สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 438 การลงโทษเล็กๆ น้อยๆ
ติงซานตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น ยังคิดอยากจะโจมตีอีกครั้ง จัวเซี่ยวจึงรีบเข้าไปข้างหน้าแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าติงซาน ท่านอย่าลงมืออีกเลย ที่นี่มีค่ายกลอยู่ หากท่านโจมตีอี กก็มีแต่จะโจมตีตัวท่านเองเท่านั้น”
พลังวิญญาณในมือติงซานชะงักไป สีหน้าไม่น่าดูอย่างที่สุด
“ข้างในนั้นคือปรมาจารย์ค่ายกลหรือ”
“ถูกต้องขอรับ คือปรมาจารย์ค่ายกล พลังวิญญาณสะท้อนกลับอย่างที่ท่านเห็นเมื่อครู่ก็คือผลของค่ายกล” จัวเซี่ยวสีหน้าจริงจังแต่ในใจกลับหัวเราะจนตัวแทบงอ
ยามปกติเจ้าจะวางอำนาจบาตรใหญ่แค่ไหน แต่ตอนนี้เตะถูกก้อนเหล็กเสียแล้วสิ
ปรมาจารย์ค่ายกล ทั่วทั้งสันเขาพยัคฆ์สวรรค์ไม่มีปรมาจารย์ค่ายกลอยู่เลย แต่เจ้ากลับกล้าไปยั่วยุปรมาจารย์ค่ายกล อยู่ดีไม่ว่าดีจริงๆ!
สมน้ำหน้า!
“ไสหัวไป!” เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาติงซานเพลิงโทสะลุกโชน แต่กลับไม่กล้าระเบิดออกไป ได้แต่ขบกรามระงับไว้ ก่อนจะคอตกกลับไป
พอเขาจากไปแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงพูดกับจัวหม่าว่า “เจ้าก็กลับไปก่อนเถิด”
จัวหม่าไม่วางใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยอมให้ตั้งคำถามของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงพยักหน้าพูดว่า “ถึงแม้ว่าโจวซู่เหรินผู้นั้นจะพลังยุทธ์ไม่สูงนัก แต่เขาเป็นคนสนิทของเ เจ้าสำนักพยัคฆ์สวรรค์ สถานะในสำนักพยัคฆ์สวรรค์ไม่ธรรมดาเลย”
“ข้ารู้แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
จัวหม่ายังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าซือหม่าโยวเย่ว์เรียบเฉย จึงกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นแววตาที่หม่นหมองอยู่บ้างของจัวหม่าแล้วลอบถอนหายใจอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้นางจากไป
“เย่ว์เย่ว์ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสภาพเช่นนี้ของเจ้าก็ยังยั่วยวนบุปผางามได้”เจ้าคำรามน้อยปรากฏตัวขึ้นในอ้อมแขนของเธอพลางหัวเราะเยาะ
ยังเปิดเจดีย์วิญญาณไม่ได้ พวกเจ้าวิหคน้อยก็ออกมาไม่ได้ แต่เพราะเจ้าคำรามน้อยทำพันธสัญญาวิญญาณกับเธอ ดังนั้นสองวันนี้จึงออกมาได้แล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเจ้าคำรามน้อยออกมาได้แล้วจึงคาดเดาว่าอีกไม่นานก็จะเปิดเจดีย์วิญญาณได้แล้ว
เธอถูหัวคิ้วพลางเอ่ยว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ผู้อื่นเป็นแม่นางน้อยที่แสนดี… เดิมทีคิดจะรอให้เปิดเจดีย์วิญญาณได้ก่อนแล้วค่อยจากไป แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จำเป็น จะต้องจากไปก่อนกำหนดเสียแล้ว”
“อันที่จริงข้าออกมาได้แล้ว อีกไม่นานก็คงเปิดเจดีย์วิญญาณได้” เจ้าคำรามน้อยพูด “แต่จากเขตรอบนอกนี่ไปยังเขตชั้นในนั้นยุ่งยากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะเข้าไปได้จากที่ไหน”
“คงได้แต่ไปลองดูที่สถานที่ที่ใหญ่หน่อยแล้วะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “สันเขาพยัคฆ์สวรรค์แห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างล้าหลังเลยทีเดียว”
