สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 198 ตัวตนของจวินหลาน
เธอรับแหวนเก็บวัตถุมากำไว้ในมือโดยมิได้ดูว่าภายในคือสิ่งใดแล้วพูดว่า “เช่นนี้ก็ขอบคุณมาก ขอถามหน่อยว่ายังมีธุระอันใดอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้วล่ะเจ้าค่ะ” จวินหลานเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เสแสร้ง ไม่หยิ่งผยอง จึงมีความประทับใจในตัวเธอมากพอสมควร นางยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “คนอื่นๆ น่าจะกลับไปกันเกือบหมดแล้ว ข้าจะนำทางนายท่านไปยังค่ายกลนำส่งก็แล้วกันนะเจ้าคะ”
“ขอบคุณมาก”
“เชิญเจ้าค่ะ”
จวินหลานนำทางซือหม่าโยวเย่ว์ไปยังค่ายกลนำส่ง ส่งเธอจากไปด้วยตัวเอง เมื่อเห็นเธอหายไปจากด้านในค่ายกลนำส่งแล้วจึงถอนหายใจออกมา
“คุณหนู” ปรมาจารย์หลีและท่านอาจารย์ของเขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันที่ด้านหลังของนาง
ความจริงแล้วจวินหลานผู้นี้ก็คือคุณหนูแห่งโรงอัปลักษณ์นั่นเอง คิดไม่ถึงว่านางจะถึงกับมาจัดการงานประมูลในคืนนี้ด้วยตนเอง
“ท่านอาจารย์อาวุโส นายท่านผู้นั้นออกจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็คงจะไม่แค้นเคืองพวกเราหรอก” จวินหลานพูด “คราวหน้าอย่าได้ทำเรื่องอะไรโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อนเช่นนี้อีก คนเช่นนี้พอได้รู้ว่าตนถูกขุดหลุมพราง ย่อมไม่มีทางปล่อยผ่านแน่ ถ้าหากถูกเขาแค้นฝังใจก็คงเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตสำหรับพวกเราแน่ เข้าใจหรือไม่”
“คุณหนูสั่งสอนได้ถูกต้องขอรับ” ชายชรารับคำ
“เอาเถิด ถอยออกไปให้หมด” จวินหลานพูดพลางโบกไม้โบกมือ
“คุณหนู คราวนี้ท่านตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานเท่าใดหรือขอรับ” ผู้จัดการหลีถาม
จวินหลานคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยว่า “เดิมทีข้าก็มาเพียงเพื่องานประมูลคราวนี้อยู่แล้ว ในเมื่อเสร็จสิ้นแล้วข้าก็จะอยู่อีกสักสองวันค่อยไป”
“ขอรับ”
“ใช่แล้ว เปลี่ยนป้ายโรงอัปลักษณ์บนประตูนั่นให้ข้าด้วย” จวินหลานขมวดคิ้วพูด
“แต่ว่า… คุณหนูขอรับ นั่นเป็นสิ่งที่คุณชายให้คนไปติดเอาไว้ ทั้งยังบอกด้วยว่าห้ามเปลี่ยนเด็ดขาดขอรับ” ผู้จัดการหลีพูดอย่างลำบากใจ
“เจ้าเด็กชั่วนั่นตอนนี้ไปเล่นสนุกอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เปลี่ยนให้ข้าเสีย!” พอเอ่ยถึงน้องชายของตน จวินหลานก็จนใจอย่างยิ่ง จึงพูดพลางนวดหัวคิ้ว
“ขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะหาคนไปเปลี่ยนให้ขอรับ”
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกหูอื้อตาลายอยู่บ้าง พอลืมตาขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของเมืองแล้ว
เธอรับสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง รอบข้างไร้ซึ่งผู้คน จึงให้หมัวซาเก็บพลังของตัวเองกลับไปแล้วรีบถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว กลับมาเป็นตนเองเช่นยามปกติ
เดินผ่านถนนมาสองสาย เจ้าไก่ฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ
“เจ้าไก่ฟ้า เจ้าช่างรวดเร็วยิ่งนัก!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขาด้วยรอยยิ้ม
