สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 431 การโจมตีกลางดึก
หลังจากที่เธอเปิดแหวนเก็บวัตถุได้แล้วก็อาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันสังเกตกินยาวิเศษรักษาอาการบาดเจ็บขั้นหกไปเม็ดหนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอจะฟื้นฟูได้โดยอาศัยกายภาพมารเทพ แต่มียาวิเศษช่วยย่อมเร็วกว่า
เมื่อเทียบกันแล้วดินแดนโบราณย่อมโหดร้ายกว่ามากนัก เหมือนที่พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีคนตายกว่าหมื่นคนทุกวัน อันตรายอาจมาเยือนได้ทุกเวลา
จำเป็นต้องมีพลังยุทธ์จึงจะใช้ได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ลอยมาจากเมืองหย่งซิน เธอกำลังคิดอยู่ว่าต้องบอกให้คนตระกูลจัวรู้หรือไม่
เธอยังไม่ทันได้ตัดสินใจ จัวหรานก็ลืมตาขึ้นเสียแล้ว สายตามองไปยังทิศทางของเมืองหย่งซินตามธรรมชาติ
เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ตื่นมองไปทางนั้นอยู่เช่นกัน เขาจึงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าเด็กผู้นี้ดูอ่อนแอยิ่งนัก แล้วเหตุใดจึงสัมผัสว่ามีกลิ่นอายเคลื่อนเข้ามาใกล้ได้เล่า
เขาลุกขึ้นยืน คนตระกูลจัวสัมผัสความเคลื่อนไหวของเขาได้ จึงทยอยกันตื่นขึ้นมา
“ท่านพ่อ เป็นอะไรไปหรือ” จัวหม่าลุกขึ้นถาม
จัวหรานพูดด้วยสีหน้าเข้ม “ดูเหมือนว่าตระกูลเจี่ยงจะรีบร้อนยิ่งกว่าที่พวกเราคิดเสียอีก”
“ท่านประมุขตระกูล คนตระกูลเจี่ยงมาแล้วใช่หรือไม่” จัวหยางถาม
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนจำนวนคนจะมากกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้พอสมควรเลยทีเดียว
จัวหรานก็สัมผัสได้แล้วเช่นกัน สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงแล้วเอ่ยว่า “จัวหม่า เจ้ารีบนำหินแร่เหล่านั้นหนีไปเร็ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นก็ห้ามกลับมา หลังจากกลับไปแล้วจงมอบหินแร่ให้กับท่านอาสามของเจ้า ให้แน่ใจว่าเขามอบให้สำนักพยัคฆ์สวรรค์”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จัวหม่าจึงเอ่ยด้วยสีหน้าซีดขาวว่า “ท่านพ่อ ตระกูลเจี่ยงส่งคนมามากมายเลยใช่หรือไม่”
“อย่างน้อยก็มีระดับราชาเทพขั้นสูงสองคน” จัวหรานกล่าว
เขาเองก็มีพลังยุทธ์ระดับราชาเทพขั้นสูง แต่ถ้าหากอีกฝ่ายมีมาสองคน เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าประสาทสัมผัสของเจ้าจะฉับไวดีเหลือเกินนะ!” เสียงหนึ่งก้องสะท้อนอยู่ภายในป่าเขา ทำให้คนมิอาจบอกทิศทางได้อย่างชัดเจน
“คิดหนีหรือ วันนี้พวกเจ้าหน้าไหนไปไม่รอดแล้ว!”