“ก่อนหน้านี้พวกเรายังพูดกันอยู่ว่าจะมาดูที่เขตรอบนอก ตอนนี้ได้มาก็ดีแล้ว” เจ้าคำรามน้อยขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของซือหม่าโยวเย่ว์ นอนสี่ขาชี้ฟ้า พลางยื่นขาเล็กสั้นไปเล่นผมยา าวสลวยของเธอ
“ต่อให้มาก็ไร้ประโยชน์ สันเขาพยัคฆ์สวรรค์เล็กจ้อยเช่นนี้ พวกเราไม่ต้องมาหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าที่ไหนจะไปยังเขตชั้นกลางได้ ไม่ต้องมาตาบอดคลำทางเหมือนตอนนี้”
“เรื่องนี้ พอถึงเวลาแค่ไปถามก็รู้แล้วนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ก็คงได้แต่เป็นเช่นนี้แล้วละ” เจ้าคำรามน้อยถอนหายใจใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ ทันใดนั้นใบหูยาวของมันก็ขยับไหว แล้วเอ่ยว่า “พวกเขามาแล้วล่ะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกได้ว่าพวกเขามาแล้ว จึงวางตัวเจ้าคำรามน้อยลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนตำแหน่งของศิลากลภายในห้อง แล้วเพิ่มเข้าไปอีกสองก้อน
โจวซู่เหรินมาถึงอุทยานบนด้วยสีหน้าดำทะมึน ที่ตามมาด้านหลังคือติงซานและพวกจัวหราน
เมื่อครู่ติงซานออกมาจากบ้านตระกูลจัวด้วยสภาพน่าอนาถ มิได้พาตัวคนที่กล้าแย่งชิงที่พักที่ตนอยากอาศัยมาด้วย แต่กลับบอกว่าตนถูกอีกฝ่ายตะคอกใส่ บอกว่าหากอยากพบเขา ก็ต้ องไปพบด้วยตัวเอง
มีคนบังอาจท้าทายอำนาจของเขาเช่นนี้ เขาจึงรีบพาคนพุ่งตัวไปในทันที
เดิมทีคิดจะตัดสินโทษซือหม่าโยวเย่ว์ให้ตายคาที่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมารู้กลางคันว่าเขาเป็นปรมาจารย์ค่ายกล จึงลำบากใจขึ้นมาในทันที
สถานะของปรมาจารย์ค่ายกลนั้นทรงเกียรติเพียงใด มิน่าเล่าตระกูลจัวถึงได้ให้เขาพักที่อุทยานบน แต่ตนกับเขาท้าทายกันไปแล้ว และเขายังทำร้ายคนของตนด้วย จึงมิอาจกลืนคำพูดกลับ ลงคอไปได้
ดังที่โบราณว่าไว้ จะตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ หากสุนัขของตนถูกตีแล้วตนยังไม่สนใจ แล้วจะมีหน้าอยู่ที่สันเขาพยัคฆ์สวรรค์ต่อไปได้อย่างไร และจะเงยหน้าขึ้นต่อหน้าเจ้าสำนักคนอ อื่นๆ ได้อย่างไรกัน
“ท่านเจ้าสำนัก ที่นี่แหละขอรับ” ติงซานพูดพลางชี้ประตูห้องของซือหม่าโยวเย่ว์
“ที่นี่มีค่ายกลอยู่หรือ” โจวซู่เหรินมองดูประตูห้องที่มิได้ผิดไปจากปกติเลยแม้แต่น้อยแล้วมองติงซานด้วยความสงสัย แววตาไร้ปรานี เป็นเชิงว่าถ้าเขากล้าหลอกตน ตนก็จะจัดการเข ขาเสีย
“ท่านเจ้าสำนัก จริงๆ นะขอรับ เมื่อครู่ข้าก็ถูกค่ายกลนี้นี่แหละทำร้ายเอา” ติงซานพยักหน้าพลางพูดอย่างแน่ใจ
แต่โจวซู่เหรินก็ยังคงไม่เชื่อ บนโลกนี้มีค่ายกลที่โจมตีกลับได้เสียที่ไหนกัน
“เจ้าไปทดสอบดูสิ” เขาออกคำสั่ง
“ท่านเจ้าสำนัก…” ติงซานมองโจวซู่เหรินด้วยสีหน้าขมขื่น แต่เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะบันดาลโทสะ จึงกลืนวาจาที่เหลือกลับลงคอไป แล้วก้าวเข้าไปข้างหน้าหลายก้าวอย่างจนใจ
คนตระกูลจัวต่างพากันถอยหลังไปหลายก้าว ทิ้งระยะห่างจากติงซาน โจวซู่เหรินก็อยากไปเช่นกัน แต่ถ้าตนไปด้วย ก็ไม่เท่ากับว่าเชื่อคำพูดพวกเขาหรอกหรือ
