สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 415 เพื่อความก้าวหน้าของตระกูล (1)
แม้จะบอกว่าการชุมนุมในครั้งนี้เพื่อทดสอบพลังยุทธ์ของคนวัยเยาว์ แต่ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมิได้ลงไป
คนอื่นไม่มีความเห็นใดๆ กับเรื่องนี้ เพราะพลังยุทธ์ของเธอเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ มองดูคนวัยเยาว์เหล่านั้นขึ้นไปสำแดงพลังยุทธ์พลางขมวดคิ้ว
ไม่ควรค่าแก่การดูเอาเสียเลย!
พลังยุทธ์เช่นนี้ต้องขัดขวางการพัฒนาของตระกูลในภายหน้าแน่
อย่างน้อยต้องมีผู้มีพรสวรรค์ปรากฏตัวออกมาสักสองสามคนสิ
เธอคิดไปคิดมา วิธีการที่ดีที่สุดก็มีเพียงแค่การหลอมยาวิเศษร้อยโคจรเท่านั้น
ยังดีที่เธอเคยคิดมาก่อนตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าผลอสรพิษทองคำมีประโยชน์อย่างยิ่ง ดังนั้นจึงรดด้วยน้ำทิพย์วิญญาณมาตลอดหลายปี ทั้งยังให้เจ้าวิญญาณน้อยเร่งเวลา จึงทำให้ผลของมันสุ กถึงสามครั้งแล้วในระยะเวลาไม่กี่ปี
นอกจากผลที่ใช้ไปตอนหาตัวพวกซือหม่าเลี่ยพบในครั้งแรก ตอนนี้ภายในเจดีย์วิญญาณมีผลอสรพิษทองคำที่เก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีอีกยี่สิบผล ส่วนบนต้นยังมีอีกเจ็ดผลที่ยังไม่สุ ก
ด้วยระดับขั้นการหลอมยาของเธอในตอนนี้ ถ้าหากหลอมยาวิเศษร้อยโคจรอีก คงมิได้มีเพียงแค่สองสามเม็ดเหมือนในอดีตแล้ว
การชุมนุมดำเนินไปสามวัน เดิมทีเธอคิดจะไปแค่วันเดียว แต่กลับไปครบกระบวนการทั้งสามวัน แล้วคัดเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์ออกมาจำนวนหนึ่ง
มีผลอสรพิษทองคำอยู่ทั้งหมดยี่สิบผล เธอต้องเก็บสำรองเอาไว้สองผลเผื่อฉุกเฉิน หนึ่งผลหลอมยาได้สิบเม็ด อย่างมากที่สุดก็ได้เพียงแค่หนึ่งร้อยแปดสิบเม็ด รวมกับที่เหลืออยู่ก่อน นหน้านี้อีกหกเม็ด ให้ได้อย่างมากที่สุดเพียงแค่เก้าสิบสามคน
ดังนั้นเก้าสิบสามคนนี้จึงต้องเป็นคนที่ดีที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้ ต้องรับผิดชอบภาระสำคัญของตระกูลในภายภาคหน้า
หลังผ่านไปสามวันที่งานชุมนุมสิ้นสุดลงไม่นาน เธอก็ไปพบซือหม่าไท่
หลังจากตระกูลเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเขาก็มุ่งความสนใจไปที่การหลอมยา นอกจากนี้เพื่อไม่ให้เรื่องต่างๆ ของตระกูลล่าช้า ประมุขตระกูลและผู้อาวุโสจึงอยู่ด้วยกัน ตอนมีธุระก็ปรึกษาธุร ระกัน ตอนไม่มีธุระก็ต่างคนต่างฝึกฝน หากใครรู้สึกว่าไปถึงช่วงเวลาวิกฤติแล้วก็จากไปอยู่ตามลำพังได้ เพื่อเลี่ยงมิให้ถูกรบกวน
แต่หลังจากได้ฟังคำแนะนำของซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว พวกเขาก็แบ่งธุระกันไปจัดการ จึงมีเวลาฝึกยุทธ์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์มา ทุกคนต่างอยู่ที่นั่นพอดี
เมื่อเห็นเธอมา ทุกคนจึงออกจากการบำเพ็ญแล้วนั่งมองเธออยู่บนที่นั่งของตน
“มีธุระหรือ” ซือหม่าไท่รู้จักนิสัยของนาง หากไม่มีธุระย่อมไม่มีทางมาหาพวกเขาอย่างแน่นอน
ซือหม่าโยวเย่ว์หาที่นั่งลงแล้วพูดว่า “ข้ามาถามพวกท่านว่าคนที่เลือกเอาไว้มีใครบ้าง”
