สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 394 ผึ้งแดงที่ถูกควบคุม
เมื่อเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ลงไปกันหมดแล้ว บรรพชนน่าหลานจึงได้แต่ตามลงไปด้วย
สัตว์อสูรเขมือบวิญญาณนั่นร้ายกาจถึงเพียงนั้น ถ้าหากมีนางเพียงคนเดียว อาจเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็เป็นได้ ตามไปกับพวกเขาด้วยย่อมดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีสัตว์อสูรเหนือเทพร่วมทาง งด้วย
จุดที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงบนเกาะเป็นสถานที่เดียวกันกับที่มาในคราวก่อน เมื่อเห็นก้อนหินใหญ่ก้อนนั้น เธอก็อดนึกถึงจวินหลินแห่งหอเซวียนหยวนขึ้นมามิได้
ตอนนั้นพวกเขาก็มาพบกันที่นี่ ทว่าต่อมาไม่นานนักก็ไร้ซึ่งข่าวคราวของเขาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่แห่งหนใด ถูกกักขังเอาไว้ที่ไหนจนออกมาไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่
“โยวเย่ว์ พวกเราจะไปตามหาตัวสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณนั่นที่ไหนดีเล่า” เจ้าอ้วนชวีถาม
“ข้าส่งคนไปสืบหาก่อนนะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปในส่วนลึกของเกาะลืมกังวลตามอำเภอใจ ดังนั้นจึงเรียกผึ้งแดงฝูงหนึ่งออกมา ให้พวกมันบินไปทั่วเกาะเพื่อสืบหาข่าวคราว ส่วนพวกเขาก็ร รออยู่ที่ริมทะเลชายฝั่งของเกาะ
ในเมื่อสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะยังมีสัตว์อสูรวิเศษตนอื่นๆ อยู่อีก หากเดินเข้าไปโดยที่สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนก็คงจะไม่ฉลาดสักเท่าใดนัก
“โยวเย่ว์ เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าแตกต่างจากที่มาคราวก่อนอยู่บ้าง” ซือหม่าโยวหลินมองไปรอบด้านแล้วถามขึ้น
“เจ้าก็รู้สึกได้เหมือนกันสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ที่นี่มีสิ่งใดไม่เหมือนกันหรือ” เจ้าอ้วนชวีวิ่งมาอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์ในทันใดเพื่อแสวงหาความปลอดภัย
“เสียง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เสียงหรือ” เจ้าอ้วนชวีไม่เข้าใจ เสียงนี้มีสิ่งใดไม่เหมือนกันหรือ
“ที่นี่เงียบสงบจนทำให้คนรู้สึกแปลกใจน่ะสิ” เป่ยกงถังพูด
“นอกจากเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งแล้ว รอบด้านก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก” โอวหยางเฟยพูด
“คล้ายกับว่า… ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย” เว่ยจือฉีหนาวเหน็บในใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลินประสานสายตากัน นี่ช่างแปลกประหลาดเกินไปเสียแล้ว!
“หรือจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ว่าลำแสงสีดำนั่นกินสิ่งมีชีวิตที่นี่ลงไปหมดแล้ว” เจ้าอ้วนชวีพูด
“น่าจะไม่ใช่หรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้า “พวกเราเห็นว่าตอนนั้นลำแสงสีดำนั่นเพียงแค่ดูดสัตว์อสูรวิเศษเข้าไปเท่านั้น มิได้ดูดสัตว์ธรรมดาทั่วไปเข้าไปด้วย แต่ตอนนี้บนเกาะกลั บไม่มีแม้กระทั่งเสียงผีเสื้อหรือผึ้งแม้แต่ตัวเดียวเลยด้วยซ้ำ”
“หรือว่ามีสิ่งใดสังหารเผ่าพันธุ์สัตว์เหล่านั้นไปเสียเล่า” เป่ยกงถังพูด
“จะใช่สัตว์อสูรเขมือบวิญญาณหรือไม่” เว่ยจือฉีคาดเดา
“เป็นไปได้นะ” ซือหม่าโยวหลินเอ่ย
“รอดูว่าผึ้งเหล่านั้นจะนำข่าวอะไรกลับมาให้พวกเราได้บ้างแล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
แต่ผ่านไปเนิ่นนาน ผึ้งแดงเหล่านั้นก็ยังไม่กลับมา ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกนางพญาผึ้งแดงออกมา แต่มันกลับบอกว่าขาดการติดต่อกับผึ้งแดงเหล่านั้นไปเสียแล้ว
นั่นคือผึ้งแดงหลายร้อยตัว ย่อมต้องเป็นพลพรรคอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเมื่ออยู่ที่โลกภายนอก แต่หลังจากที่เข้ามาถึงเกาะแล้วก็ไร้ซึ่งข่าวคราว ทั้งยังขาดการติดต่อไปอีกด้วย!
“พวกมันตายกันหมดแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เปล่าหรอก” นางพญาผึ้งแดงพูด “ข้ายังสัมผัสไอพลังชีวิตของพวกมันได้อยู่ แต่กลับไร้หนทางติดต่อกับพวกมันได้ คิดดูแล้วเป็นไปได้ว่าจะมีคนทำลายการเชื่อมต่อระหว่างพวกเราทางด้ านวิญญาณ”
“น่าจะเป็นสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณ” ซือหม่าโยวหลินเอ่ย
“เป็นไปได้ว่าจะถูกมันควบคุมเข้าเสียแล้ว” เป่ยกงถังพูด
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรกันดีเล่า”
ทุกคนต่างมองซือหม่าโยวเย่ว์ รอให้เธอตัดสินใจ
ในขณะนี้เอง เสียงหึ่งๆ ก็ดังแว่วมา พวกเขามองไปตามต้นเสียง แต่กลับมองเห็นผึ้งแดงหลายร้อยตัวโจมตีเข้าใส่พวกเขา จับตัวใครได้ก็พร้อมต่อย
สองตาของผึ้งทุกตัวล้วนว่างเปล่าไร้วิญญาณ แค่ดูก็รู้แล้วว่าถูกควบคุม
บรรพชนน่าหลานมองดูผึ้งแดงที่บินตรงเข้าหานาง จึงรวบรวมปราณวิญญาณออกมาหมายจะโจมตีเข้าใส่พวกมัน แต่ยังมิทันได้แสดงทักษะวิญญาณออกมาก็รู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมแปรเปลี่ยนไปเสี ยแล้ว พวกเขาย้ายจากบนเกาะมายังสถานที่อันกว้างขวางไร้ซึ่งขอบเขต
“ที่นี่คือที่ไหนกัน” เธอมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างประหลาดใจ
แต่กลับไม่มีใครตอบเธอ พวกเขาล้วนอยู่รอบตัวซือหม่าโยวเย่ว์ มองดูผึ้งแดงที่กรูเข้ามาหาเธอ
ตอนที่ผึ้งแดงโจมตีเข้าใส่ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็พาพวกมันเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ พร้อมกันนั้นก็พาบรรพชนน่าหลานเข้าไปด้วย
ทันทีที่ผึ้งแดงเหล่านั้นเข้ามาก็ถูกซือหม่าโยวเย่ว์ขังเอาไว้ภายในภาชนะทรงกลมโปร่งใส พวกมันชนกันวุ่นวายอยู่ภายในภาชนะนั้น แววตาที่มองมาข้างนอกดุร้าย แฝงเอาไว้ด้วยความเหี้ย ยมโหด ไม่เหมือนยามปกติเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าวิญญาณน้อย จงตัดขาดการติดต่อกับภายนอก ตัดขาดกลิ่นอายภายนอกให้หมด” ซือหม่าโยวเย่ว์ออกคำสั่ง
“ได้เลย”
เจ้าวิญญาณน้อยรับคำ จากนั้นผึ้งแดงทั้งหลายก็ค่อยๆ สงบลง ไม่กระแทกภาชนะอีกต่อไป และไม่ใช้สายตาดุร้ายจ้องมองพวกเขาอีกแล้ว
“ขอโทษด้วย เจ้านาย พวกเราขออภัยกับพฤติกรรมเมื่อครู่ด้วย” หัวหน้าผึ้งแดงขอโทษซือหม่าโยวเย่ว์อย่างรู้สึกผิด
พวกมันถึงกับคิดจะโจมตีเจ้านายของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าละอายเป็นอย่างยิ่งสำหรับสัตว์อสูรผูกพันธสัญญา
“พวกเจ้าก็แค่ถูกควบคุมเท่านั้นเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ตำหนิพวกมัน หลังจากนั้นจึงพูดกับนางพญาผึ้งแดงว่า “เจ้าไปดูทีสิว่าเมื่อครู่พวกมันประสบกับสิ่งใดมา”
“ได้” นางพญาผึ้งแดงบินเข้าไปกลางฝูงผึ้งแดงเหล่านั้นแล้วเลือกผึ้งมาสองสามตัว ก่อนจะจับขาหน้าของพวกมันเอาไว้แล้วใช้สติรับรู้เจาะเข้าไปภายในสติรับรู้ของพวกมันเพื่อดูความท ทรงจำ
