สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 430 แบบแผนการดำรงชีวิตของดินแดนโบราณ
เมื่อได้ฟังคำพูดของจัวหม่า ซือหม่าโยวเย่ว์จึงถามด้วยความตกใจว่า “เช่นนั้นสำนักรุ้งจันทราและถ้ำเมฆขาวเล่า”
จัวหม่าส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่เคยได้ยินชื่อเหล่านี้เช่นกัน”
ชื่อเหล่านี้ล้วนเป็นขุมอำนาจใหญ่ของแดนศูนย์กลางทั้งสิ้น แต่นางกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยอย่างนั้นหรือ
ที่นี่มิใช่ดินแดนโบราณอย่างนั้นหรือ
“ที่นี่คือดินแดนโบราณใช่หรือไม่” เธอถามต่อไป
“ใช่แน่นอนอยู่แล้ว!” จัวหม่าพูด “ทำไม เจ้าไม่ใช่คนดินแดนโบราณอย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินว่าอยู่ที่ดินแดนโบราณ ซือหม่าโยวเย่ว์จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ข้าเพิ่งมาถึงดินแดนโบราณแล้วเกิดปัญหาเล็กน้อย ดังนั้นจึงมิได้ไปถึงจุดหมายของข้า”
“จุดหมายของเจ้าคงเป็นหุบเขามารเทพสินะ” จัวหม่าถามยิ้มๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“ที่นี่เป็นเขตแดนศูนย์กลางหรือเขตรอบนอก”
เธอเห็นพลังยุทธ์ของจัวหม่าไม่สูงมากนัก น่าจะไม่ได้เป็นคนของเขตชั้นใน
“ที่นี่คือเขตรอบนอก” จัวหม่ากล่าว “นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังเล็กมากอีกด้วย พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อหุบเขามารเทพที่เจ้าพูดถึงมาก่อนเลย”
“หุบเขามารเทพคือขุมอำนาจของแดนศูนย์กลาง เจ้าไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเรียบเรื่อย
ถึงแม้ปากเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจกลับขมขื่นอย่างยิ่ง อยากไปถึงเขตรอบนอกจากแดนศูนย์กลางนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่เคยมาที่เขตรอบนอกเลย จำเป็นจะต้องหาวิธีไปยังแดนศูนย์กลางให้ได้
แต่ก่อนอื่น จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าตนอยู่ที่ไหน!
จัวหม่าเห็นแววกังวลในดวงตาของซือหม่าโยวเย่ว์ จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าอย่าพึ่งร้อนใจไปเลย พวกเราไม่รู้ แต่คนของสถานที่ใหญ่ๆ เหล่านั้นต้องรู้อย่างแน่นอน รออาการบาดเจ็บหายดีแล้ วค่อยไปดูที่เมืองใหญ่ๆ เหล่านั้นกันนะ”
“ก็คงได้แต่เป็นเช่นนี้แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ถอนหายใจ “เจ้าช่วยเล่าสถานการณ์ของที่นี่ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”
อาการบาดเจ็บของเธอในตอนนี้ยังคงสาหัสอย่างยิ่ง กว่าจะหายดีได้นั้นเกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
“ได้สิ” จัวหม่ารู้ว่าเธอมาจากดินแดนเบื้องล่าง ย่อมไม่รู้เรื่องที่นี่อยู่แล้ว จึงเล่าสถานการณ์ของที่นี่ให้เธอฟัง
ซือหม่าโยวเย่ว์ฟังจบแล้วยิ่งขมขื่นในใจ
เมื่อชาติก่อนเธอเคยได้ยินว่าเขตรอบนอกมีอาณาเขตนับหมื่นล้าน ซึ่งเธอคิดว่าเป็นคำกล่าวเกินจริงมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เขตรอบนอกใช้สันเขาเป็นหน่วยนับ มีสันเขาต่างๆ มากมายเหลือคณา ขุมอำนาจขนาดเล็กอาศัยความคุ้มครองของขุมอำนาจใหญ่ ส่วนขุมอำนาจที่ใหญ่หน่อยก็อาศัยขุมอำนาจระดับสูงขึ้นไป เป็นเช ช่นนี้ไปเรื่อยๆ
เพราะอาณาเขตกว้างใหญ่เกินไป คนอย่างพวกจัวหม่าจึงยังไม่เคยไปยังสถานที่ไกลออกไปมาตลอดชีวิต เพราะค่ายกลนำส่งมีอยู่เพียงแค่ในสำนักวิชาเท่านั้น และค่ายกลนำส่งของสำนักวิชาเหล่ านั้น จะมาให้คนธรรมดาอย่างพวกเขาใช้ได้อย่างไรกัน
