียบเย็นอึมครึมเป็นอย่างยิ่ง
“นั่นคือใครหรือ” เธอกระซิบถามซือหม่าโยวหลิน
“น่าจะเป็นบรรพชนของตระกูลน่าหลานกระมัง” ซือหม่าโยวหลินคาดเดาโดยอ้างอิงจากตำแหน่งที่นั่งของนาง
เรื่องในคราวนี้เป็นการทดสอบที่จริงจังอย่างยิ่งสำหรับทั้งดินแดน ดังนั้นบรรพชนของแต่ละตระกูลจึงออกจากการปลีกวิเวกกันหมด
ซือหม่าไท่มิได้ใส่ใจกับคำพูดของหญิงชราผู้นั้น แล้วเอ่ยว่า “โรงเตี๊ยมที่พักของพวกเราอยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก หลานชายของข้าเพิ่งจะเข้าร่วมการต่อสู้เมื่อตอนบ่ายวันนี้มา ข้าต้องใช้เวลาในการปลอบขวัญพวกเขาหน่อยจึงได้มาสาย ขออภัยด้วย”
ปากเขาพูดเช่นนี้ แต่ในคำพูดนั้นกลับมิได้มีการขอโทษอยู่เลยแม้แต่น้อย
“พูดถึงการต่อสู้ในคราวนี้ สัตว์อสูรทะเลที่โหดเหี้ยมอย่างวาฬเพชฌฆาตนี่เพิ่งเคยปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งแรกกระมัง” มีคนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องการต่อสู้แทน
“ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น สัตว์อสูรเทพที่มาในคราวนี้ยังมากกว่าเมื่อก่อนด้วย ถ้าหากมิใช่เพราะมีสหายน้อยตระกูลซือหม่าและสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของพวกเขา เกรงว่าวันนี้พวกเราทั้งเมืองคงตกอยู่ในอันตรายกันหมดแล้ว”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ทุกคนจึงนึกขึ้นมาได้ว่าคนรุ่นเยาว์กลุ่มนี้และสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของพวกเขาล้วนเป็นระดับจ้าววิญญาณกันทั้งสิ้น!
ยิ่งคิดถึงว่าวันนี้พวกเขาลงแรงไปเพื่อการต่อสู้ในคราวนี้ ทุกคนก็ไม่สนใจเรื่องที่พวกเขามาสายอีกต่อไป
ประมุขตระกูลน่าหลานนั่งลงข้างกายหญิงชราผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า “ทุกท่านคงเห็นแล้วว่าเหตุการณ์ในวันนี้ที่จริงแล้วอันตรายอย่างยิ่ง เพราะขาดการวางแผน ทำให้พลังยุทธ์ของพวกเราทางนี้ค่อนข้างอ่อนแอจนเกือบจะทำให้ทุกคนวอดวายกันหมดแล้ว”
“สถานการณ์ค่อนข้างอันตรายจริงๆ” ทุกคนเห็นด้วย
ประมุขตระกูลน่าหลานเห็นปฏิกิริยาของทุกคนแล้วมุมปากก็ผุดรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยว่า “สถานการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่อื่นด้วยเหมือนกัน หลังจากคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ข่าวแล้วก็รีบไป อาการบาดเจ็บก็สาหัสเป็นอย่างยิ่ง มนุษย์ตายเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง พลังการต่อสู้ของพวกเราก็อ่อนแอลงไปส่วนหนึ่ง นี่เป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์เราเลยก็ว่าได้ แต่เรายังหลีกเลี่ยงการสูญเสียเช่นนี้ได้อยู่”
“หลีกเลี่ยงอย่างไรหรือ” มีคนรับคำเขา
“ถ้าหากพวกเรารวบรวมพลังการต่อสู้ทั้งหมดมาผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วจัดการให้ดี ก็ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แบ่งพลังที่แตกต่างกันขึ้นอย่างแน่นอน” ประมุขตระกูลน่าหลานพูด
“ความหมายของประมุขตระกูลน่าหลานก็คือพวกเราจะรวมขุมอำนาจทั้งหมดเข้าด้วยกัน สร้างพันธมิตร หลังจากนั้นก็เลือกหัวหน้าพันธมิตรขึ้นมาคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ” ประมุขตระกูลหั่วพูด
