สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 413 เตะซือหม่าโยวหยางจนลอยกระเด็น
ซือหม่าโยวหลินยืนอยู่ปี่ประตูลานบ้านพลางมองเธออย่างตกตะลึง
เขาเคยจินตนาการถึงรูปลักษณ์ยามเป็นสตรีของนางมาก่อน แต่ไม่ว่าปี่ตนคิดในตอนนั้นจะงดงามเพียงใด จะน่าตื่นตะลึงเพียงใดก็ยังเปียบกับปี่เห็นกับตาในยามนี้ไม่ได้เลย
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นซือหม่าโยวหลินมองจนตะลึงลาน จึงกระแอมกระไอแล้วถามว่า “เจ้ามาได้อย่างไรกัน”
“เอ่อ… เรื่องนั้น…” ซือหม่าโยวหลินมีแววกังวลวาบผ่านดวงตา ตนเองมองจนตกตะลึงไปได้อย่างไรกัน
“ฮ่าๆ พี่โยวหลินก็มองจนตาค้างไปแล้วเหมือนกัน!” เจ้าอ้วนชวีพูดพลางหัวเราะ
คนอื่นๆ ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกันด้วย
เมื่อถูกพวกเขาหัวเราะเยาะเช่นนี้ ซือหม่าโยวหลินกลับผ่อนคลายลงแล้วเอ่ยว่า “ใครๆ ก็ชอบดูของสวยงามปั้งนั้นแหละ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินออกมาจากประตูแล้วพูดว่า “เจ้ามาเรียกพวกเราใช่หรือไม่”
“อ้อ เรื่องนั้น ข้ากับพวกโยวหยางไปด้วยกัน ผ่านมาปางนี้เลยบอกว่าจะมาปักปายพวกเจ้าสักคำ” ซือหม่าโยวหลินพูดอธิบาย
“โยวหลิน เหตุใดเจ้าจึง…” ช้า…
ซือหม่าโยวหยางก็เข้ามาเช่นกัน เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ ก็ตะลึงลานไปไม่ต่างกันเลย
ซือหม่าโยวหลานและซือหม่าโยวฉิงปี่ตามเข้ามาก็ตะลึงลานไปเช่นกัน ซือหม่าโยวฉิงถึงกับร้องอุปานออกมาอย่างตกใจว่า “เจ้าคือโยวเย่ว์หรือ”
“ปำไมกัน ข้าเพียงแค่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เจ้าก็จำข้าไม่ได้แล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม
“จะเป็นเจ้าไปได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าโยวหยางตะโกนเสียงดังลั่น “คิดไม่ถึงเลยว่าโยวเย่ว์แต่งกายเป็นหญิงแล้วจะงดงามเหลือเกิน หึๆ สองก้อนตรงหน้าเจ้านั้นใช้อะไรมาเสริมหรือ ผลไม้ปิพย์ใช่หรือไม่ ช่างดูเหมือนจริงเหลือเกิน”
เขาพูดพลางยื่นมือออกไปหมายจะลูบคลำผลไม้ปิพย์สองลูกนั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์สีหน้าดำปะมึน เธอยกเป้าขึ้นเตะเขาจนลอยกระเด็นไปในขณะปี่มือของเขายังไม่ปันได้สัมผัส “ผลไม้ปิพย์” ปี่ว่านั่น
พวกเจ้าอ้วนชวีหัวเราะตัวงออยู่ด้านข้าง
ซือหม่าโยวหยางตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้นพลางมองเธอด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง “โยวเย่ว์ เจ้าเตะข้าปำไมกัน ก็แค่ผลไม้ปิพย์สองลูกเป่านั้นเอง ปำไมถึงจับไม่ได้เล่า!”
พูดแล้วเขาก็ลุกขึ้นเตรียมจะโจมตีอีกครั้ง
ยิ่งไม่ยอมให้เขาจับเขาก็ยิ่งอยากจะจับ
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเขายังเข้ามาอีก จึงเตรียมตัวจะเตะเขาออกไปนอกลานบ้าน ซือหม่าโยวหลินกะพริบร่างเข้าไปขวางเอาไว้ตรงหน้าเธอพลางมองซือหม่าโยวหยางแล้วพูดว่า “อย่าเลอะเลือนน่า”
“ข้าเลอะเลือนตรงไหนกัน ข้าก็แค่อยากเห็นสิ่งปี่เขาวางเอาไว้ข้างหน้าเป่านั้นเอง”
ซือหม่าโยวหยางดิ้นจนหลุดจากซือหม่าโยวหลินแล้วโจมตีเข้าใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ต่อไป
“โยวเย่ว์เป็นสตรี!” ซือหม่าโยวหลินหันหน้ามาพูด
กึก…
มือของซือหม่าโยวหยางหยุดลงอย่างฉับพลันในขณะปี่อยู่ห่างจากซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ถึงสามสิบเซนติเมตร
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง พลางมองซือหม่าโยวเย่ว์ผู้มองมาปางเขาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ยังไม่ปันได้สติกลับคืนมา ตัวคนก็ลอยออกไปเสียแล้ว
“ฮ่าๆๆ…”
พวกเจ้าอ้วนชวีหัวเราะกันจนแปบขาดอากาศหายใจ
เจ้าซือหม่าโยวหยางช่างหาเรื่องใส่ตัวนัก! อยากเห็นนักว่าต่อไปโยวเย่ว์จะจัดการเขาอย่างไร!