“ค่ายกลนำส่งเหล่านั้นไม่มีทางให้คนนอกใช้ นอกเสียจากว่าเจ้าจะเข้าสู่สำนักวิชาสักแห่งแล้วได้เป็นสมาชิกคนสำคัญของที่นั่น หรือมีอะไรที่ทำให้พวกเขาเต็มใจให้เจ้าใช้ค่ายกลนำส่งได ด้” จัวหม่าพูด “ที่นี่มีเพียงแค่สำนักพยัคฆ์สวรรค์เท่านั้นที่มีค่ายกลนำส่ง แต่สำนักพยัคฆ์สวรรค์นั้นมิใช่ว่าจะคุยด้วยได้ง่ายๆ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นสีหน้าของจัวหม่าก็รู้ว่าสำนักพยัคฆ์สวรรค์นั้นมิใช่แค่มิอาจคุยด้วยได้ง่ายๆ อย่างที่นางบอก แต่คาดว่าคงจะมิใช่ขุมอำนาจที่ดีแต่อย่างใด
“เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเจ้าพูดถึงตระกูลเจี่ยงอะไรสักอย่าง นั่นมันเรื่องอันใดกันหรือ” เธอถาม
จัวหม่าคิดว่าบอกอีกฝ่ายในตอนนี้เพื่อให้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ จึงเอ่ยว่า “ตระกูลเจี่ยงและตระกูลจัวของพวกเราล้วนเป็นตระกูลภายใต้สำนักพยัคฆ์สวรรค์ ถ้าหากพวกเราต้องการความค คุ้มครองของสำนักพยัคฆ์สวรรค์ก็จะต้องกำหนดวันส่งมอบทรัพยากรให้กับพวกเขา ถ้าหากทำตามเงื่อนไขมิได้ ก็จะสูญเสียความคุ้มครองจากสำนักพยัคฆ์สวรรค์จนถูกขุมอำนาจอื่นๆ รังแกได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่าแบบแผนการดำรงชีวิตเช่นนี้มีสถานที่บางแห่งในแดนศูนย์กลางที่เป็นเช่นเดียวกัน อย่างเช่นตระกูลจงเจิ้งก็พึ่งพาสำนักหยินหยาง ส่วนสำนักหยินหยางก็พึ่งพาขุมอำน นาจแห่งอื่น
“ตระกูลเจี่ยงนั่นเป็นอริกับตระกูลจัวของเรามาโดยตลอด เมื่อสองปีก่อน ส่วยที่พวกเรามอบให้สำนักพยัคฆ์สวรรค์นั้นหากมิได้ถูกพวกเขาขโมยไปก็ถูกพวกเขาทำลาย ทำให้พวกเราทำตามเงื่อ อนไขของสำนักพยัคฆ์สวรรค์มิได้ต่อเนื่องมาหลายปี จนปีนี้สำนักพยัคฆ์สวรรค์ยื่นคำขาดสุดท้ายมาให้พวกเราว่าถ้าหากยังส่งสิ่งของดีๆ ไปให้ไม่ได้อีก จากนี้ไปก็จะไม่ปกป้องพวกเราอีกแล้ว” ” จัวหม่าพูดอย่างโกรธแค้น
“ปีนี้พวกเจ้าได้ของดีๆ มาแล้วกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์คาดการณ์
“อืม” จัวหม่าพยักหน้า “พวกเราค้นพบเหมืองขนาดเล็กที่ส่วนลึกของทะเลทรายเข้าโดยบังเอิญ ถึงแม้ว่าเหมืองนั้นจะไม่ใหญ่ แต่ระดับขั้นของหินแร่ภายในนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ถึงกับมีมณีผ ผลึกหายากอันหนึ่งปรากฏออกมา จากนั้นพวกเราจึงเสี่ยงอันตรายไปขุดหินแร่จำนวนหนึ่งออกมาจากเหมืองเล็ก ท่านพ่อข้าบอกว่าถ้ามอบของเหล่านี้ขึ้นไปให้ พวกเราก็จะผ่านพ้นไปได้แล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์ประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาค้นพบมณีผลึกหายาก ย่อมต้องเป็นโชคลาภอันยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลเล็กๆ อย่างพวกเขาเลยทีเดียว
แต่ต่อให้ได้มาแล้วพวกเขาก็มิได้ครอบครองอยู่ดี
“ตระกูลเจี่ยงนั่นจะช่วงชิงไปจากพวกเจ้าหรือไม่” เธอถาม
“เมื่อวานพวกเราได้รับข่าวมาว่าตระกูลเจี่ยงรู้เรื่องเหมืองเล็กแล้ว กำลังเตรียมตัวเดินทางมาช่วงชิงไปจากพวกเรา” จัวหม่าเดือดดาลไม่น้อย “ตระกูลเจี่ยงอาศัยว่ามีระดับสำนักเทพอยู่คน นหนึ่ง จึงได้รังแกพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า รอให้พวกเรามีพลังยุทธ์ก่อน จะต้องตามจองล้างจองผลาญพวกเขาอย่างแน่นอน!”