“ข้าหมายความเช่นนั้นแหละ” ประมุขตระกูลน่าหลานพยักหน้า
“สร้างพันธมิตร ตระกูลหั่วของข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้เต็มที่” ประมุขตระกูลหั่วพูด
“ตระกูลซางของข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน” ประมุขตระกูลซางเอ่ย
“พวกเราก็เห็นด้วย” ประมุขตระกูลหลี่กล่าว
ความสนใจของทุกคนมุ่งตรงไปยังซือหม่าไท่ ถ้าหากทั้งห้าตระกูลใหญ่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ทั้งหมด ขุมอำนาจที่เหลือเหล่านั้นก็มิอาจมีความเห็นเป็นอื่นได้อีกแล้ว
“มองข้ากันหมดทำไมเล่า” ซือหม่าไท่เอนพิงพนักเก้าอี้แล้วเอ่ยว่า “เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ ตระกูลซือหม่าย่อมต้องเห็นด้วยอยู่แล้วสิ”
ประมุขตระกูลน่าหลานเห็นซือหม่าไท่รับปากอย่างง่ายดายเช่นนี้ก็รู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง แต่ก็มิได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากมาย เพียงเอ่ยว่า “แล้วคนอื่นๆ เล่า”
“พวกเราเห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
ทุกคนในที่นั้นต่างเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ไม่มีใครเห็นต่างเลยแม้แต่คนเดียว
“เอาละ” ประมุขตระกูลน่าหลานโบกมือ ทุกคนจึงพากันเงียบลง เขาเอ่ยต่อไปว่า “ในเมื่อทุกคนไม่มีความเห็นอื่นใด เช่นนั้นพวกเราก็มาเลือกหัวหน้าพันธมิตรกันตอนนี้เลย ให้เขาเป็นผู้นำทุกคนไปต่อกรกับสัตว์อสูรทะเลด้วยกัน!”
“ดี!” ทุกคนพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าทุกท่านมีผู้ที่อยากให้เป็นหัวหน้าพันธมิตรอยู่ในใจหรือไม่” ประมุขตระกูลน่าหลานถาม
“ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว จึงจะแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ได้!” มีคนพูด
“เช่นนั้นก็ต้องเป็นท่านบรรพชนตระกูลน่าหลานจึงจะเหมาะสมที่สุด!”
“ถูกต้อง ท่านบรรพชนน่าหลานพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราที่นี่ ตามเหตุผลก็ต้องให้นางเป็นหัวหน้าพันธมิตร!” ผู้อื่นสนับสนุน
“ถูกต้อง”
คนตระกูลน่าหลานต่างยิ้ม พวกเขาก็คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าบรรพชนของแต่ละตระกูลจะต้องไม่มีทางมาเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้ให้บรรพชนของตนมาเข้าร่วมด้วย ด้วยวาจาของคนเหล่านี้ ตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรย่อมต้องตกเป็นของพวกเขาตระกูลน่าหลานอยู่แล้ว!
รอให้พวกเขาได้เป็นหัวหน้าพันธมิตรก่อน จะต้องส่งคนของตระกูลซือหม่าไปอยู่แนวหน้า ให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกลากไปเป็นหัวแถวบ้าง!
หญิงชราผู้นั้นแย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หญิงชราอย่างข้าก็เป็นเพียงแค่ท่อนกระดูกแก่ๆ เท่านั้น จะแบกรับภารกิจนี้ได้อย่างไรเล่า!”
“บรรพชนน่าหลาน ท่านอย่ามัวถ่อมตนอยู่เลย ที่นี่นอกจากท่านแล้ว ใครจะยังมานั่งบนตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรได้อีกเล่า!”
“นั่นน่ะสิ!”
“ตำแหน่งนี้ไม่มีใครเหมาะสมกว่าบรรพชนน่าหลานอีกแล้ว!”
