สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 425 พาเธอจากไป
เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เป็นเช่นนี้ ทุกคนต่างพากันแตกตื่น หรือว่าเกิดปัญหาอันใดขึ้นกับร่างกายของนางจนภายหน้าไม่อาจบำเพ็ญได้อีกต่อไปแล้วเล่า
แต่เห็นนางเช่นนี้ก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าหากไม่อาจบำเพ็ญได้แล้วจริงๆ นางคงไม่มานั่งหลั่งน้ำตาร้องไห้เหมือนตอนนี้ หากแต่คงพยายามเสาะหาวิธีแก้ไข
ซือหม่าโยวเย่ว์เงยหน้าขึ้นมองพวกเขา หลังจากนั้นจึงเบนสายตาไปยังร่างของอูหลิงอวี่
อูหลิงอวี่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้ได้ แต่ก็ยังเข้าใจความหมายของนาง เขาเปิดอุโมงค์ทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเข้าไปอุ้มนางโดยระวังมิให้เสื้อผ้าบนร่างเธอหลุดร่วง ก่อนจะก้าวเข้าไปในอุโมงค์ทางเดินแล้วจากไป
“เขาพาโยวเย่ว์ไปไหนน่ะ”
คนของตระกูลซือหม่ามองอุโมงค์ทางเดินปิดตัวลงแล้วจึงค่อยได้สติกลับคืนมา
“โยวเย่ว์ ที่แท้นางเป็นอะไรกันแน่”
ไม่ว่าพวกเขาจะคาดเดาอย่างไร ก็คาดเดาสาเหตุไม่ออกเลย
“โยวหลิน เจ้าคนผู้นั้นพาโยวเย่ว์ไปไหนน่ะ” ซือหม่าโยวหยางถาม
ซือหม่าโยวหลินเหลือบตามองเขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะถามใครเล่า แต่นี่คือความต้องการของโยวเย่ว์ ถ้าคิดว่านางเพียงแค่ต้องการความสงบเท่านั้นเองดังนั้นจึงให้อูหลิงอวี่พานางจากไป บางทีอีกไม่กี่วันก็คงกลับมาแล้วล่ะ”
พวกเว่ยจือฉีมองเป่ยกงถัง ยามปกตินางอยู่ใกล้ชิดซือหม่าโยวเย่ว์ที่สุด บางทีนางอาจจะรู้อะไรบ้าง
เป่ยกงถังส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้าว่าบางทีนางคงจะนึกอะไรขึ้นมาได้กระมัง เจ้าคำรามน้อยพูดอยู่ตลอดว่ามันทำพันธสัญญากับโยวเย่ว์มาตั้งแต่ชาติก่อน แต่โยวเย่ว์ไม่มีความทรงจำอยู่เลย แสดงว่านางเคยหลงลืมความทรงจำไปตั้งมากมาย บางทีคงจะนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้กระมัง”
“ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ในชาติก่อนนางเคยประสบกับสิ่งใดกันหนอ ถึงทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้ได้” เจ้าอ้วนชวีรำพึง
เรื่องนี้เป่ยกงถังก็เดาไม่ออกแล้ว
“พวกเรากลับไปที่ตระกูลกันก่อนดีกว่า” ซือหม่าโยวหลินพูด “ถ้าหากนางกลับมาก็คงกลับไปที่ตระกูลโดยตรงเลย พวกเรารออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“พี่สาม?” ซือหม่าโยวเล่อมองซือหม่าโยวหราน ตั้งแต่เขาเข้ามาก็มิได้พูดอะไรมาโดยตลอด
“ไปกันเถิด น้องห้าคงไม่เป็นไรหรอก” ซือหม่าโยวหรานกล่าว
“หวังว่านางจะกลับมาเร็วๆ นะ” ซือหม่าโยวเล่อพูดพลางถอนหายใจ
เขาตัดสินใจกลับไปถามท่านปู่ดูว่าเขารู้อะไรบ้างหรือไม่
ซือหม่าโยวเย่ว์พิงอยู่ในอ้อมอกของอูหลิงอวี่ ไม่รู้ว่าเขาจะพาตนไปที่ไหน
เมื่อเผชิญกับความสนใจของทุกคน ในตอนนั้นเธอคิดแค่เพียงจะหนีออกมา เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้เลือกให้อูหลิงอวี่พาออกมา บางทีอาจเพียงเพราะว่าเขาเปิดอุโมงค์ทางเดินห้วงมิติได้เท่านั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดเสียงของอูหลิงอวี่จึงดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะ “เจ้าอยากจัดการกับตัวเองก่อนสักหน่อยหรือไม่”
เธอเหลือบตาขึ้นมอง เป็นบริเวณอันแปลกตาอย่างสิ้นเชิง แต่ทิวทัศน์ช่างงดงามยิ่งนัก
“ที่นี่คือที่ไหนหรือ” เธอถามพลางพิงตัวกับอ้อมอกเขา
“โลกย่อส่วนของข้าเอง” อูหลิงอวี่พูด “เจ้าผ่อนคลายอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเลย ไม่มีคนเห็นหรอก”
