สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 189 คำขอของหมัวซา
พวกซือหม่าโยวเย่ว์พากันโน้มตัวลงไปดู แม้กระทั่งศีรษะเล็กๆ ของเสี่ยวถูก็ยืดขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“สิ่งของเหล่านี้คือสิ่งของที่ยังไม่ทราบ” เว่ยจือฉีพูดพลางชี้ไปยังสิ่งของหลายอย่างที่อยู่ด้านล่างสุด
“ไม่มีแม้กระทั่งชื่อ มีเพียงแค่รูปวาดลักษณะเท่านั้น” เจ้าอ้วนชวีพูด “เป็นไปได้ว่าของชนิดนี้จะเป็นสิ่งล้ำค่า แล้วก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นสิ่งไร้ค่าเช่นกัน พวกเจ้าดูของเหล่านี้สิ มีสิ่งใดที่อยากซื้อบ้างหรือไม่”
พวกเว่ยจือฉีพากันส่ายหน้า ตอนนี้พวกเขามิได้ขาดแคลนสิ่งใดเลยจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ไม่มีแรงดึงดูดสำหรับพวกเขาเลยสักนิด
เคล็ดวิชาระดับสีดำขั้นสูงนั่นถึงแม้จะไม่เลวเลย แต่ก็ต้องไปแก่งแย่งกับคนของตระกูลใหญ่อื่นๆ ซื่งแน่นอนว่าเอาชนะไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นวางตัวอย่างชาญฉลาดเอาไว้จะดีกว่า
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นว่าทุกคนไม่มีสิ่งที่อยากได้ ถึงแม้ว่าสิ่งล้ำค่าในนั้นจะมีอยู่มากมาย แต่ไม่มีแรงดึงดูดสำหรับพวกเขาเลย ถึงอย่างไรทุกคนล้วนมิใช่คนละโมบอยู่แล้ว
“ในเมื่อไม่มี เช่นนั้นพอถึงเวลาค่อยดูแล้วกันว่าจะมีสิ่งใดที่อยากได้บ้างหรือไม่ ตอนนี้พวกเรากลับไปรอจนถึงวันงานประมูลก็พอแล้ว”
เมื่อกลับไปถึงกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวล พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไปหาไป๋อวิ๋นฉี บอกว่าอยากจะไปเข้าร่วมงานประมูลกันเอง ไม่ต้องไปพร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้างแล้ว
ตอนแรกไป๋อวิ๋นฉีก็ตกใจที่พวกเขาจะไปร่วมงานประมูลกันเอง ทว่าหลังจากนั้นก็แสดงสีหน้าเข้าใจ พวกเขาจะต้องมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างแน่นอน จึงมิได้พูดอะไรอีก
พอกลับมาถึงห้องของตัวเอง ซือหม่าโยวเย่ว์ก็วางรายการเอาไว้บนโต๊ะอย่างส่งๆ ก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเอนตัวลงบนเตียง
หมัวซาออกมาจากสร้อยข้อมือม่านถัวแล้วก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นบนโต๊ะ
“เหตุใดท่านจึงออกมาเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์เอนกาย มือขวาหนุนศีรษะเอาไว้พลางมองเขาแล้วถามขึ้น
หมัวซาโบกมือ รายการนั้นก็เปิดออก รายการยาวเหยียดปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“ทำไม ท่านรู้สึกสนใจสิ่งของในงานประมูลนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ”
“ซื้อของให้ข้าสองอย่างสิ” หมัวซาพูด
“ถูกใจสิ่งใดเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ลูกปัดแก้วผลึกกับศิลาทมิฬ” หมัวซาชี้ของสองสิ่งในนั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจเสียจนมือแทบจะรองศีรษะเอาไว้ไม่อยู่ เธอลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเท้าเปล่าเข้ามาก่อนจะเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ลูกปัดแก้วผลึกนี่เป็นสมบัติล้ำค่า ราคาขั้นต่ำกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงทอง ข้ามิได้มีเป็นแสนๆ ตำลึงทองหรอกนะ แล้วข้าจะช่วยซื้อให้ท่านได้อย่างไรกัน!”