“เจ้าสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน” ซือหม่าไท่ใคร่รู้อยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี่ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลย
และเจ้าเด็กนี่แต่งกายเป็นบุรุษทั้งตัวอีกแล้ว นอกจากวันนั้นที่แต่งเป็นสตรีจนทำให้ทุกคนตกตะลึงแล้วก็เปลี่ยนกลับเป็นบุรุษดังเดิม
ซือหม่าโยวเย่ว์มองข้ามสายตาพินิจพิเคราะห์ของเขาโดยสัญชาตญาณแล้วเอ่ยว่า “ก็มิใช่เพราะเห็นว่าสองวันแรกพลังยุทธ์ของคนเหล่านั้นย่ำแย่จนเกินไปหรอกหรือจึงได้หาวิธีมายกระดับพล ลังยุทธ์ของพวกเขาอย่างไรเล่า”
“เจ้ามีวิธีอะไรหรือ” ซือหม่าไท่สองตาเป็นประกาย
ถึงแม้ว่านางจะไม่สนใจเรื่องราวในตระกูล แต่ทุกครั้งที่นางมีข้อเสนอแนะอะไรล้วนมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งแน่นอน
“รู้จักยาวิเศษร้อยโคจรหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“จะไม่รู้จักสิ่งนั้นได้อย่างไรเล่า! ตอนนั้นยาวิเศษร้อยโคจรของหอเซวียนหยวนแห่งอาณาจักรจันทร์ประจิมมีราคาประมูลสูงเสียดฟ้า รู้จักกันทั่วทั้งดินแดนอี้หลินนั่นแหละ” ผู้อาวุโสตระก กูลหลี่พูด
ตอนนั้นพวกเขายังส่งคนไปตรวจสอบอยู่เลย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รับข่าวอะไรสักอย่าง
“หรือวิธีที่เจ้าว่าคือการหายาวิเศษร้อยโคจรเล่า” ประมุขตระกูลหั่วถาม
“ว่ากันว่าตอนนั้นคนของหอเซวียนหยวนรักษาความลับเรื่องนี้อย่างที่สุด ดังนั้นหากคิดจะเสาะหายาวิเศษร้อยโคจรย่อมมิใช่เรื่องง่ายเลย” ประมุขตระกูลซางพูดขึ้นเช่นกัน
มีเพียงซือหม่าไท่ที่จองเธอเขม็งแล้วเอ่ยอย่างดีใจว่า “คนผู้นั้นคือเจ้าใช่หรือไม่!”
เมื่อคำพูดออกจากปากเขา ประมุขตระกูลคนอื่นๆ อีกสามคนต่างพากันตะลึงไป
“ถูกต้อง” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้ายอมรับ
ทั้งสี่คนตกตะลึงไป แต่ก็สงบลงในทันที เจ้าคนผู้นี้มีแม้กระทั่งยาบรรลุเทพ จะมียาวิเศษร้อยโคจรก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดเลย
แต่คิดๆ ดูแล้ว นางเพิ่งออกมาจากอาณาจักรตงเฉิน ก็มียาวิเศษร้อยโคจรแล้ว!
“เจ้าเด็กบ้านี่ มียาวิเศษร้อยโคจรอยู่ เหตุใดจึงไม่ยอมบอกแต่เนิ่นๆ เล่า!” ซือหม่าไท่ถลึงตาใส่เธออย่างแรงทีหนึ่ง แน่นอนว่าสิ่งนี้มิได้มีพลังในการสังหาร
“ตอนนั้นบอกไปแล้วว่ามีประโยชน์อย่างไร แต่ไม่มีวัตถุดิบ พูดไปท่านก็ได้แต่ฝันหวานเปล่าๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตากลับไป
“ตอนนี้มีวัตถุดิบแล้วหรือ” ซือหม่าไท่สองตาเปล่งประกาย
“อืม หลายปีนี้สะสมมาได้จำนวนหนึ่ง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“จะหลอมได้มากน้อยเพียงใด”
“หลอมเสร็จตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว ตอนนี้ข้ามีอยู่ในมือหนึ่งร้อยแปดสิบหกเม็ด กินคนละสองเม็ดก็ได้เก้าสิบสามคน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าหลอมเสร็จแล้วหรือ” ทุกคนสูดหายใจ ยาวิเศษร้อยโคจรมากมายเช่นนี้ พวกเขาปรับปรุงกายภาพของคนได้ถึงเก้าสิบสามคนเลยทีเดียว!