“ท่านมิใช่คนหรือ”
เธอปาดน้ำตาที่หางตาแล้วผละจากอ้อมอกเขา ก่อนจะดึงเสื้อผ้าตัวเองเอาไว้พลางมองประเมินสถานที่แห่งนี้
ทิวเขาทอดตัวยาวต่อเนื่อง นกร้องขับขาน ดอกไม้ส่งกลิ่นหอม ปราณวิญญาณเข้มข้น เป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลยทีเดียว
“ที่นี่กว้างใหญ่เพียงใดหรือ” ความสนใจของเธอเปลี่ยนมาอยู่ที่โลกย่อส่วน ความเศร้าโศกภายในใจมิได้เด่นชัดถึงเพียงนั้นอีกแล้ว
“ไม่ใหญ่นักหรอก” อูหลิงอวี่เอ่ยตอบ เมื่อเห็นนางดีขึ้นบ้างแล้วจึงรู้สึกว่าไม่เสียทีที่ตนพานางมาที่นี่
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่าโลกย่อส่วนพรรค์นี้คล้ายกับเจดีย์วิญญาณอยู่บ้าง แต่โลกย่อส่วนนี้ มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามตำแหน่งของเจ้าของ ทั้งยังมิอาจใช้ความคิดควบคุมได้ด้วย จึงด้อยกว่าเจดีย์วิญญาณอยู่พอสมควร
แต่ก็นับว่าที่นี่เป็นห้วงมิติส่วนตัวของเขา ตนเองนึกอยากจะทำอะไรก็ได้
“ท่านมิได้อยู่ที่ดินแดนโบราณหรอกหรือ มาที่นี่ได้อย่างไรกัน”
อูหลิงอวี่หยิบหินระบุตำแหน่งที่นำออกมาตอนที่จากไปนั้นขึ้นมา ตอนนี้ก้อนหยกเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานทั้งก้อน
“อารมณ์ของเจ้าปั่นป่วนอย่างยิ่ง เกินจะทานทน เจ้าสิ่งนี้จึงได้กลายเป็นสีแดงดุจโลหิต” อูหลิงอวี่พูด
นางไม่รู้หรอกว่าตอนที่เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของหินระบุตำแหน่งแล้วตื่นตระหนกมากเพียงใด กลัวว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับนาง ดังนั้นจึงรีบวางธุระในมือลงแล้วรีบมาหา
ชั่วขณะที่เห็นน้ำตาของนาง เขาก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเจ็บปวดเสียแล้ว อยากจะเช็ดน้ำตาให้นาง และยิ่งอยากปลอบประโลมหัวใจนาง
เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของนาง เขาก็รู้ว่านางอยากให้ตนพานางออกมา รู้สึกได้ถึงความเชื่อมั่นที่นางมีต่อเขา ในใจเขาก็เบิกบานไม่น้อย เขาคิดว่าจะเบนความสนใจของนางอย่างไรดี สุดท้ายจึงตัดสินใจพานางมาที่นี่
ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์ฟื้นฟูความทรงจำในอดีตกลับมาแล้ว ย่อมต้องนึกถึงหินระบุตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้ขึ้นมาได้ด้วย
คิดไม่ถึงว่าเขาจะรีบร้อนมาหาเพราะความรู้สึกของเธอได้รับผลกระทบ ทั้งยังพาตนมาที่นี่ ตอนได้พบกันในชาติก่อนก็ไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นคนเช่นนี้
เธอหลับตาลงปิดบังความรู้สึกของตนเอาไว้แล้วพูดว่า “ข้าอยากล้างเนื้อล้างตัวหน่อย”
อูหลิงอวี่เอื้อมมือมาโอบเธอเอาไว้ ความคิดวูบไหวคราหนึ่ง พวกเขาก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกอัศจรรย์ใจจนหลุดปากถามว่า “ท่านหลอมแปรมันอย่างนั้นหรือ”
มีเพียงการหลอมแปรทั้งโลกย่อส่วนเท่านั้น เขาจึงจะควบคุมที่นี่ได้ตามใจ
หลังจากถามจบเธอถึงค้นพบว่าตนพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูด คนจากโลกเบื้องล่างจะรู้เรื่องการหลอมแปรโลกย่อส่วนได้อย่างไร
อูหลิงอวี่เลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาชี้ห้องห้องหนึ่งแล้วพูดว่า “ในนั้นคือห้องอาบน้ำ”
ซือหม่าโยวเย่ว์ผลักประตูเข้าไปแล้วพูดก่อนปิดประตูว่า “ถ้าหากข้ารู้ว่าท่านแอบใช้โลกย่อส่วนแอบดู ข้าจะทำลายสถานที่แห่งนี้ของท่านแน่นอน”
พอพูดจบเธอจึงปิดประตูเสียงดังปัง
อูหลิงอวี่ลูบจมูกตัวเอง ตนเป็นคนลามกอนาจารถึงเพียงนั้นเลยหรือไร หากเขาอยากดูก็จะดูอย่างโจ่งแจ้ง จะมาแอบดูเสียที่ไหนเล่า!