ระดับเทพขึ้นไปมิได้มีอยู่มากนัก มีเพียงราชาเทพ สำนักเทพ จักรพรรดิเทพ และเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ละระดับก็มิได้มีระดับขั้นย่อยหนึ่งถึงเก้า หากแต่เป็นระดับต้น ระดับกลาง ง และระดับสูง
คนที่มีพลังยุทธ์ระดับสำนักเทพ ก็นับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในสถานที่เช่นนี้แล้วจริงๆ
“ระหว่างทางกลับของพวกเราจะต้องผ่านอาณาเขตของตระกูลเจี่ยง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตรายขึ้น” จัวหม่าพูด “แต่ถ้าหากพวกเราปล่อยเจ้าเอาไว้ที่เมืองหย่งซิน เจ้าเมืองผู้นั้น นก็ไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด เขาชมชอบบุรุษ เจ้ามีรูปโฉมน่ามองถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่”
“ขอบคุณมาก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างซาบซึ้ง
ชาติก่อนเห็นเล่ห์เพทุบายมามากมาย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่มีเมตตาถึงเพียงนี้ที่นี่ได้
“ขอบคุณอะไรกันเล่าอันที่จริงการให้เจ้าอยู่กับพวกเราก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ท่านพ่อจะบอกว่าพอถึงเมืองถัดไปหลังจากผ่านเมืองหย่งซินแล้วจะปล่อยเจ้าลง ทว่าตั้งแต่เมืองหย่ งซินเป็นต้นไปก็คืออาณาเขตของตระกูลเจี่ยงแล้ว ถ้าหากพวกเขามาเร็วล่ะก็ พวกเรา…”
จัวหม่ามิได้เอ่ยคำพูดที่เหลือออกมา แต่ซือหม่าโยวเย่ว์ก็เข้าใจความหมายของนาง
แต่เธอกลับมิได้กังวลใจแต่อย่างใด
ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองวันมิใช่หรือ เธอจะฟื้นฟูได้ถึงเพียงไหนภายในระยะเวลาสองวันก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอก
ผ่านไปอีกสองวันร่างกายของเธอก็ขยับเขยื้อนได้แล้ว ยังมิอาจเปิดเจดีย์วิญญาณได้ แต่แหวนเก็บวัตถุกลับอยู่ภายใต้การควบคุมของเธออย่างสมบูรณ์แล้ว
พวกเขามิได้เข้าไปในเมืองหย่งซิน แต่วางแผนจะเบี่ยงไปตามทิวเขานอกเมือง เพื่อเลี่ยงมิให้เข้าไปแล้วไม่ได้ออกมา
ฟ้ามืดลงแล้ว พวกเขาจึงหาสถานที่โล่งแจ้งภายในภูเขาเพื่อพักผ่อน
ก่อนเข้าไปในภูเขา รถเทียมสัตว์อสูรที่ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้งานก่อนหน้านี้ได้ถูกทิ้งไปแล้ว เพราะทางภูเขาขรุขระจนรถเทียมสัตว์อสูรไม่อาจผ่านได้
ยังดีที่ร่างกายของเธอฟื้นฟูขึ้นมาได้พอสมควรแล้ว ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะยังมิได้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่เป็นปัญหากับการเดินทางเลย
ขณะตั้งค่าย จัวหม่าเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เดินอยู่รอบๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์กลับไปนั่งลงข้างกองไฟ จัวหยางส่งสายตาเยียบเย็นดุจมีดดาบให้เธอ แสดงถึงความไม่พอใจ
คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดจัวหม่าจะต้องเก็บเขาเอาไว้ให้ได้! ตัวภาระชัดๆ!
ยามดึกสงัด ทุกคนไปพักผ่อนกันหมดแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลันแล้วมองไปยังทิศทางที่เป็นที่ตั้งของเมืองหย่งซิน