“ไปสิ!” เขาออกคำสั่ง
ติงซานเห็นเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงรวบรวมพลังวิญญาณเล็กน้อยโจมตีเข้าใส่ประตูของซือหม่าโยวเย่ว์
พลังวิญญาณนั้นสัมผัสระลอกคลื่นที่หน้าประตู แล้วลอยออกมาตามทิศทางที่เข้ามา ราวกับกระเด้งบนสปริง และพลังการโจมตียังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ในขณะที่ติงซานทำการโจมตีนั้นได้เบี่ยงตัวหลบออกมาข้างๆ พลังวิญญาณที่สะท้อนกลับมานั้นจึงปะทะบนร่างของโจวซู่เหรินเต็มๆ
“พลั่ก…”
โจวซู่เหรินถูกพลังวิญญาณปะทะจนลอยกระเด็นออกไปหล่นลงที่หน้าประตูเรือน
“ดีนักนะเจ้าติงซาน ให้เจ้าทดสอบเจ้าก็ทดสอบส่งเดช ถึงกับกล้าใช้พลังมากมายถึงเพียงนั้น! แค่กๆ เจ้าเศษเดนนี่!” โจวซู่เหรินด่าทอพลางตะเกียกตะกายลุกขึ้นถลึงตาใส่ติงซาน
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าใช้พลังมากมายเสียที่ไหนกัน ท่านก็เห็นว่าข้าใช้พลังวิญญาณเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น” ติงซานพูดอย่างเสียใจ “ค่ายกลนี้ขยายพลังการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลยนะขอรับ!”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า แล้วเจ้ายืนขวางอยู่ข้างหน้ามิได้หรือไร ถึงกับกล้าวิ่งออกไป เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง!” โจวซู่เหรินก่นด่า
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าก็บอกไปแล้วว่ามันสะท้อนกลับมาได้ แต่ท่านไม่เชื่อเองนะขอรับ…” ติงซานมองเจ้านายของตนอย่างเศร้าใจ สายตาหลุบต่ำลงในช่วงท้าย เสียงก็เบาลงเรื่อยๆ ด้วย
“หนวกหูจะแย่แล้ว” เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ลอยมาจากภายในห้อง ลานบ้านจึงเงียบสงัดลงในทันใด
โดยเฉพาะติงซานและโจวซู่เหริน ทั้งสองคนยิ่งไม่กล้าเอ่ยปากพูด ค่ายกลเดียวของอีกฝ่ายก็ทำให้พวกเขาน่าอับอายถึงเพียงนี้แล้ว แล้วพวกเขายังจะหาอะไรมาทำให้อีกฝ่ายยกที่นี่ให้พ พวกเขาได้อีกหรือ
โจวซู่เหรินถลึงตาใส่จัวหรานอย่างแรง ไม่รู้ว่าคนตระกูลจัวไปหาปรมาจารย์ค่ายกลมาจากไหนถึงติดตั้งค่ายกลที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้ เขารู้จักสันเขาพยัคฆ์สวรรค์เป็นอย่างดี คนผู นี้ต้องมิใช่คนของสันเขาพยัคฆ์สวรรค์อย่างแน่นอน!
“ได้ยินมาว่าเจ้าอยากจะให้ข้าไสหัวไปให้พ้น ย้ายที่ให้เจ้าอย่างนั้นหรือ” พวกโจวซู่เหรินยังไม่ทันเอ่ยวาจา เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คำถามที่แฝงอยู่นั้นไม่ต้อ องบอกก็รู้
ตอนนี้โจวซู่เหรินจะกล้ายั่วยุซือหม่าโยวเย่ว์เสียที่ไหนกัน แต่ค่ายกลนี้ไม่มีชีวิต ส่วนคนนั้นมีชีวิต หากเขายังอยู่ภายในค่ายกล พวกตนก็ไม่กล้าแตะต้องเขา แต่ถ้าหากพาเขาอ ออกมาข้างนอกเล่า
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ มุมปากเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มเยียบเย็น แต่กลับเอ่ยด้วยความเคารพอย่างที่สุดว่า “ท่านปรมาจารย์อยู่ที่นี่ พวกเราจะยังกล้ารบกวนเสียที่ไหนกันเล่าขอรับ ข้าได้ยิน นว่ามีปรมาจารย์ค่ายกลท่านหนึ่งมาที่ตระกูลจัว เกรงว่าตระกูลจัวจะต้อนรับไม่เหมาะสม จึงอยากจะเชิญท่านไปเป็นแขกของสำนักพยัคฆ์สวรรค์เราน่ะขอรับ”