สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 391 ชิงตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตร
ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้มีความสนใจในตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรนี้แต่อย่างใดเลย แต่เธอก็ไม่มีทางให้คนของตระกูลน่าหลานได้เป็นหัวหน้าพันธมิตรเช่นกัน ไม่อย่างนั้นตระกูลซือหม่าก็คงต ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
จากนั้นตอนที่ได้ยินข้อสงสัยของประมุขตระกูลน่าหลาน เธอจึงหลุดปากพูดออกมาว่า “ข้าจะมีประสบการณ์หรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอก ขอเพียงแค่เจ้าไก่ฟ้าของข้ามีเกียรติภูมิก็พอแล้ว”
พอพูดจบเธอก็ยังเรียกเจ้าไก่ฟ้าออกมาด้วย เมื่อเจ้าไก่ฟ้าปรากฏตัว กลิ่นอายของสัตว์อสูรเหนือเทพก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่
เมื่อเห็นเจ้าไก่ฟ้า สีหน้าคนตระกูลน่าหลานก็ดำทะมึนยิ่งขึ้น เพียงเขาปรากฏตัว ก็เป็นลางบอกเหตุแก่พวกเขาว่าโอกาสในการไขว่คว้าตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรที่พวกเขาต้องการเลือนรางลง เสียแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทางของคนตระกูลน่าหลาน จึงส่งรอยยิ้มกว้างให้กับพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “ค่อยว่ากันเถิด ถ้าหากข้าได้เป็นหัวหน้าพันธมิตร จะต้องฟังความเห็นของทุกท่านอย่างแน น่นอน ไม่มีทางทำอะไรตามใจชอบแน่”
พอพูดจบเธอก็มองประมุขตระกูลหลี่ปราดหนึ่ง
ประมุขตระกูลหลี่ร่างกายแข็งเกร็ง เขาเอ่ยว่า “พวกเราสนับสนุนสหายน้อยโยวเย่ว์”
“พวกเราก็สนับสนุนสหายน้อยโยวเย่ว์เช่นกัน” ประมุขตระกูลซางพูด
ตระกูลหั่วก็แสดงความคิดเห็นตามมาว่าสนับสนุนซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยเช่นกัน
“พวกเราก็สนับสนุนโยวเย่ว์ด้วย” จักรพรรดิทักษิณายาตรที่เงียบเชียบเป็นอย่างยิ่งมาตลอดเอ่ยขึ้น
“พวกเราก็เช่นกัน” เชื้อพระวงศ์จันทร์ประจิมพูด
เดิมทีคนที่บอกว่าสนับสนุนบรรพชนน่าหลานเมื่อครู่ก็คือคนที่ตระกูลน่าหลานจัดแจงมาเอง ซึ่งยามปกติเป็นขุมอำนาจที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ขุมอำนาจที่สำคัญเหล่านั้นย่อมมิได้พูด อยู่แล้ว
ตอนนี้พวกเขาแสดงความเห็นว่าเต็มใจสนับสนุนซือหม่าโยวเย่ว์ สิ่งนี้ทำให้คนของตระกูลน่าหลานสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก
นี่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างจัง!
คนที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่ทั้งหลายในยามปกติเห็นลูกพี่ของตนแสดงออกแล้ว จึงพากันแสดงความเห็นว่าสนับสนุนซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์มองประมุขตระกูลน่าหลานพลันยิ้มอย่างสว่างไสวมากยิ่งขึ้นแล้วเอ่ยว่า “จำนวนคนน่าจะเกินกว่าครึ่งแล้วกระมัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะเคารพความเห็นส่วนรวม รับ บหน้าที่หัวหน้าพันธมิตรในคราวนี้เอง”
“คารวะหัวหน้าพันธมิตร” คนกลุ่มหนึ่งแสดงความเคารพต่อเธอ แม้กระทั่งประมุขตระกูลหั่วและตระกูลซางก็ยังพยักหน้าให้เธอ นับว่าคือการยอมรับสถานะของเธอในตอนนี้อย่างเป็นทางการ
แม้ว่าตระกูลน่าหลานจะต่อต้านต่อไป ก็ไม่มีทางเอาชนะความต้องการของผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ได้ ก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับสถานะของเธอเท่านั้น