ผู้มีพรสวรรค์เพียงคนเดียวก็เปลี่ยนแปลงอนาคตของตระกูลได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเก้าสิบสามคนเลย!
“ใช่” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ “วันนั้นที่ข้าดูมีเด็กสี่ห้าคนที่พรสวรรค์พอใช้ได้ พวกเขาอายุยังน้อย หลังจากกินยาวิเศษร้อยโคจรลงไปก็จะส่งผลต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก ในภายหน้าจะต ต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีแน่ นอกจากนี้ยังมีจ้าววิญญาณเก้าคนที่อายุยังไม่มากนัก ถ้าหากให้พวกเขากินก็น่าจะไปถึงระดับเทพได้เร็วหน่อย คนเหล่านี้รวมกันแล้วมีราวๆ สิบห้าค คน หลังจากนั้นก็มอบส่วนที่เหลือให้กับคนวัยเยาว์เหล่านั้นไป ดังนั้นข้าจึงมาถามพวกท่านว่าได้เลือกคนที่จะบ่มเพาะเป็นพิเศษเอาไว้แล้วหรือยัง”
“เลือกไว้แล้ว มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสิบกว่าคน” ซือหม่าไท่พูด
หนึ่งร้อยสิบกว่าคน มากกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้อยู่เล็กน้อย
“จำนวนคนมากไปหน่อย คราวนี้ให้ได้เพียงแค่เจ็ดสิบกว่าคนเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เช่นนั้นก็เรียงตามลำดับที่พวกเราจัดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วกัน” ผู้อาวุโสหั่วพูด
“ก็ได้” ผู้อาวุโสซางและผู้อาวุโสหลี่ก็เห็นด้วย
“ในเมื่อพวกท่านมีลำดับรายชื่อ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบขวดหยกออกมาสิบกว่าใบก่อนเอ่ยว่า “อยู่ที่นี่หมดแล้ว พวกท่านจัดการกันเองเถิด เหล่าคนที่ข้าเล ลือกเอาไว้ก็คือ…”
เธอบอกชื่อสิบห้าคนที่เข้าตาออกมา ซือหม่าไท่จดจำได้ในคราวเดียว
ผู้อาวุโสอีกสามคนที่เหลือก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะในบรรดาคนที่ซือหม่าโยวเย่ว์พูดชื่อออกมามีครบทุกตระกูล มิได้ละเลยใครไป โดยดูจากพรสวรรค์จริงๆ
“โยวเย่ว์เอ๋ย เจ้าจะบอกตำรับยาวิเศษร้อยโคจรกับข้าได้หรือไม่”
เขาอยากได้ตำรับยาพื้นบ้านมานานมากแล้ว
“จะบอกท่านก็ได้ แต่ต่อให้ท่านได้มันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะท่านไม่มีเครื่องยาที่สำคัญที่สุดอย่างผลอสรพิษทองคำ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
นี่คือเหตุผลที่เธอยอมขายตำรับยาพื้นบ้านนี้ให้กับหอเซวียนหยวนไปในตอนนั้น
ท่านเอาไปก็กลายเป็นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้นเอง
“เช่นนั้นก็ยังดีกว่าไม่มี” ผู้อาวุโสหลี่พูด
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะเขียนให้ท่านเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบพู่กันออกมาเขียนตำรับยาพื้นบ้าน
ขณะที่เขียนตำรับยาพื้นบ้าน จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าตระกูลหลี่เป็นตระกูลนักหลอมยา ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอี้หลิน เรียกได้ว่านักหลอมยาของพวกเขามีอยู่มากที่สุดใน บรรดาขุมอำนาจตระกูลใหญ่ ถ้าหากบ่มเพาะให้ดีๆ ตระกูลก็จะยิ่งพัฒนาไปได้ไกลขึ้นในอนาคต
จากนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าจะนำตำรับยาพื้นบ้านในมือตนทั้งหมดออกมา หากมีเวลาว่างก็จะไปชี้แนะบรรดานักหลอมยาเหล่านั้น
ในภายหน้านักหลอมยากลุ่มหนึ่งก็จะหลอมยาวิเศษระดับสูงได้ทั้งหมด เช่นนั้นตระกูลของพวกตนก็คงพัฒนาอย่างประเมินค่ามิได้!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอจึงหรี่ตาลงอย่างเบิกบานใจ