ซือหม่าโยวเย่ว์หลับตาไปพร้อมกันด้วย เธอเห็นภาพเหตุการณ์ที่นางพญาผึ้งแดงเห็นด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากผึ้งแดงเหล่านั้นจากไปแล้วก็บินไปยังส่วนลึกของเกาะ เช่นเดียวกันกับที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์พูดเอาไว้ พวกมันไม่เห็นสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว มีเพียง ซากพืชที่ไหม้เกรียมและซากแมลงจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ผึ้งแดงบินเข้าสู่ส่วนลึกต่อไป ไม่ทันไรก็เห็นไอหมอกสีดำกลุ่มหนึ่ง ไอหมอกนั้นก่อตัวหนาทึบ ทันใดนั้นดวงตาสีแดงฉานราวโลหิตคู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นภายในกลุ่มหมอกดำแล้วมองตรงม มา ความกระหายเลือดในแววตานั้นทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์อดตัวสั่นสะท้านมิได้
ทันใดนั้นหมอกดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโอบล้อมฝูงผึ้งแดงเอาไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพวกมันก็มองเห็นเพียงแค่ความดำมืดไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น
นางพญาผึ้งแดงถอยออกมา หลังจากนั้นล้วนเป็นเหตุการณ์หลังจากที่ผึ้งแดงถูกควบคุม จึงไม่เหลือความทรงจำใดๆ อยู่เลย
ซือหม่าโยวเย่ว์ลืมตาแล้วเล่าสิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่ให้พวกเขาฟัง
“ดูเหมือนว่าหมอกดำเหล่านั้นน่าจะเป็นสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณ” ซือหม่าโยวหลินพูด“สภาพที่ผึ้งแดงเหล่านั้นกลับมาเมื่อครู่เหมือนกับสัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนสัต ตว์อสูรทะเลเหล่านั้นจะถูกสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณควบคุมจริงๆ เสียด้วย”
“สัตว์อสูรเขมือบวิญญาณนี่จะใช่ผู้ปล่อยลำแสงสีดำที่พวกโยวเย่ว์เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนหรือไม่” โอวหยางเฟยถาม
“ไม่น่าจะใช่หรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้า “กลิ่นอายของทั้งสองไม่เหมือนกัน และทำให้ข้าเกิดความรู้สึกแตกต่างกันด้วย ไม่น่าจะเป็นสัตว์อสูรวิเศษตัวเดียวกันหรอก”
“อยากจะรู้นักว่าเพราะเหตุใดสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ พวกเราก็ได้แต่หาตัวมันให้พบก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ซือหม่าโยวหลินพูด
“ก็ได้แต่ทำเช่นนี้ไปก่อนแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ยังดีที่ตอนนี้รู้ที่อยู่ของสัตว์อสูรเขมือบวิญญาณนั่นแล้ว พวกเราก็เข้าไปอย่างระมัดระวังกันหน่อยล่ะ”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับนางดีเล่า” เป่ยกงถังมองไปยังบรรพชนน่าหลานผู้อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ที่ยังคงทอดถอนใจกับสถานที่แห่งนี้อยู่
บรรพชนน่าหลานรู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังมองนางอยู่ จึงหันมาแล้วเก็บงำแววละโมบในดวงตา กลับสู่ความอึมครึมดังเช่นที่เคยเป็นมา พลางเอ่ยถามว่า “ที่นี่คือที่ไหนหรือ”
“ห้วงมิติของข้าเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ห้วงมิติของเจ้าหรือ” บรรพชนน่าหลานสองตาเปล่งประกาย จากนั้นจึงก้มหน้าลง มิอาจปิดบังแววละโมบในดวงตาได้
…………………………………………