“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้หัวหน้าพันธมิตรไปจากดินแดนอี้หลิน เพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วัน คงจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดีสักเท่าไหร่นักกระมัง เช่นนั้นเจ้าคิดจะจัดการกับคนของแต ต่ละขุมอำนาจอย่างไรหรือ” ประมุขตระกูลน่าหลานยิงคำถามใส่
“ข้ากำลังอยากพูดเรื่องนี้อยู่พอดี ประมุขตระกูลน่าหลานก็ถามขึ้นมาก่อน ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างกังวลกับปัญหานี้มากทีเดียว” ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ก็เหมือนกับที่ ท่านประมุขตระกูลน่าหลานพูดเมื่อครู่นั่นแหละ ข้าเป็นหัวหน้าพันธมิตร มีเพียงแค่พลานุภาพของเจ้าไก่ฟ้าเท่านั้น มิได้มีประสบการณ์กว่าร้อยปีเหมือนพวกท่าน ดังนั้นข้าจึงคิดจะเลือกรอ องหัวหน้าพันธมิตรขึ้นมา ให้เขาบริหารและจัดการเรื่องจำนวนคน ตอนที่ข้าไม่อยู่ แล้วให้พันธมิตรของเราทำตามที่พวกเขาบอก”
ซือหม่าไท่ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที
ผลปรากฏว่า คำพูดต่อมาของซือหม่าโยวเย่ว์ก็ยืนยันสัญชาตญาณของเขา
“พลังยุทธ์และความสามารถของประมุขตระกูลข้าเป็นสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน ดังนั้นข้าจึงอยากให้เขามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพันธมิตร ทุกคนคงไม่มีปัญหากระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์ พูด
ถึงแม้ในใจของทุกคนจะอยากบอกว่ามีปัญหา ตำแหน่งรองหัวหน้าพันธมิตรนี้ก็เป็นคนตระกูลซือหม่าของเจ้าอีก นี่มิใช่ตระกูลเดียวครองความเป็นใหญ่หรอกหรือ
แต่เมื่อเห็นเจ้าไก่ฟ้าที่ข้างกายเธอ คำพูดคัดค้านเหล่านั้นก็ถูกกลืนกลับลงไปจนหมด แล้วแปรเปลี่ยนที่คอหอยกลายเป็นคำว่าไม่มีข้อโต้แย้ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตกลงกันแบบนี้ละนะ เจ้าไก่ฟ้ารับผิดชอบรักษาการณ์พันธมิตร เมื่อใดที่มีคนไม่ยอมทำตามการจัดสรร นั่นเท่ากับเป็นการท้าทายพลานุภาพของเขา” ซือหม่าโยวเย่ว์พู ด “ส่วนรองหัวหน้าพันธมิตรรับผิดชอบกำหนดการทั้งหมด ตอนที่ข้าไม่อยู่ เขาคือผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดแทนข้า หวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
“ได้ๆๆ แน่นอนอยู่แล้วๆ”
ซือหม่าโยวเย่ว์กวาดตามองไปรอบๆ พลางพูดอย่างแฝงนัยว่า “ข้าขอพูดอย่างไม่น่าฟังเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่าถ้าหากมีใครทำร้ายรองหัวหน้าพันธมิตรด้วยความพึงพอใจส่วนตัวจนนำไปสู่ความส สูญเสียอันใหญ่หลวง พอถึงตอนนั้นก็อย่ามาพูดอะไรพร่ำเพรื่อกับข้า ข้ากับเจ้าไก่ฟ้ามิใช่คนอัธยาศัยดีอะไรนัก หากเกิดการทำร้ายอะไรนอกเหนือความคาดหมายขึ้นมา ทุกท่านก็อย่าหาว่าข้า ไม่เตือนแล้วกัน”
“…”
ทุกคนไร้ซึ่งคำพูด คำข่มขู่นี้ช่างชัดแจ้งนัก หัวหน้าพันธมิตร เจ้าจะพูดให้สุภาพกว่านี้สักหน่อยมิได้หรืออย่างไร
“พวกเราเข้าใจความหมายของหัวหน้าพันธมิตรแล้ว” ประมุขตระกูลน่าหลานพูดด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง “แต่ในเมื่อทุกท่านมาหารือเรื่องการต่อกรกับสัตว์อสูรทะเลเหล่านี้ หัวหน้าพันธมิตรม มีแผนอะไรในเรื่องนี้บ้างหรือไม่เล่า”
“ประมุขตระกูลน่าหลาน เมื่อครู่หัวหน้าพันธมิตรบอกแล้วว่าให้รองหัวหน้าพันธมิตรเป็นผู้จัดการกำหนดการและแผนการทั้งหมด ท่านมาถามเรื่องนี้กับหัวหน้าพันธมิตรในตอนนี้ คิดจะทำให้หัว วหน้าพันธมิตรลำบาก หรือจะบอกว่าเมื่อครู่ท่านมิได้ฟังสิ่งที่หัวหน้าพันธมิตรพูดกันเล่า” ประมุขตระกูลหั่วกล่าว
