สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 420 ตามเธอกลับบ้าน
แต่รอยยิ้มของอูหลิงอวี่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นกลิ่นอายก็เยียบเย็นลงอย่างช้าๆ กลายเป็นไม่พอใจอย่างที่สุด!
หลังจากที่เจ้าเด็กนี่พลิกตำราเล่มนั้นแล้วก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาอีกเลย!
ไม่ส่งสายตาให้เขาเลยแม้แต่แวบเดียว…
เขาจ้องมองนาง จ้องมองอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดคนผู้หนึ่งก็ทนไม่ไหว จึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านหิวแล้วมิใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมกิน เอาแต่จ้องข้าทำไม”
อูหลิงอวี่นึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ให้สิ่งนี้กับนาง อยากจะไปดึงกลับมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“เจ้าเอาแต่ดูมันจนไม่ยอมมองข้าแล้วน่ะสิ” เขาตำหนิ “ข้ากับมัน อะไรน่าดูกว่ากัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์อดกลอกตาใส่เขามิได้ เปรียบเทียบตัวเองกับตำราว่าอะไรน่าดูกว่ากัน เขานี่มันช่างเหลือทนนัก!
“มันน่าดูกว่าท่าน” เธอตอบอย่างสัตย์จริง
“มันน่าดูเท่าข้าหรือไร” อูหลิงอวี่น้ำเสียงเย็นชา เขามองตำราเล่มนั้นราวกับมองศัตรูก็มิปาน
ซือหม่าโยวเย่ว์เหลือบมองเขาแล้วเก็บตำราลงไป เพื่อเลี่ยงไม่ให้เจ้าคนผู้นี้ฉีกทึ้งมัน
“ท่านจะกินหรือไม่ หากไม่กิน ข้าก็จะเก็บข้าวของแล้วนะ”
“กินสิ ทำไมจะไม่กินเล่า ข้ายังกินไม่อิ่มเลยนะ” อูหลิงอวี่เห็นนางเก็บตำราลงไป จึงกินโจ๊กต่ออย่างพึงพอใจ
เมื่อกินโจ๊กหมดแล้ว เขาก็อ้างเหตุผลที่ร่างกายอ่อนแอ ให้ซือหม่าโยวเย่ว์กางกระโจมให้เขา และเตรียมที่นอนให้เขาพักผ่อน
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดจะพูดว่าไม่ได้ แต่เมื่อเห็นเขาอ่อนแอเช่นนี้ ก็ยังยอมตามใจเขา
ก็คิดเสียว่าเขาเป็นเด็กน้อยเหมือนเสี่ยวถูแล้วกัน!
กางกระโจม ปูที่หลับที่นอน และพยุงเขาไปพักผ่อน หลังจากนั้นจึงเตรียมจะจากไป เพื่อกลับไปอ่านตำราของตนต่อ
แต่เห็นได้ชัดว่าบางคนไม่อยากให้เธอจากไป ประเดี๋ยวก็ให้เธอทำโน่นทำนี่ ก็เพื่อไม่ให้เธอจากไป
ในที่สุดเธอจึงอาละวาดอย่างทนไม่ไหว “อูหลิงอวี่ ถ้าหากท่านยังไม่ทำตัวปกติกับข้า ข้าก็จะโยนท่านทิ้งไว้ที่นี่แล้วกลับไปเองละนะ”
เธอเห็นแก่ที่เขาได้รับบาดเจ็บเพราะเธอมาตลอด ถึงได้พยายามอดทนแล้วอดทนอีกกับคำขอของเขา คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนผู้นี้ได้คืบจะเอาศอก!
