สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 405 ก่อนออกเดินทาง
ซือหม่าโยวเย่ว์กวาดตามองไปรอบๆ ตระกูลหั่วและตระกูลซาง หรือแม้กระทั่งคนตระกูลหลี่ เมื่อเห็นเธอมองไป ทุกคนจึงพากันยิ้มให้พวกเขา
เรื่องที่ตระกูลซือหม่ากระจายทรัพย์สินของตระกูลมิใช่ความลับแต่อย่างใด ในตอนแรกทุกคนไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไร แต่ต่อมาไม่รู้ว่าใครปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกไปว่าตระกูลซือหม่าจะไป ปจากดินแดนอี้หลิน
จากนั้นคนที่มีความคิดก็นั่งไม่ติดกันอีกต่อไป
ตระกูลใหญ่ทั้งหลายเกี่ยวข้องกับเรื่องราวมากมาย ย่อมต้องระแคะระคายกันบ้างอยู่แล้ว คนที่อยากมีพลังยุทธ์สูงขึ้นอย่างพวกเขา ย่อมต้องอยากหลุดพ้นจากพันธะนี้เป็นธรรมดา
เดิมทีคนตระกูลหั่วและตระกูลซางมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซือหม่าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมิได้มีแรงกดดันอะไรมากนักในการมาที่นี่ ส่วนตระกูลหลี่นั้นรู้สึกว่ามีไมตรีต่อซือหม่าโ โยวเย่ว์อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะหมางใจกันมาก่อน แต่ก็เพราะถูกเธอช่วงชิงไปมิใช่หรือไร
ความจริงตระกูลน่าหลานอยากจะมาด้วย แต่เมื่อนึกถึงความแค้นที่มีต่อเธอ จึงรู้ว่าถึงมาก็ไร้ประโยชน์ รอให้คนเหล่านี้ไปจากที่นี่กันหมดก่อน ตระกูลพวกเขาก็จะได้ผงาดในดินแดนอี้ห หลินเสียที
“สหายน้อยโยวเย่ว์ เจ้าเห็นแก่ที่พวกเราสองตระกูลนับได้ว่าเป็นสหายกัน พวกเจ้าจะไปจากที่นี่ ก็พาพวกเราติดสอยห้อยตามไปด้วยเถิดนะ” ประมุขตระกูลหั่วพูดพลางยิ้มตาหยี
“เรื่องนี้ให้ท่านประมุขตระกูลตัดสินใจแล้วกัน ข้าไม่มีความเห็น อยากพาใครไปบ้าง ไปที่นั่นแล้วจะใช้ชีวิตกันอย่างไร ข้าล้วนไม่สนใจทั้งสิ้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านประมุขตระกู ล ข้ายังมีธุระต้องจัดการ ขอตัวก่อนล่ะ”
พอพูดจบเธอก็ไปจากห้องโถงใหญ่
เธอเชื่อว่าจิ้งจอกเฒ่าซือหม่าไท่ย่อมไม่ตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน จะให้ใครไป ไปแล้วจะต้องจ่ายในราคาเท่าใด เขาจะต้องหาผลประโยชน์ให้ตระกูลได้มากกว่าแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้เธอ กังวลในส่วนนี้เลย
ถึงอย่างไรเธอจะพาคนไปคนเดียว หรือจะพาคนไปกลุ่มหนึ่ง ก็ต้องพาไปอยู่ดี มิได้แตกต่างอะไรกันมากนัก
ตระกูลชวีและตระกูลเว่ยเตรียมการพร้อมแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถัง รวมทั้งโอวหยางเฟยจึงไปยังอาณาจักรทักษิณายาตร
โอวหยางเฟยต้องไปถามความเห็นของมารดาตน ส่วนเธอต้องไปดูที่เมืองวิเศษ
เธอและเป่ยกงถังไปยังเมืองวิเศษกันสองคน เมื่อนึกถึงตอนนั้นที่พวกเขามาที่นี่ ประสบภยันตรายเหล่านั้น เธอก็ยังรู้สึกสะเทือนใจอยู่
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่สะกดเอาไว้เบื้องล่าง เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างต่อกัน ทั้งยังมีลางสังหรณ์ว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะมัน ก็เป็นได้
ทั้งสองคนไปยังเมืองวิเศษ ตระกูลซือหม่าที่นี่ได้ย้ายไปแล้ว พวกเธอเดินตรงไปตามทางกลับบ้านในเมือง
ผู้ที่เปิดประตูยังคงเป็นลู่ยวน เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถัง นางก็ร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ทำให้พี่ชายทั้งสองที่อยู่ในบ้านพากันวิ่งออกมา