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นว่าที่นี่มีสระน้ำพุร้อนขนาดใกล้เคียงกันกับของตนเลยทีเดียว เธอถอดเสื้อคลุมตัวนอกโยนทิ้งไว้บนพื้น เสื้อคลุมตัวนอกนี้ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ถึงได้ทั้งใหญ่ทั้งยาว
“ถอดร่างเปลี่ยนกระดูกแล้วหรือ” เธอมองดูชั้นเนื้อตายบนร่างของตน มันสั่นไหวน้อยๆ แล้วร่วงหล่นลงมาจนหมด เผยให้เห็นผิวที่ราวกับชั้นไขมันด้านใน
เนื้อตายที่ไหม้เกรียมเหล่านี้ดูแล้วน่าสะอิดสะเอียนอยู่บ้าง ตอนที่ตนถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อตายไปทั้งตัว อูหลิงอวี่ยังกอดตนเอาไว้ในอ้อมแขนได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงอีกหรือ
เธอลงไปในน้ำแล้วมองดูใบหน้าที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ น้ำตาทะลักออกมาจนบดบังการมองเห็นของเธอ
“ซีเหมินโยวเย่ว์… ซีเหมินโยวเย่ว์… ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องชาย ข้าลืมเลือนทุกคนไปได้อย่างไร ข้าลืมเลือนทุกคนไปเนิ่นนานถึงเพียงนี้ได้อย่างไร… ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย…”
เธอเรียกเจ้าคำรามน้อยออกมา เมื่อเห็นเจ้าคำรามน้อยตาแดงก่ำเช่นกัน จึงดึงมันเข้าสู่อ้อมกอด
“เจ้าคำรามน้อย ขอโทษที่ลืมเลือนเจ้าไป ขอโทษด้วย…”
มันคือสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเธอเชียวนะ! เพราะทำพันธสัญญา วิญญาณจึงโชคดีรอดมาได้ แต่ในตอนที่ฟื้นขึ้นมากลับเผชิญหน้ากับเจ้านายที่จำตนไม่ได้เสียแล้ว
นอกจากนี้เพราะเธอจำเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้ มันจึงมิได้เล่าเรื่องความแค้นที่ถูกล้างผลาญตระกูล ที่เห็นคนใกล้ชิดตายไปกับตาให้เธอฟัง แบกความรับผิดชอบเอาไว้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“เจ้านาย เจ้าจำได้หมดแล้ว” เจ้าคำรามน้อยก็หลั่งน้ำตาด้วยเช่นกัน เพราะซือหม่าโยวเย่ว์ฟื้นคืนความทรงจำ และเป็นเพราะความเจ็บปวดใจที่ถูกผลาญล้างตระกูลในตอนนั้นด้วย
“จำได้หมดแล้ว จำได้ทั้งหมดเลย เป็นเพราะข้า เป็นเพราะข้าทั้งนั้น…” ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบตัวเจ้าคำรามน้อย กอดมันเอาไว้พลางร้องไห้อย่างมิอาจควบคุม
อูหลิงอวี่อยู่นอกประตูตลอดโดยมิได้จากไปไหน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างในก็ขมวดคิ้ว ต่อมาจึงถอนหายใจแล้วหายตัวจากไป
………………………………