อูหลิงอวี่เห็นซือหม่าโยวเย่ว์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงได้เก็บความคิดของตนเอาไว้ก่อน แล้วเอ่ยว่า “ข้าจะไม่ขอให้เจ้าทำอะไรให้อีกแล้ว เจ้านั่งอ่านตำราบนม้านั่งก็แล้วกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์กลอกตาใส่เขาแล้วนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ ก่อนจะหยิบตำราค่ายกลออกมาเริ่มอ่าน
อูหลิงอวี่เห็นเธออ่านหนังสืออย่างสงบจึงไม่แกล้งเธออีก เขานั่งสมาธิฟื้นฟูวิญญาณของตน
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะกินยาวิเศษที่ซือหม่าโยวเย่ว์ให้ลงไปแล้ว ทั้งยังกินน้ำทิพย์วิญญาณลงไปหยดหนึ่งด้วย แต่วิญญาณก็ยังคงอ่อนแออย่างยิ่ง ตอนนี้ควรจะหล่อเลี้ยงให้ดีๆ ได้แล้ว
จากนั้นคนหนึ่งจึงนั่งบำเพ็ญอยู่บนเตียง ส่วนอีกคนก็นั่งอ่านตำราอยู่บนม้านั่งอย่างเงียบสงบ ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
ดำเนินไปเช่นนี้นานสิบวัน
ภายในสิบวันนี้คนของตระกูลซือหม่าก็เคยคิดจะตามหาซือหม่าโยวเย่ว์ แต่กลับไม่รู้เลยว่าที่แท้แล้วนางอยู่ที่ไหนในตอนนี้ และหลังจากที่ซือหม่าโยวหลินผู้รู้ที่อยู่ของนางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเก็บหยกก้อนนั้นกลับเข้าไป
ตอนที่นางถูกพาตัวไปนั้นย่อมขัดขืนได้อย่างแน่นอน แต่นางกลับปล่อยให้อีกฝ่ายพาตัวนางไป
นางต้องมีเหตุผลของนางเองแน่
สิบวันให้หลัง อูหลิงอวี่ก็ลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อมองไปก็เห็นเงาร่างตั้งอกตั้งใจของซือหม่าโยวเย่ว์ มุมปากจึงยกเป็นรอยยิ้มจางๆ
“เสร็จแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เงยหน้าขึ้นถาม
“อืม” อูหลิงอวี่ลงมาแล้วเดินมาที่ข้างกายเธอก่อนจะจับเส้นผมปอยหนึ่งของเธอเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดหลายวันนี้เลยหรือ”
“อืม” เธอดึงผมของตนกลับมา
“อยู่กับตำราเล่มนี้ตลอดเลยหรือ”
“ค่ายกลในตำราค่ายกลเล่มนี้สมบูรณ์แบบกว่าค่ายกลทั่วไปมากนัก กว่าจะศึกษาได้ก็ยากกว่าค่ายกลทั่วไปอยู่พอสมควร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด เป็นการตอบคำถามของเขาอย่างอ้อมๆ
เธอเก็บตำราลงไปพลางเอ่ยว่า “ข้าถามหมัวซาแล้ว ขอเพียงข้าไปถึงระดับเทพก็จะถอนพันธสัญญากับเขาได้ พวกท่านก็จะผสานรวมกันได้แล้ว ถึงตอนนั้นท่านก็ไม่ต้องลำบากเพราะเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”
“เอาละ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนที่เจ้าจะไปถึงระดับเทพ ข้าก็จะอยู่ข้างกายเจ้าแล้วกัน เพื่อเลี่ยงมิให้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นระหว่างนั้น” อูหลิงอวี่พูด
“ดีร้ายอย่างไรท่านก็เป็นผู้วิเศษแห่งตำหนักผู้วิเศษ จะมาติดตามข้าทำไมกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เห็นด้วยแล้วพูดว่า “ข้าจะเลื่อนไปถึงระดับเทพโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นก็จะไปหาพวกท่านที่เบื้องบน”
“ไล่ข้าไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ช่างไร้เมตตาเสียจริง” อูหลิงอวี่พูด
“ข้ามีธุระของตัวเองที่ต้องทำ ท่านอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีอะไรให้ทำเสียหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ข้ายินดี” อูหลิงอวี่พูด “ตกลงเช่นนี้แหละ”
คนตระกูลซือหม่าเหล่านั้นต่างรับรู้กันหมดแล้วว่านางเป็นสตรี ถ้าแห่มาล่วงเกินนางกันหมดแล้วจะทำเช่นไรเล่า ระยะนี้ตนต้องคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายนางสิ
เจ้าเด็กนี่เป็นคนที่ไม่หวั่นไหวง่ายๆ แต่ถ้าหวั่นไหวแล้วก็เป็นคนฝังใจแน่วแน่ ถึงแม้จะบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีคนที่ชอบ แต่ถ้าหากตอนที่ตนจากไปแล้วเกิดชอบพอผู้อื่นเข้าจะทำเช่นไรเล่า
ดังนั้นเขาต้องปกป้องนาง และประกาศสิทธิความเป็นเจ้าของของตน
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้ว่าอูหลิงอวี่คิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ ถึงอย่างไรเขาก็หาตำราล้ำค่าถึงเพียงนี้มาให้เธอตั้งมากมาย ตนจึงมิอาจไล่เขาไปได้
ดังนั้นสิบวันต่อมาหลังจากที่ถูกลักพาตัว เธอจึงพาอูหลิงอวี่กลับไปที่ตระกูลพร้อมกันด้วย
เทพธิดาในดวงใจพาบุรุษทรงเสน่ห์ผู้หนึ่งกลับมาด้วย ทั้งยังเป็นผู้ที่ลักพาตัวเธอไปในตอนนั้น ตระกูลอี้หลินจึงตื่นตระหนกกันเป็นอย่างยิ่ง มองดูเธอพาบุรุษผู้นั้นกลับไปยังเรือนของเธอตาปริบๆ
“โยวเย่ว์?” พวกเป่ยกงถังเห็นซือหม่าโยวเย่ว์พาอูหลิงอวี่กลับมา ต่างก็ตกใจกันอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่พลางพูดว่า “เขาบอกว่าจะมาอยู่กับพวกเราที่นี่สักระยะหนึ่ง”
“แล้วเขาจะพักที่ไหนเล่า”
“ย่อมต้องพักด้วยกันกับศิษย์น้องอยู่แล้วสิ” อูหลิงอวี่พูดยิ้มๆ
พักอยู่ด้วยกันอย่างนั้นหรือ
พวกเจ้าอ้วนชวีต่างตกใจ พักอยู่ด้วยกันกับนาง นั่นจะได้อย่างไรกัน!
แต่ซือหม่าโยวเย่ว์กลับพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เตรียมห้องหนึ่งในเรือนเล็กของข้าให้เขาแล้วกัน”
เพราะในตระกูลมีคนค่อนข้างมาก พวกเขาจึงได้เพิ่มเรือนประกอบเช่นนี้เอาไว้ด้วย อยู่ร่วมในเรือนพักหลังเดียวกันหลายคน แต่ซือหม่าโยวเย่ว์มีสถานะค่อนข้างสูงส่งในตระกูล ทั้งยังมีความลับในตัวมากมาย ดังนั้นเธอจึงพักอยู่ในเรือนตามลำพังคนเดียว
ตอนนี้เธอถึงกับยอมให้อูหลิงอวี่อาศัยอยู่ในเรือนของเธอ นี่ก็ไม่ใช่การอยู่ร่วมกันกับเธอทั้งวันทั้งคืนแล้วหรือไร
ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นสตรีก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้รู้กันหมดแล้วว่าเธอเป็นสตรี ผู้คนในตระกูลจึงไม่วางใจให้อูหลิงอวี่อยู่ร่วมกันกับเธอ
แต่อีกฝ่ายมีสถานะอันแสนพิเศษ และซือหม่าโยวเย่ว์ยังยินยอมแล้วด้วย พวกเขาจึงได้แต่มองอูหลิงอวี่พักอยู่ในเรือนของเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองสายตาไม่เห็นด้วยของคนเหล่านั้นแต่ทำอะไรไม่ได้ เจ้าคนผู้นี้จะต้องอยู่ข้างกายเธอให้ได้ โดยบอกว่าเมื่อใดที่ตนเกิดเรื่อง เขาจะได้ช่วยได้ทันเวลา
เธอพ่นหัวเราะออกมาทางจมูกตอนได้ยินข้ออ้างนี้ของเขา แต่ตอนที่ตรวจร่างกายเขา เธอก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา
ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ แต่ตอนที่เธอตรวจวิญญาณเขา นึกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เขาเคยได้รับในอดีต จึงมิอาจทนปฏิเสธคำขอของเขาได้
เมื่อเห็นเทพธิดาในดวงใจยอมรับปากให้บุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งพักอาศัยกับนาง หัวใจของบุรุษหนุ่มเหล่านั้นก็แหลกสลาย
แต่คนที่เคยไปเมืองวิเศษล้วนเคยเห็นอูหลิงอวี่กันทั้งสิ้น รู้สถานะของเขา เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ตนไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิดเดียว
จากนั้นผู้ที่เตร็ดเตร่อยู่นอกเรือนของซือหม่าโยวเย่ว์ก็ค่อยๆ น้อยลง
เมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ อูหลิงอวี่จึงยิ้มอย่างพึงพอใจ
……………………………………….