“มีพวกเจ้าอยู่บ้านกันแค่สามคนหรือ ลู่หมิงเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ก้าวเข้ามาในบ้านแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามองหาพี่รองหรือ เขากำลังทำงานอยู่น่ะ ข้าจะไปเรียกเขากลับมาเอง” ลู่หย่วน พูดจบแล้ววิ่งออกไป
“คุณชายซือหม่า คุณหนูเป่ยกง พวกเจ้านั่งก่อนสิ” ลู่ยวนยกน้ำชามาให้พวกเธอทั้งสอง
ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านพลางสนทนากับพวกลู่ยวน ถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงที่ผ่านมาของพวกเขา
ไม่นานนักลู่หมิงก็กลับมา เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ เขาก็ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าพี่น้องมากันครบแล้ว ข้าก็จะพูดถึงเจตนาที่ข้ามาในคราวนี้แล้วนะ พวกเจ้าน่าจะได้ยินเรื่องที่ตระกูลซือหม่าอพยพไปจากเมืองวิเศษ แล้วกระมัง”
“ใช่” พวกลู่หย่วนพยักหน้า
“เรื่องเป็นเช่นนี้ พวกเราตระกูลซือหม่าวางแผนจะไปจากดินแดนแห่งนี้ อพยพไปใช้ชีวิตที่ดินแดนอีกแห่ง ข้าจึงอยากลองถามพวกเจ้าดูว่าอยากไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเราหรือไม่” ซือหม่าโ โยวเย่ว์พูด
“ไปจากที่นี่หรือ” พี่น้องตระกูลลู่มองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างตกใจ แต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยคิดจะไปจากดินแดนแห่งนี้เลย
ซือหม่าโยวเย่ว์เล่าความแตกต่างระหว่างดินแดนทั้งสองแห่งให้ฟังอย่างง่ายๆ หลังจากนั้นจึงพูดว่า “ลู่หมิง เจ้าหลอมยาวิเศษได้ หากไปที่นั่น พวกเจ้าก็ใช้ชีวิตอยู่กับคนของตระกูลซือ หม่าได้”
“พวกเรา… พวกเราต้องคิดดูก่อน” ลู่หมิงพูด
ไม่พูดไม่ได้ว่านี่คือโอกาสอันดีในการพัฒนา แต่พวกเขาก็ยังลังเลที่จะไปจากสถานที่ที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก
“พวกเจ้าไตร่ตรองดูให้ดีแล้วกัน อีกสองวันพวกเราจะมาใหม่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วไปจากเมืองวิเศษพร้อมกับเป่ยกงถัง
ทั้งสองไปยังเทือกเขาหมื่นอสูร หลังออกไปไม่นานก็เข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ อยู่ในนั้นสิบวันแล้วถึงค่อยออกมา
ตอนที่พวกเขาได้เห็นพี่น้องตระกูลลู่ วาจาประโยคแรกของลู่หมิงก็คือ “พวกเราจะไปกับพวกเจ้าด้วย”
พวกเขาไม่มีอะไรให้ห่วงที่นี่ ความจริงแล้วขอเพียงแค่พี่น้องอยู่ด้วยกัน จะอยู่ที่ไหนก็เหมือนกันทั้งสิ้น
“ข้าต้องไปแจ้งที่สมาคมสักหน่อย” ลู่หมิงพูด
“ได้ อีกครึ่งวันพวกเราค่อยเดินทางกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ย
พวกลู่หย่วนจัดการเรื่องราวในบ้าน ลู่หมิงไปบอกที่สมาคมว่าจะจากไป ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังจิบชาสนทนากันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านอย่างเงียบเชียบ
ครึ่งวันให้หลัง พวกเขาก็ไปจากเมืองวิเศษ
ที่ใต้เขาภาพมังกร ภายในหมอกดำหนาทึบนั้น ดวงตาคู่หนึ่งลืมตาขึ้นอย่างเงียบงัน รอจนพวกซือหม่าโยวเย่ว์บินผ่านท้องฟ้าเบื้องบนของเขาภาพมังกรไปแล้วจึงค่อยหลับตาลงอีกครั้ง
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ไปยังอาณาจักรทักษิณายาตร เมื่อเห็นโอวหยางเฟย เขากำลังยืนรอพวกตนอยู่ตามลำพัง