“เจ้าไม่มีเงินหรือ” หมัวซาขมวดคิ้ว
“ท่านเห็นข้ามีเงินตั้งแต่เมื่อใดกัน สิ่งของของพวกเราก็หยิบมาจากในเจดีย์วิญญาณกันทั้งนั้น ตอนนี้ทั้งบ้านข้าก็มีอยู่แค่หนึ่งพันตำลึงทองเท่านั้นแหละ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แล้วศิลาทมิฬที่ท่านว่าคือสิ่งใดกัน”
หมัวซาชี้ไปยังก้อนหินที่มีเพียงรูปภาพแต่ไม่มีชื่อที่ด้านล่างนั้น
“ของสิ่งนี้ราคาขั้นต่ำเพียงสองร้อยตำลึงทอง พอจะซื้อสิ่งนี้ได้อยู่ แต่ลูกปัดแก้วผลึกนี้คงคว้ามาไม่ได้หรอกนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางมองเขาปราดหนึ่ง
“เจ้าคิดหาวิธีเสียสิ ข้าจะต้องได้ลูกปัดแก้วผลึกมาให้จงได้” หมัวซาพูด
“ลูกปัดแก้วผลึกนี้มีประโยชน์อันใดกัน ท่านจึงได้ชอบพอมันถึงเพียงนี้” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างใคร่รู้
“เดิมทีของสิ่งนี้ก็เป็นของข้าอยู่แล้ว” หมัวซาพูด “ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าใด ก็ต้องเอามันมาให้จงได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปากแล้วพูดว่า “พูดมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่นี่คือสมบัติชิ้นเอกของงานประมูลครั้งนี้เลยทีเดียว แล้วข้าจะไปสู้กับคนของตระกูลใหญ่พวกนั้นได้อย่างไรกัน!”
“คิดหาวิธีเสียสิ” พอพูดจบเขาก็แปลงกายเป็นควันสีดำหายกลับเข้าไปในสร้อยข้อมือม่านถัว
“ท่าน…เจ้าคนผู้นี้นี่!” ซือหม่าโยวเย่ว์กระทืบเท้าก่อนจะเดินไปข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงพลางเอ่ยว่า “จริงๆ เลย แล้วจะให้พวกเราคิดหาวิธีกันอย่างไรเล่า!”
หลังจากอาละวาดอยู่บนเตียงพักหนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์จึงไปเรียกโอวหยางเฟยและเป่ยกงถังเข้ามา
“มีอะไรหรือ” เป่ยกงถังถาม
“ข้ามีเรื่องอยากให้พวกเจ้าสองคนช่วยหน่อยน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางวิ่งออกไปเปิดกลอนประตู หลังจากนั้นจึงพาคนทั้งสองเข้ามาในเจดีย์วิญญาณ
“มีเรื่องอันใดหรือ ถึงได้เข้ามาที่นี่” โอวหยางเฟยมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วรู้สึกว่าเหตุใดเจ้าคนผู้นี้จึงดูผิดปกติอยู่บ้างเล่า
“ข้าถูกใจของอย่างหนึ่ง อยากจะประมูลมาให้ได้ แต่ต้องการเงิน ดังนั้นจึงอยากให้พวกเจ้าทั้งสองช่วยข้าหลอมยาวิเศษสักระยะหนึ่ง ให้ข้าเอาออกไปขายแลกเงิน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าถูกใจสิ่งใดหรือ”
“ลูกปัดแก้วผลึก”
“หา…”
“ลูกปัดแก้วผลึกราคาหมื่นห้าน่ะนะ!”
โอวหยางเฟยและเป่ยกงถังตกใจเพราะคำพูดนี้ของเธอไม่น้อย จึงเอ่ยว่า “ลูกปัดแก้วผลึกนั่นราคาหมื่นห้า ทั้งยังเป็นสิ่งล้ำค่าที่ทุกคนอยากได้ กลัวแต่ว่าหากมิใช่ราคาหลายแสน จะไม่ได้มันมาน่ะสิ”
“ถูกต้อง ดังนั้นข้าจึงบอกว่าข้าต้องคิดหาหนทางทำเงินอย่างไรเล่า!” หัวใจซือหม่าโยวเย่ว์หลั่งโลหิต ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
“ที่ข้านี่ยังพอมีเงินอยู่เล็กน้อย เจ้าเก็บรวบรวมเอาไว้ก่อนสิ” โอวหยางเฟยหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาแล้วส่งให้กับซือหม่าโยวเย่ว์
นี่คือบัตรแลกเงินที่ใช้กันทั่วไปในดินแดนอี้หลิน ในบัตรแต่ละใบจะมีตำลึงทองที่แน่นอนอยู่
“บัตรเขียวหรือ! นี่มันบัตรที่ต้องมีหนึ่งแสนตำลึงทองจึงจะใช้ได้นี่!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองโอวหยางเฟยอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นผู้ทรงอำนาจท้องถิ่นด้วย!
ไม่ใช่สิ ยิ่งกว่าผู้ทรงอำนาจท้องถิ่นเสียอีก
เป่ยกงถังมองบัตรเขียวแล้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมั่งมีถึงเพียงนี้!”
