สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 427 เสาะแหล่งแสวงปราณ
หลังจากไปได้หนึ่งเดือน ซือหม่าโยวเย่ว์ก็กลับไปยังตระกูล เมื่อเห็นเธอกลับมา หัวใจที่ลอยคว้างของทุกคนจึงค่อยคลายลง
“ขอโทษด้วย ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มอย่างขอโทษขอโพยให้ทุกคน
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ซือหม่าโยวหลินพูด
ทุกคนตกลงกันโดยปริยายที่จะไม่ถามว่าเธอไปไหนมา ทั้งยังไม่ถามสาเหตุที่เธอสูญเสียการควบคุมด้วย เพียงแค่ดีใจที่เธอกลับมาเท่านั้น แต่เพียงไม่นานก็ดีใจไม่ออกเสียแล้วเพราะเธอพูดว่ า “อีกครึ่งปีข้าจะไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังดินแดนโบราณ”
เธอกำลังจะจากไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าอีกหลายปีข้างหน้าจะมิได้พบเธออีกแล้วซึ่งบางทีอาจหมายถึงชั่วชีวิต
ซือหม่าโยวเย่ว์บอกการตัดสินใจของตนจบแล้วก็กลับไปยังเรือนของตน ปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งคิดไปต่างๆ นานา
ที่เธอพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจกับการจากไปของเธอ อีกอย่างก็คือเป็นการบอกให้ผู้ที่ต้องการไปกับตนฝึกยุทธ์ให้ดีๆ ตนมิอาจรอคอยพวกเขาได้ หากไปไม่ถึงระดับ เทพก็มิอาจพาพวกเขาไปด้วยได้ ด้วยเหตุนี้พวกซือหม่าโยวฉิง จึงพากันฝึกยุทธ์อย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งทำให้พวกเขาแต่ละคนทยอยกันเลื่อนไปถึงระดับเทพได้ภายในครึ่งปีจริงๆ
แน่นอนว่าพวกเขาต่างใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของห้วงเวลาภายในเจดีย์วิญญาณ
ระยะเวลาครึ่งปีนี้พวกเขาอยู่ข้างในก็เท่ากับระยะเวลาสิบห้าปี ด้วยพลังยุทธ์ของพวกเขา การเลื่อนไปถึงระดับเทพก็เป็นเรื่องที่เป็นไปตามคาดอยู่แล้ว
ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์นั้นบำเพ็ญอย่างสบายๆ ตลอดครึ่งปีนี้ นอกจากการบำเพ็ญที่จำเป็นในทุกๆ วันแล้ว เธอก็ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนหลอมยาและสร้างค่ายกลแทน
ปรมาจารย์ค่ายกลก็แบ่งออกเป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้นต้น ปรมาจารย์ค่ายกลขั้นกลาง ปรมาจารย์ค่ายกลขั้นสูง มหาปรมาจารย์ค่ายกล อภิมหาปรมาจารย์ค่ายกล และจักรพรรดิค่ายกล เป็นต้น
ซือหม่าโยวเย่ว์ลองประมาณระดับขั้นของตนในตอนนี้ดู ก้าวผ่านระดับมหาปรมาจารย์ค่ายกล สำเร็จเป็นอภิมหาปรมาจารย์ค่ายกลแล้ว
และต้องยกความดีความชอบหลักๆ ให้กับตำราค่ายกลที่อูหลิงอวี่ไปเสาะหามาให้เธอเล่มนั้น นอกจากนี้ระดับขั้นยาวิเศษของเธอก็สำเร็จไปถึงขั้นเจ็ดแล้ว ทั้งยังเพิ่งสำเร็จเมื่อเร ร็วๆ นี้ด้วย
หลังจากที่การหลอมยาเข้าสู่ขั้นหกแล้ว เธอก็ค้นพบว่าระดับขั้นยาวิเศษในตอนท้ายๆ นั้นบรรลุได้ยากมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มิน่าเล่าถึงได้มีนักหลอมยาขั้นต้นและขั้นกลางมากมายถึงเพียงน นั้น ในขณะที่นักหลอมยาระดับสูงขึ้นไปมีจำนวนเพียงน้อยนิด
ในวันหนึ่ง เจ้าวิญญาณน้อยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอแล้วมองเธออย่างสงสัยพลางพูดว่า “เจ้ามิได้อยากรู้มาตลอดหรอกหรือว่าชั้นสองมีอะไร”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตีหน้าผาก เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ตนเลื่อนไปถึงระดับเทพนั้น ชั้นที่สองก็ได้เปิดออกแล้ว แต่เพราะเรื่องยุ่งวุ่นวายเหล่านั้นเธอจึงได้ลืมไปเสียสนิท
“ไปดูกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์วางตำราค่ายกลในมือลง ความคิดวูบไหวคราหนึ่งก็มาปรากฏตัวภายในชั้นที่หนึ่งของเจดีย์วิญญาณ
คราวก่อนตอนเธออยู่ที่นี่ ถูกสายฟ้าฟาดครั้งหนึ่ง แต่มาคิดดูในตอนนี้ เมื่อเทียบกับกัลป์สายฟ้าตอนเลื่อนไปถึงระดับเทพ สิ่งนี้ก็เหมือนกับกำลังเกาจุดที่คันอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าวิญญาณน้อยลอยตัวอยู่ด้านหลังเธอพลางพูดว่า “เข้าไปดูสิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า ในใจรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
จะมีสิ่งใดรอคอยตนอยู่ที่ชั้นสองกันหนอ
เธอขึ้นบันไดก้าวแล้วก้าวเล่า เมื่อมาถึงจุดเลี้ยวระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นสองจึงหยุดลง เมื่อคราวก่อนเธอก็ถูกสกัดเอาไว้ตรงนี้เอง
เมื่อมองเส้นสายบางๆ ที่กระเพื่อมไหวเป็นระลอก เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากนั้นจึงยื่นมือไปสัมผัส
ผ่านได้แล้ว!