เขาบอกว่าซางมู่อวี่ไม่อยากจากไป ส่วนพวกท่านตาของเขาก็ไม่อยากจากไปเช่นกัน เขาเองก็ไม่อยากบังคับพวกเขา จึงคิดจะเดินบนเส้นทางนี้ตามลำพัง
พวกเขากลับไปยังเมืองอันหยาง ทุกคนต่างเตรียมตัวจากไปเอาไว้พร้อมแล้ว เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ สายตาของทุกคนจึงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกลับมาเธอจึงรู้ว่าซือหม่าไท่เห็นด้วยกับคำร้องขอของตระกูลเหล่านั้น แต่กลับเสนอเงื่อนไขว่านำไปได้เพียงแค่สมาชิกตระกูลเท่านั้น นำคนนอกไปด้วยไม่ได้ นอกจากนี้หลังจากไปแล้ว วพวกเขาจะต้องยึดติดกับตระกูลซือหม่า ดังนั้นทุกคนสร้างขุมอำนาจใหม่ขึ้นมาจะเป็นการดีที่สุด มิอาจดำรงอยู่ในสถานะตระกูลได้อีกต่อไป
เพราะคนของตระกูลอื่นๆ ไปกันค่อนข้างน้อย ดังนั้นขุมอำนาจใหม่ที่ว่าย่อมต้องเชื่อฟังคำสั่งตระกูลซือหม่า
หลังจากที่ทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างเบนสายตาไปยังร่างของซือหม่าโยวเย่ว์ ต่างอยากถามว่าจะไปได้เมื่อใด แต่กลับไม่มีใครกล้าถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์กลับไม่รีบร้อน เธอรั้งอยู่ในเรือนของตัวเอง ง่วนอยู่กับเครื่องยาทั้งวันเพื่อหลอมเป็นผงแป้งอะไรบางอย่าง โดยมองข้ามสายตาของคนเหล่านั้นไป
ผ่านไปอีกสิบกว่าวัน มารเฒ่าจึงค่อยๆ กระย่องกระแย่งมา เมื่อเขามาถึงก็จ้องมองเสี่ยวเมิ่งที่กำลังเล่นกับซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ในเรือน
เสี่ยวเมิ่งรับสัมผัสได้อย่างเฉียบคมว่ามีคนมา กำลังคิดจะเริ่มต้นโจมตี ก็ถูกซือหม่าโยวเย่ว์หยุดเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “นั่นคือท่านอาจารย์ อย่าได้กลัวไปเลย”
มารเฒ่ามาที่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์ เขามองเสี่ยวเมิ่งแล้วพูดว่า “ขึ้นไปที่นั่นเพื่อรับสัตว์มารความมืดนี่มาอย่างนั้นหรือ”
“เก็บมาจากพื้นสมุทรน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “มิได้บอกให้ท่านมาให้เร็วหน่อยหรอกหรือ ลากยาวมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ได้”
“ติดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าน่ะสิ” มารเฒ่าพูด “เตรียมตัวกันเสร็จแล้วหรือยังเล่า”
“เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปกันเถิด ข้าจะพาท่านไปพบพวกเขา” ซือหม่าโยวเย่ว์จูงมือเสี่ยวเมิ่งออกไปข้างนอก ให้ซือหม่าไท่รวบรวมคนทั้งหมดขึ้นมา
มารเฒ่าเห็นคนบนภูเขาทั้งหลายจึงเบ้ปากแล้วเอ่ยว่า “คนมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าไม่มีปัญญาสร้างอุโมงค์ทางเดินที่มั่นคงสำหรับรองรับคนทั้งหมดนี่หรอกนะ”
“ข้ารู้น่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด ทุกครั้งเธอก็เห็นว่าหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์ทางเดินได้ไม่นาน อุโมงค์ทางเดินนั้นก็ปิดตัวลงแล้ว รู้ดีว่าอุโมงค์ทางเดินมิอาจคงอยู่ได ด้นานนัก
“รู้ทั้งรู้แล้วเจ้ายังให้ข้าพาคนมากมายเช่นนี้ไปอีกหรือ” มารเฒ่าถลึงตาใส่เธอทีหนึ่ง
“ข้าก็มิได้บอกว่าจะให้พวกเขาเดินบนอุโมงค์ทางเดินกันหมดเสียหน่อยนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบเอาขวดยาใบหนึ่งออกมา กลิ่นหอมขุมหนึ่งโชยมา ผู้คนบริเวณรอบๆ ที่ได้กลิ่นน นี้ต่างล้มลงหมดสติบนพื้น