“จะมิได้ฟังสิ่งที่หัวหน้าพันธมิตรพูดได้อย่างไร ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าหัวหน้าพันธมิตรควรต้องเข้าใจเรื่องนี้สักหน่อยจะดีกว่า นั่งอยู่บนตำแหน่งนี้แต่กลับไม่รู้ความเป็นไปของเรื่อง งราวเลยแม้แต่น้อย คงยากจะทำให้ปรมาจารย์วิญญาณที่ติดตามอยู่เชื่อถือได้กระมัง” ประมุขตระกูลน่าหลานเล่นลิ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ที่ประมุขตระกูลน่าหลานพูดก็ใช่ แต่ก็มิใช่ว่าข้าไม่เข้าใจเรื่องราวอันใดเลยเสียหน่อย”
“เช่นนั้นหัวหน้าพันธมิตรเข้าใจมากน้อยเพียงใดกัน”
“จะว่าไปก็เป็นเรื่องบังเอิญที่คนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของพื้นสมุทรมีแค่ข้าเพียงคนเดียว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เมื่อกว่าสามปีก่อน ข้ากับพวกท่านปู่เพิ่งกลับมายังตระกูล มีครั้งหนึ่งที่ไปเสาะหาเครื่องยาหลายชนิดบนเกาะลืมกังวล แล้วได้พบกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะลืมกังวลนั่นเข้าพอดี…”
เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ ทำให้ผู้คนในที่นั้นดูคล้ายจะสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นของลำแสงสีดำสายนั้น
“ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นนั่นเองจึงทำให้ตระกูลซือหม่าค้นพบความไม่สงบในพื้นสมุทรเหล่านี้ ข้าจึงคิดว่าประมุขตระกูลข้าค่อนข้างมีสิทธิ์พูดในเรื่องนี้” ซือหม่าโยวเย ย่ว์พูดต่อไป
“ถูกต้อง” ซือหม่าไท่รับคำพูดของเธอแล้วเอ่ยว่า “ที่มิได้พูดเรื่องนี้ออกมาในตอนนั้นเป็นเพราะเรื่องนี้น่ากลัวเกินไป พวกเราจึงมิกล้าพูดออกมาส่งเดช เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ทุกคน ตกอกตกใจ”
“แล้วเหตุใดจึงพูดออกมาตอนนี้เล่า” มีคนถามขึ้น
“เพราะหัวหน้าพันธมิตรกลับมาแล้วน่ะสิ” ซือหม่าไท่เหลือบตามองคนผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากหัวหน้าพันธมิตรมิได้กลับมา พวกเราไม่มีสัตว์อสูรเหนือเทพ แล้วใครจะกล้าแตะต้องเรื่องน นี้เล่า”
คิดดูแล้วก็ใช่ พวกเขายังเดินทางในพื้นสมุทรไปได้ไม่ถึงหมื่นลี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าไปในเกาะลืมกังวลเลย
“แต่นี่จะใช่สาเหตุของการจลาจลสัตว์อสูรทะเลในคราวนี้หรือไม่ ก็ยังต้องพิสูจน์กันอีกหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ก่อนหน้านี้พื้นสมุทรเงียบสงบอย่างยิ่งมาโดยตลอด ตอนนี้เกิดเหตุการณ ณ์เช่นนี้ขึ้นได้ ย่อมต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน มีเพียงแค่การหาสาเหตุนั้นให้พบ พวกเราจึงจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ข้าตัดสินใจจะพาเจ้าไก่ฟ้าไปตรวจสอบที่พื้นสมุทรสักรอบ บ พวกเจ้าอยู่ที่ชายฝั่งทะเล จะต้องรักษาที่มั่นเอาไว้ให้จงได้ ข้าไม่อยากให้ตอนที่ข้ากลับมาแล้วพวกเจ้าสูญเสียที่มั่นไปกันหมด”
“หัวหน้าพันธมิตรวางใจเถิด พวกเราจะต้องรักษาดินแดนเอาไว้อย่างสุดความสามารถแน่นอน” มีคนเอ่ยขึ้น
“สถานที่ที่หัวหน้าพันธมิตรไปในคราวนี้อันตรายอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าจะพาคนกลุ่มใดไปหรือ” ซางเฉียงหลีถาม
“หนทางที่ไปในคราวนี้อันตรายนัก ดังนั้นข้าคิดว่าจะพยายามพาคนไปให้น้อยที่สุด” ซือหม่าโยวเย่ว์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ “เดิมทีข้าคิดจะไปคนเดียว พาคนของขุมอำนาจธรรมดา าไปด้วยก็รังแต่จะเป็นภาระ ทว่าตอนนี้เห็นบรรพชนน่าหลานแล้วข้าจึงอยากจะเชิญท่านบรรพชนไปด้วยเช่นกัน ไม่ทราบว่าท่านบรรพชนยินดีจะร่วมในการสืบหาสาเหตุของเรื่องนี้หรือไม่”