ข่ายมนตร์นั้นมิได้สกัดเธออีกต่อไป แต่กลับสลายตัวไปทันที
เธอเดินขึ้นข้างบนต่อไป หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นตามจำนวนขั้นบันไดที่ลดลง
ในที่สุดเธอก็เหยียบลงบนบันไดขั้นสุดท้าย
แต่เธอกลับไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงความมืดสนิทเท่านั้น
ความรู้สึกตึงเครียดของเธอผ่อนคลายลงในทันใด แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าวิญญาณน้อย เหตุใดชั้นที่สองนี่จึงไม่มีอะไรเลยเล่า”
“ใครบอกว่าไม่มีกันเล่า” เจ้าวิญญาณน้อยดีดนิ้ว สภาพแวดล้อมที่มืดสนิทก็สว่างไสวขึ้นมาในทันใด ซือหม่าโยวเย่ว์มองเห็นทิวเขาทอดตัวยาว
“ทิวเขาอย่างนั้นหรือ มิได้แตกต่างอะไรกับทิวเขาที่ชั้นหนึ่งเลยนี่!” เธอมองทิวเขาแล้วไม่เห็นว่าจะแตกต่างกันตรงไหนเลย
เจ้าวิญญาณน้อยกลอกตาพลางเอ่ยว่า “สิ่งเหล่านี้คือเหมือง มิใช่หุบเขาธรรมดาอย่างข้างล่างนั่นหรอก แล้วจะไม่แตกต่างกันได้อย่างไรเล่า”
“เหมืองหรือ นำมาทำอะไรน่ะ เปิดเหมืองให้เจ้าอ้วนหลอมวัตถุอย่างนั้นหรือ”
“นี่คือเหมืองมณีผลึกเชียวนะ! เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าปราณวิญญาณที่นี่ค่อนข้างน้อย แต่พลังวิญญาณมีมากกว่าน่ะ” เจ้าวิญญาณน้อยตะคอก
ซือหม่าโยวเย่ว์จึงค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าที่ดินแดนโบราณ ถึงแม้ว่าตอนบำเพ็ญ ทุกคนจะอาศัยการเพิ่มพลังวิญญาณภายในร่างกาย แต่ก็มีวิธีการอื่นในการเพิ่มความเร็วอย่างเช่นการดูดซับพ พลังวิญญาณภายในมณีผลึกเป็นต้น
เมื่อเห็นเหมืองเหล่านี้ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เกรงว่าทรัพยากรของที่นี่จะเทียบเคียงได้กับทรัพยากรในมือของสำนักวิชาใหญ่เหล่านั้นเลยทีเดียว แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ใต้ดินทั้งหมดเลยน่ะสิ เธอจะต้องขุดเอาเองอย่างนั้นหรือ
นอกจากนี้ก็มิใช่ว่าภายในหุบเขาทั้งหมดจะมีมณีผลึกอยู่ เธอมิใช่ปรมาจารย์แสวงปราณ แล้วจะรู้ได้อย่างไรกันว่าจะหามณีผลึกได้เช่นไร
“คิดอยากจะเปิดเหมืองเหล่านี้ ก็ต้องไปหาปรมาจารย์แสวงปราณมาสักคน ไม่อย่างนั้นก็ต้องสำเร็จเป็นปรมาจารย์แสวงปราณให้ได้ก่อน” เธอพูดอย่างจนใจ “การหาปรมาจารย์แสวงปราณสักคนคง งยากจะเป็นไปได้จริง ต่อให้หาพบก็มิอาจพาคนเข้ามาได้ เช่นนั้นก็คงได้แต่สำเร็จเป็นปรมาจารย์แสวงปราณเองแล้วล่ะ”
ปรมาจารย์แสวงปราณ ผู้เชี่ยวชาญแขนงที่ได้รับการต้อนรับมากที่สุดในดินแดนโบราณ มีสถานะอันสูงส่งกว่าปรมาจารย์ค่ายกลเสียอีก สาเหตุก็คือพวกเขารู้วิธีการแยกแยะหิน เสาะหาสายวิญญา าณมณีผลึกได้ สามารถเปิดใช้มณีผลึกอันหายากจากภายในหินแร่ได้