โอวหยางเฟยมิได้แสดงท่าทีต่อปฏิกิริยาของสหายทั้งสอง เขายัดบัตรใส่อุ้งมือซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “เอาไปใช้ก่อนเถิดน่า”
“แล้วถ้าเจ้าได้เจอของที่เจ้าอยากซื้อ จะทำเช่นไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
โอวหยางเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเห็นของพวกนั้นหมดแล้ว ไม่มีสิ่งที่ข้าอยากได้เลย”
“เช่นนั้นข้าขอใช้ก่อน แล้วค่อยคืนเจ้าทีหลังนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บบัตรลงไปพลางพูดขึ้น
“แต่ก็ยังไม่พออยู่ดีนั่นแหละ” เป่ยกงถังพูด “ข้าว่าขุมอำนาจมากมายต้องแย่งชิงสิ่งนี้กันอย่างแน่นอน กลัวว่าหนึ่งแสนคงจะไม่พอหรอก”
“ก็เลยต้องคิดหาหนทางทำเงินอีกอย่างไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ใช่แล้ว นำสิ่งของระดับขั้นต่ำที่ไม่ใช้เหล่านั้นไปขายให้หมดเลยดีกว่า หลังจากนั้นพวกเราค่อยนำยาวิเศษระดับขั้นต่ำออกไปขาย”
“มาดูกันก่อนว่าขายได้เท่าไหร่แล้วค่อยว่ากันอีกที”
สองวันให้หลัง พวกซือหม่าโยวเย่ว์ได้นำยาวิเศษและอาวุธวิญญาณกองโตออกไปขาย แต่ก็ขายได้เพียงแค่สองหมื่นตำลึงทองเท่านั้น
“เจ้านาย ท่านมียาวิเศษมากมายถึงเพียงนั้น ก็นำยาวิเศษไปประมูลด้วยเสียสิ!” เชียนอินเห็นซือหม่าโยวเย่ว์หมดอาลัยตายอยากเช่นนี้จึงเอ่ยเตือนว่า “มิใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้านำยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกไปประมูลแล้วหรือ คราวนี้จะนำยาวิเศษร้อยโคจรไปประมูลก็ได้นี่ จะต้องได้รับการตอบรับที่ดีกว่ายาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกเสียอีก”
ซือหม่าโยวเย่ว์แววตาเป็นประกายแล้วกอดเชียนอินแนบแน่นพลางเอ่ยว่า “เจ้าช่างฉลาดนัก เหตุใดข้าจึงมิได้นึกถึงยาวิเศษร้อยโคจรเลย! แต่ยาวิเศษร้อยโคจรในดินแดนโบราณนี่เป็นของหายากอย่างยิ่ง ที่ดินแดนอี้หลินจะต้องล้ำค่ายิ่งกว่าเป็นแน่ ตอนไปต้องปกปิดตัวตนเอาไว้เป็นการดีที่สุด มิฉะนั้นหากไปยั่วยุคนเหล่านั้นเข้าคงวุ่นวายแย่”
“เจ้านายให้พี่ใหญ่หมัวซาปลอมแปลงกลิ่นอายให้ก็ได้นี่ หลังจากนั้นสวมเสื้อคลุมสวมหน้ากากอะไรก็ได้ เพื่อบดบังรูปลักษณ์ของเจ้า” เชียนอินพูด
“ใช่แล้ว ขอบใจเจ้ามาก เชียนอิน” ซือหม่าโยวเย่ว์ปล่อยตัวเชียนอินก่อนจะเริ่มคุ้ยหายาวิเศษร้อยโคจร
เมื่อสองปีก่อนยาวิเศษร้อยโคจรนี้ยังเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเธออยู่เลย แต่ตอนนี้ตัวเธอหลอมมันได้แล้ว บวกกับภายในเจดีย์วิญญาณแห่งนี้มีผลอสรพิษทองคำที่หายากเป็นที่สุดอยู่ ดังนั้นสำหรับเธอแล้วยาวิเศษร้อยโคจรจึงมิใช่สิ่งที่ได้มายากแต่อย่างใด
บอกว่าจะทำก็ทำ ซือหม่าโยวเย่ว์เลือกยาวิเศษร้อยโคจรมาสี่เม็ด ที่เหลืออยู่คือเม็ดที่พวกซือหม่าโยวเล่อทิ้งเอาไว้ หลังจากทักทายพวกเป่ยกงถังเรียบร้อยแล้วจึงออกไปเพียงคนเดียว
พอมาถึงตรอกเล็กอันไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงหายตัวเข้าไป ตอนที่ออกมาอีกครั้ง เธอก็เปลี่ยนแปลงกลิ่นอายของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว
……………………………………..