เงาร่างหลายสายออกมาจากในป่าแล้วล้อมพวกเขาเอาไว้
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นพวกเขาเดินทางแล้วรู้สึกว่าในส่วนนี้ของเบื้องบนไม่สะดวกเอาเสียเลย เพราะกฎเกณฑ์ฟ้าดินไม่เหมือนกัน ระดับราชาเทพมิอาจเหาะเหินเดินอากาศได้ ต่อให้ก่อนหน้านี้ตอนเธออยู่ที่ดินแดนเบื้องล่างจะเหาะเหินได้แล้ว แต่กลับทำที่นี่ไม่ได้
จัวหรานมองผู้มาเยือนพลางพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เจี่ยงเฟย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”
“ฮ่าๆ พี่ใหญ่ของข้าบอกแล้วว่าเจ้า จัวหราน ออกโรงด้วยตัวเอง พวกเราย่อมไม่มีทางตกเป็นรอง แต่เขามีธุระรัดตัว จึงได้แต่ให้ข้ามาแล้วล่ะ” เจี่ยงเฟยพูดพลางหัวเราะเสียงดังลั่น “ได้ยินว่าพวกเจ้าหาหินแร่ดีๆ พบกันเป็นจำนวนไม่น้อย พวกเจ้าคิดจะผ่านอาณาเขตตระกูลเจี่ยงของข้าไป ก็ควรจะจ่ายค่าผ่านทางสักหน่อยไหม”
“พวกเจ้าตระกูลเจี่ยงอย่ารังแกคนให้มากเกินไปนักเลย!” จัวหม่าด่าทอ
“แม่เด็กตระกูลจัว พวกเรารังแกคนมากเกินไปเสียที่ไหนกัน ตอนพวกเจ้าผ่านทางขาไปมิได้เก็บค่าผ่านทาง ตอนนี้จะกลับไป ยังมิควรเก็บอีกหรือ” เจี่ยงเฟยพูด
“พวกเจ้าหยุดคิดจะช่วงชิงสิ่งของของพวกเราเสียที!” จัวหยางมองคนตระกูลเจี่ยงอย่างโกรธเคือง
นอกจากระดับราชาเทพขั้นสูงสองคน พวกเขายังพาระดับราชาเทพขั้นต้นและขั้นกลางสามคน รวมทั้งระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดอีกเจ็ดแปดคนมาเผื่อเอาไว้ด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับคนของตระกูลจัวในตอนนี้แล้ว พลังยุทธ์ของพวกเขาสูงกว่ามากเลยทีเดียว
จัวหรานก็คิดไม่ถึงว่าตระกูลจัวจะให้เจี่ยงเฟยมาด้วยตัวเอง เป็นถึงน้องชายของประมุขตระกูล สถานะของเขาก็มิใช่ธรรมดา
จากจุดนี้ก็เห็นได้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับหินแร่ในคราวนี้มากเพียงใด!
“อันที่จริงแล้วพูดเรื่องเหล่านี้กับพวกเจ้าไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ วันนี้พวกเจ้าจะเห็นด้วยกับการมอบสิ่งของให้หรือไม่ก็ไม่สำคัญทั้งนั้น” เจี่ยงเฟยพูดยิ้มๆ
“พวกเจ้าคิดฆ่าคนปิดปากอย่างนั้นหรือ!” จัวหรานเอ่ย
“ผิดแล้ว พวกเรามิได้คิดจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดหรอก อย่างน้อยก็ต้องเหลือคนที่รู้ตำแหน่งของภูเขาสินแร่เอาไว้มิใช่หรือ” ตอนที่เจี่ยงเฟยพูดถึงภูเขาสินแร่ แววตาก็ฉายแววละโมบโลภมากออกมา “ถ้าหากพวกเจ้ายังมีสติอยู่ ก็จงบอกที่ตั้งของภูเขาสินแร่ออกมาเสีย ไม่อย่างนั้นหากรอถึงตอนที่พวกเราทำให้พวกเจ้าพิการแล้วค่อยมาบีบบังคับให้สารภาพ เช่นนั้นก็ต้องรับโทษเพิ่มขึ้นอีกมากโข!”
“พวกเจ้าหยุดคิดไปได้เลย!” จัวหรานไม่ประนีประนอม “ต่อให้พวกเราต้องตาย ก็ไม่มีทางยกภูเขาสินแร่ให้กับพวกเจ้าหรอก!”
“ใต้เท้าเจี่ยง ท่านดูคนผู้นั้นสิ…” คนระดับราชาเทพขั้นสูงอีกคนหนึ่งมองเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ที่นั่งนิ่งสงบอยู่ ก็ถูมือพลางกลืนน้ำลายไม่หยุดหย่อน
เจ้าเด็กผู้นี้ช่างหล่อเหลาเกินไปแล้วจริงๆ น่ามองยิ่งกว่าบรรดาคนที่เขาเลี้ยงเอาไว้ในบ้านเหล่านั้นเป็นร้อยเท่า
เขาคิดไม่ถึงว่ามาที่นี่แล้วจะได้พบพานกับคนเช่นนี้ เขาพบตัวซือหม่าโยวเย่ว์ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาใกล้แล้ว บุคลิกอันล้ำเลิศนั้นทำให้ตนสติกระเจิงในทันที จนแทบอดใจพาเขากลับไปเสพสุขสักยกหนึ่งไม่ไหว
เจี่ยงเฟยถึงได้เพิ่งสังเกตเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ในตอนนี้ เขาเองก็ตกตะลึงเพราะรูปลักษณ์ของซือหม่าโยวเย่ว์ไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางหลงใหลเช่นนั้นของเจ้าเมืองหย่งซิน จึงเอ่ยว่า “ท่านวางใจเถิด อีกประเดี๋ยวค่อยยกเขาให้ท่านแล้วกัน”