คราวก่อนตอนอยู่ที่โลกย่อส่วน ตอนที่หมัวซาได้รับหินแก้วผลึกมนตราแล้วตื่นเต้นดีใจถึงเพียงนั้น จะเห็นได้ถึงมูลค่าของมณีผลึกอันหายากนี้
และสถานะของปรมาจารย์แสวงปราณที่สเปิดมณีผลึกหายากได้นั้น ไม่ต้องพูดก็รู้อยู่แล้ว
“แต่อยากสำเร็จเป็นปรมาจารย์แสวงปราณนั้นพูดง่ายกว่าทำนะ” เธอถอนหายใจแล้วถามว่า “เจ้าวิญญาณน้อย เจ้านายคนก่อนๆๆ อะไรเหล่านั้นของเจ้าน่ะ มีปรมาจารย์แสวงปราณอยู่บ้างหรือไม่”
“ไม่มีเลย” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “แต่ข้ามีตำราอยู่เล่มหนึ่งนะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์รับตำราที่เจ้าวิญญาณน้อยมอบให้มา เมื่อเห็นตัวอักษรตัวโตสี่คำที่เขียนอยู่บนปกแล้วจึงร้องอย่างตกใจออกมา “ตำราเสาะแหล่งแสวงปราณ! เป็นตำราเสาะแหล่งแสวงปราณจ จริงๆ ด้วย! เจ้ามีตำราเล่มนี้ได้อย่างไรกันน่ะ”
เมื่อชาติที่แล้วเธอเคยได้ยินชื่อตำราเล่มนี้มาก่อน ว่ากันว่าเป็นตำราระดับสูงที่สุดในบรรดาตำราแสวงปราณลับ ภายในมีเคล็ดลับการจำแนกหินแร่อยู่มากมาย
ว่ากันว่าในประวัติศาสตร์ มีเพียงปรมาจารย์แสวงปราณผู้ครอบครองตำราเสาะแหล่งแสวงปราณเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด สำเร็จเป็นอภิมหาปรมาจารย์แสวงปราณ!
แต่ตำราเล่มนี้หายสาบสูญไปนานมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ในมือของเจ้าวิญญาณน้อยในวันนี้ได้
“ไม่รู้ว่าอดีตเจ้านายคนไหนได้มันมา” เจ้าวิญญาณน้อยพูด
“แล้วเหตุใดเขาจึงมิได้สำเร็จเป็นปรมาจารย์แสวงปราณเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างใคร่รู้
“ยังไม่ทันได้อ่านก็ตายเสียก่อนน่ะสิ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์บื้อใบ้ไป เจ้านายผู้นี้ก็ช่างน่าอนาถเหลือเกิน มีเจ้าวิญญาณน้อยอยู่ แต่กลับตายไปเสียนี่
แต่เหลือของดีอย่างตำราเสาะแหล่งแสวงปราณนี่เอาไว้ ก็สบายเธอเลยสิ
มีของดีเช่นนี้อยู่ ความเป็นไปได้ที่เธอจะแก้แค้นได้สำเร็จเมื่อขึ้นไปยังโลกเบื้องบนก็เพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่งแล้วสิ!
จากนั้นในเวลาต่อมา เธอจึงทุ่มเทความสนใจส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาการเสาะหาแหล่งปราณมณีผลึก เธอทำความเข้าใจกับความรู้ภาคทฤษฎีของตำราเสาะแหล่งแสวงปราณก่อน จากนั้นจึงไปที่ชั้นสองของ เจดีย์วิญญาณเพื่อเสาะหาแหล่งปราณมณีผลึก นำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ยกระดับความสามารถในการเสาะหาแหล่งปราณของตน
เวลาผ่านไปในชั่วพริบตา ระยะเวลาครึ่งปีมาถึงในที่สุด…