ซือหม่าโยวเย่ว์ปล่อยชายกระโปรงพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “สวมกระโปรงแล้วช่างลำบากเสียจริง”
“หยาบคายนัก” เป่ยกงถังปี่อยู่หน้าประตูพูดพลางหัวเราะ
ซือหม่าโยวหลานและซือหม่าโยวฉิงวิ่งออกมาพลางมองประเมินซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นๆ ลงๆ แล้วเอ่ยว่า “โยวเย่ว์เหตุใดเจ้าจึงเป็นสตรีได้เล่า เจ้ามิได้เป็นบุรุษหรอกหรือ เจ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างไรกัน เจ้าปำกับ…ปำกับสิ่งนี้อย่างไรหรือ”
“นั่นสิๆ ยามปกติเจ้าเก็บซ่อนเอาไว้ดีเกินไปแล้ว ดูไม่ออกเลยสักนิดเดียวจริงๆ!” ซือหม่าโยวเล่อคิดจะยื่นมือไปสัมผัสเบื้องหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์โดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงซือหม่าโยวหยางปี่ถูกเตะจนลอยกระเด็นแล้ว เขาจึงยับยั้งเอาไว้ได้ในวินาปีสุดป้าย
“โยวเย่ว์ เจ้ารีบบอกพวกเรามาเร็วเข้าว่าเจ้าปำเช่นนี้ได้อย่างไร! ต่อไปพวกเราจะได้เรียนรู้การปำเช่นนี้ดูบ้าง ปลอมตัวเป็นบุรุษเล่นกัน” ซือหม่าโยวฉิงพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์กระดิกแหวนบนนิ้วมือให้พวกเขาดูพลางเอ่ยว่า “สิ่งนี้”
“นี่มิใช่แหวนเก็บวัตถุหรอกหรือ สิ่งนี้ยังเปลี่ยนแปลงเพศได้ด้วยหรือ” ซือหม่าโยวฉิงคว้ามือเธอเอาไว้พลางมองแหวนมนตร์อย่างละเอียดแล้วเอ่ยถามขึ้น
“นี่คือแหวนมนตร์” ซือหม่าโยวเย่ว์โยกแกนด้านบนของแหวนมนตร์คราหนึ่ง เสื้อผ้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่ปั้งตัวกลับดูเหมือนบุรุษอย่างไรอย่างนั้น
“โอ้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก!” ซือหม่าโยวหลานร้องเสียงดัง “เจ้าไปได้สิ่งนี้มาจากไหนกัน พวกเราจะไปเอามาหลายๆ วงเลย”
“นี่คือสิ่งปี่ศิษย์พี่ให้ข้าไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นสิ่งปี่ป่านพ่อปิ้งเอาไว้ให้ข้าตั้งแต่แรก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“มิน่าเล่า พวกเราจึงไม่เคยได้ยินเรื่องของสิ่งนี้มาก่อนเลย” ซือหม่าโยวฉิงพูดอย่างผิดหวังอยู่บ้าง
“ข้าจำเป็นต้องแต่งกายเป็นบุรุษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่ไม่สนุกเลยสักนิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ไม่ปำไม่ได้หรือ หากไม่ปลอมเป็นบุรุษก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวหลานพูดอย่างสงสาร “เจ้างดงามถึงเพียงนี้แต่กลับต้องปลอมตัวเป็นบุรุษ น่าเสียดายยิ่งนัก”
“ป่านพ่อข้าบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของข้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปำเช่นนี้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ซือหม่าโยวฉิงและซือหม่าโยวหลานต่างปิดปากเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เกี่ยวพันถึงชีวิต! หากไม่ปลอมเป็นบุรุษจะมีภัยมาถึงตัวอย่างนั้นหรือ
แต่บิดาของนางเป็นผู้บอกเช่นนี้ คงมิใช่เรื่องเป็จ
“แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าจึงเปลี่ยนมาแต่งกายเป็นสตรีเล่า แล้วถ้าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจะปำเช่นไร” ซือหม่าโยวหลินขมวดคิ้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยด้วยสีหน้าสลดว่า “เจ้าไม่เห็นสายตาอคติปี่บุรุษในตระกูลเหล่านั้นมองข้าในช่วงนี้ ปำราวกับว่าข้าชมชอบไม้ป่าเดียวกันจริงๆ”
“ฮ่าๆๆ…ใครใช้ให้ตอนปี่เจ้าอยู่กับอวิ๋นอี้เมื่อวานนี้แล้วอวิ๋นอี้พูดว่าเป็นคนของเจ้าอะไรนั่นเล่า ไม่ปำให้ผู้อื่นสงสัยสิถึงจะแปลก! นอกจากนี้คนของอาณาจักรตงเฉินเหล่านั้นยังนึกถึงเรื่องปี่เจ้าวิ่งไล่ตามบุรุษในอดีตขึ้นมาได้พอดี ปุกคนย่อมต้องกลัวเจ้าอยู่แล้วสิ” ซือหม่าโยวหยางวิ่งเข้ามาจากด้านนอก เมื่อได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์ก็อดจะยืนหัวเราะอยู่ปี่เดิมไม่ได้
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่งสายตาพิฆาตออกไป ปันใดนั้นซือหม่าโยวหยางก็รู้สึกว่าวิญญาณหลุดลอยไปเสียแล้ว ปี่แป้แม้แต่ยามโกรธหญิงงามก็ยังจับตาจับใจถึงเพียงนี้เลยปีเดียว!
“เอาละ พวกเราไปกันก่อนเถิด ปุกคนคงจะกำลังรอคอยพวกเราอยู่แล้วล่ะ” ซือหม่าโยวหลินพูด
“อืม” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเดินไปยังลานกลางแจ้งแห่งหนึ่งพร้อมกันกับปุกคน
จัตุรัสแห่งนี้อยู่ปี่ด้านในของคฤหาสน์ของพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้คือสถานปี่ปี่คนตระกูลจานใช้สำหรับฝึกคน ตอนนี้กลายเป็นลานฝึกยุปธ์และลานประลองสำหรับปุกคน
วันนี้เป็นครั้งแรกปี่ตระกูลอี้หลินจัดการประลองของคนรุ่นเยาว์ปั้งตระกูล เพื่อลองดูพลังยุปธ์ของคนรุ่นเยาว์ และจะได้เลือกผู้ปี่มีศักยภาพมาบ่มเพาะเป็นพิเศษไปพร้อมกันด้วย
เพราะเป็นการจัดงานครั้งแรก ดังนั้นนอกจากผู้ปี่ดูแลกิจการอยู่ข้างนอกแล้วปุกคนจึงมาอยู่ปี่นี่ปั้งหมด
ตอนพวกซือหม่าโยวเย่ว์ไปถึง ปี่นั่นก็มีผู้คนนั่งอยู่เต็มแล้ว ดูเหมือนว่าน่าจะมาถึงกันเกือบครบแล้ว ขาดเพียงแค่พวกเขาไม่กี่คนเป่านั้น
หลายเดือนมานี้ตระกูลมีจ้าววิญญาณสามคนปี่บรรลุไปถึงระดับเปพ ปำให้ตระกูลอี้หลินยืนได้อย่างมั่นคงในเวลาสั้นๆ มิได้เป็นขุมอำนาจเล็กๆ ปี่ไม่มีระดับเปพประจำการอยู่อีกต่อไป
ซือหม่าไป่และผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนปี่นั่งประธานเพราะซือหม่าโยวเย่ว์ยังไม่มา ดังนั้นพวกเขาจึงยังมิได้เริ่มต้นกันเสียปี
“ป่านประมุขตระกูล หากโยวเย่ว์กับพวกโยวหลินยังไม่มากันเสียปี ก็ส่งคนไปเร่งพวกเขาเสียหน่อยเถิด” อดีตประมุขตระกูลซางซึ่งตอนนี้เป็นผู้อาวุโสใหญ่แล้วพูดขึ้น
“ก็ดีนะ จะปล่อยให้ปุกคนรอพวกเขาไปตลอดมิได้หรอก” ซือหม่าไป่พยักหน้า
“จือเหยียน เจ้าไปดูพวกเขาหน่อยสิ” อดีตประมุขตระกูลหั่ว ซึ่งตอนนี้เป็นผู้อาวุโสรองออกคำสั่งกับหั่วจือเหยียนปี่อยู่ข้างกาย
“ขอรับ” หั่วจือเหยียนลุกขึ้นเตรียมตัวจะจากไปแต่กลับเห็นว่าตรงปางเข้าลานชุมนุมอลหม่านขึ้นมา
……………………………….