“ขอบคุณใต้เท้าเจี่ยงที่ทำให้สมปรารถนา” เจ้าเมืองมองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์อย่างตื่นเต้น แววตาหื่นกระหายนั้นทำให้เธอเกิดความคลื่นเหียน
จัวหม่าก็เห็นแล้วเช่นกัน นางจึงเอ่ยกับซือหม่าโยวเย่ว์อย่างขอโทษขอโพยว่า “ขอโทษด้วยนะ คิดไม่ถึงว่าจะนำพาความยุ่งยากมาให้เจ้า”
“อย่ากังวลใจไปเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเรียบเรื่อย มิได้วิตกกังวล กระวนกระวาย หรือหวั่นกลัวเลยสักนิด
“เฮอะ บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ปล่อยเขาไป ตอนนี้เป็นอย่างไร ต้องตาเข้าเสียแล้ว!” จัวหยางส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น
จัวหรานเห็นท่าทีสงบนิ่งของซือหม่าโยวเย่ว์ จึงเกิดความประหลาดใจขึ้นมาวูบหนึ่ง
เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่มีความประหม่าเลยแม้แต่น้อย เขายังมีหลักประกันอันใดอีกอย่างนั้นหรือ
ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นจากพื้นอย่างไม่รีบร้อน เธอปัดเศษหญ้าบนตัวแล้วเอ่ยว่า “ประมุขตระกูลจัว ในเมื่อพวกท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้หนหนึ่ง วันนี้ข้าก็จะตอบแทนบุญคุณคราวนี้ของพวกท่าน”
“เจ้าน่ะหรือ” จัวหรานเห็นท่าทางมั่นใจในตัวเองของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเชื่ออีกฝ่ายดีหรือไม่
แต่นอกจากเชื่อในตัวซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว พวกเขาก็ไม่มีหนทางอื่นใดอีก
“โยวเย่ว์ เจ้ามีวิธีจริงๆ หรือ” จัวหม่ามองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างไม่แน่ใจ
สองวันมานี้ตนอยู่ค่อนข้างใกล้ชิดกับซือหม่าโยวเย่ว์ จึงรู้ว่าพลังยุทธ์ของเขายังไม่ฟื้นฟู และอีกฝ่ายก็เป็นผู้ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าบิดาของตน แล้วเขาจะมีวิธีจริงๆ น่ะหรือ
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มให้จัวหม่าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถิด คืนนี้พวกเจ้าทุกตนจะปลอดภัย”
พอพูดจบเธอก็มองเจ้าเมืองหย่งซินผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า “สิ่งที่ข้ารังเกียจที่สุดก็คือการมีคนหยามข้า โดยเฉพาะคนอย่างเจ้า ช่างชวนให้ข้าคลื่นเหียนเสียจริง”
“หึๆ หนุ่มน้อย รอให้เจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือข้าแล้ว ต่อให้เจ้าจะรู้สึกคลื่นเหียนอย่างไรอีกก็ไร้ประโยชน์ สิ่งที่ข้ามีก็คือวิธีทำให้เจ้าสุขสม” เจ้าเมืองหย่งซินยิ้มอย่างลามก
“เช่นนั้นก็มาดูกันว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่พ้นผ่านวันนี้ไปได้หรือไม่แล้วค่อยว่ากันเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพร้อมรอยยิ้มเย็นชา
เจี่ยงเฟยเห็นท่าทางของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วรู้สึกว่ามีความผิดปกติอยู่บ้าง กลิ่นอายอันตรายสายหนึ่งเกาะกุมจิตใจ
“เจ้าเป็นใครกัน”
เขามิใช่คนของตระกูลจัว และมิได้มีระลอกคลื่นพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่นัก แต่กลับทำให้ตนไม่สงบอย่างยิ่ง
“ข้าหรือ ข้าคือคนที่จะมาเอาชีวิตของพวกเจ้าน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้ม ราวกับเทพแห่งความตายท่ามกลางความมืดมิด
เธอใส่พลังวิญญาณสายหนึ่งเข้าไปในบริเวณที่ตนนั่งเมื่อครู่ ลำแสงอันเรืองรองสว่างขึ้นมาท่ามกลางป่าไม้ พุ่งผ่านความมืด ตรงขึ้นสู่หมู่เมฆ
ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ระลอกคลื่นสายหนึ่งห่อหุ้มคนตระกูลจัวเอาไว้ภายในจนหมด
จากนั้น ระลอกคลื่นขนาดใหญ่กว่าก็โอบล้อมทั้งผืนป่าเอาไว้ ทุกคนถูกกักเอาไว้ข้างใน มิอาจหนีไปได้
……………………………..