บรรพชนน่าหลานเห็นทุกคนต่างก็พูดเช่นนี้ จึงพูดอย่างลำบากใจอยู่บ้างว่า “ในเมื่อทุกคนต่างก็พูดเช่นนี้ หญิงชราอย่างข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติ…”
“ถ้าหากบอกว่าพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด ก็น่าจะเป็นซือหม่าโยวเย่ว์แห่งตระกูลซือหม่ากระมัง”
คำพูดของบรรพชนน่าหลานถูกคนขัดจังหวะ วาจาประโยคสุดท้ายติดอยู่ในลำคอมิได้ออกมา
“ซือหม่าโยวเย่ว์คือใครกัน” มีคนถามขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าบรรพชนน่าหลานชะงักค้าง นางมองไปทางคนที่เอ่ยวาจา ซึ่งก็คือซางเฉียงหลีนั่นเอง
“ซือหม่าโยวเย่ว์ รุ่นอักษรโยว คงจะเป็นรุ่นเยาว์ที่สุดของตระกูลซือหม่ากระมัง” นางถามพลางมองประมุขตระกูลน่าหลาน
“ใช่ขอรับ ท่านบรรพชน” ประมุขตระกูลน่าหลานเอ่ยตอบ
“คนรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง จะบำเพ็ญมาได้สักกี่ปีกัน คนพรรค์นี้จะเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างไรเล่า เด็กอย่างเจ้าอย่ามาเอ่ยปากพูดสุ่มสี่สุ่มห้า คอยฟังอยู่หลังผู้ใหญ่ในตระกูลเฉยๆ ก็พอแล้ว” มีคนไม่พอใจขึ้นมา
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าซางเฉียงหลีจะพูดถึงชื่อตนขึ้นมา เธอที่มิได้สนอกสนใจมาตลอดจึงเงยหน้ามองไปทางซางเฉียงหลี
ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น คนอื่นๆ ต่างก็พากันมองไปทางเขาเช่นเดียวกัน
ซางเฉียงหลีไม่โกรธ แล้วพูดต่อไปว่า “พวกท่านบอกเพียงว่าผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น มิได้บอกว่านับรวมพื้นฐานการบำเพ็ญด้วยนี่ ไม่ต้องพูดถึงพลังยุทธ์ของซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้ที่พวกท่านหลายคนเทียบไม่ติดชนิดมองไม่เห็นฝุ่นแล้ว ลำพังแค่เรื่องที่เขาทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรเหนือเทพ ก็เหนือกว่าทุกคนในที่นี้ทั้งหมดแล้ว!”
“สัตว์อสูรเหนือเทพ!”
“ถูกต้อง เคยได้ยินว่ามีสัตว์อสูรเหนือเทพปรากฏขึ้นในดินแดนของพวกเรา ทั้งยังถูกมนุษย์ทำพันธสัญญาด้วย คิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลซือหม่าทำพันธสัญญาเสียได้!”
ดินแดนอี้หลินใหญ่โตถึงเพียงนี้ ก็มิใช่ว่าทุกคนจะรู้จักซือหม่าโยวเย่ว์กันหมด ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเธอคือคนที่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรเหนือเทพ ความคิดจึงแตกต่างไปจากเดิม
ถ้าหากจะนับเช่นนี้จริงๆ เขาก็คือผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด สัตว์อสูรเหนือเทพของเขาย่อมดูแลทุกคนในที่นี้ได้ด้วย
คนตระกูลน่าหลานคิดไม่ถึงว่าจะถูกตัดตอนกลางทาง เห็นตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรนี้กำลังจะมาถึงมือ แต่กลับเกิดตอผุดขึ้นมาขวางเช่นนี้ได้!
“ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้อายุน้อยนัก ถ้าหากรับตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตร เกรงว่าประสบการณ์จะไม่เพียงพออยู่บ้างกระมัง” ประมุขตระกูลน่าหลานเอ่ยด้วยสีหน้าดำทะมึน
…………………………………