“เว่ยจือฉีบอกว่าพอเจ้าออกมาแล้วจะต้องหาทางกลับไม่เจออย่างแน่นอน จึงให้ข้ามารับเจ้า” เจ้าไก่ฟ้าร่อนลงข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาอยู่บนถนนเส้นใด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกน่า” พอพูดจบเขาก็จับเอวของซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้แล้วพาตัวเธอเหินขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนบินมุ่งหน้าไปยังทิศทางของกลุ่มทหารรับจ้าง
คนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เหาะเหินภายในเมือง แต่เมื่อมีกลิ่นอายของเจ้าไก่ฟ้าบดบัง ผู้คนเบื้องล่างจึงมิอาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกเขาได้เลย
เจ้าไก่ฟ้าพาเธอตรงไปยังที่พักชั่วคราวของพวกเขา ภายในเรือน พวกเป่ยกงถังกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นเธอกลับมาจึงค่อยวางใจลง
“โยวเย่ว์ เหตุใดเจ้ารอนานถึงเพียงนี้จึงค่อยกลับมาเล่า” เจ้าอ้วนชวีเห็นซือหม่าโยวเย่ว์มิได้มีความผิดปกติอันใดจึงเอ่ยขึ้น
“ข้ารออยู่ที่นั่นครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าออกไปอีกน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอมิได้บอกพวกเขาว่าหลังจากที่ตนออกมาจากค่ายกลนำส่งแล้วหาสถานที่ไม่เจอ จึงเดินหลงทิศหลงทางอยู่สองรอบ
“ในเมื่อกลับมาแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าก็พักผ่อนกันให้เร็วหน่อยดีกว่า ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะนะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูดจบแล้วเดินจากไป
“พวกเราก็ไปพักผ่อนกันเถิด” เป่ยกงถังตบศีรษะเสี่ยวถูเบาๆ แล้วพาเขาเข้านอน เหลือเพียงแค่พวกเว่ยจือฉีห้าคนอยู่ในลานบ้านเท่านั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”
พอมาถึงห้อง แต่ละคนต่างหาบริเวณของตัวเองแล้วนั่งลง ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาแล้วโยนไปทางเว่ยจือฉี
เว่ยจือฉีคว้าเอาไว้โดยสัญชาตญาณ หลังจากนั้นถึงได้เห็นชัดเจนว่าเป็นสิ่งใด สีหน้าของเขาจึงพรั่นพรึงขึ้นมาในทันที
“โยวเย่ว์ นี่…”
“มันก็คือทักษะวิญญาณธาตุน้ำแข็งระดับสีดำขั้นสูงที่ประมูลมาได้ในคืนนี้อย่างไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้ามิได้กำลังขาดแคลนทักษะวิญญาณธาตุน้ำแข็งอยู่พอดีหรอกหรือ ข้าก็เลยประมูลมาให้เจ้าอย่างไรเล่า”
“เจ้า…” เว่ยจือฉีมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วมองทักษะวิญญาณในมือ เขาตื่นเต้นจนเอ่ยวาจาไม่ออกเสียแล้ว
“เชื่อเจ้าเลย… โยวเย่ว์ นี่มันทักษะวิญญาณที่ประมูลมาในราคาหนึ่งล้านแปดแสนตำลึงทองเชียวนะ!”
เจ้าอ้วนชวีกลืนน้ำลายอย่างแรง เธอมอบมันให้เว่ยจือฉีง่ายๆ เช่นนี้น่ะหรือ!
เจ้าไก่ฟ้าที่ตามเข้ามาด้วยก็สะดุ้งคราหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะถึงกับมอบสิ่งของราคาสูงลิบให้กับผู้อื่นอย่างง่ายๆ เช่นนี้ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้รู้แนวคิดใดๆ เกี่ยวกับเงินทอง แต่ก็รู้ว่าหนึ่งล้านแปดแสนตำลึงทองนี้มิใช่จำนวนน้อยๆ เลย ทั้งยังรู้ด้วยว่าแต่เดิมเจ้านายตนนั้นก็มีเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ไม่กี่พันตำลึงทองเท่านั้น ทั้งยังวิตกกังวลเรื่องการรวบรวมเงินไปประมูลลูกปัดแก้วผลึกอยู่เลย ดังนั้นหนึ่งล้านแปดแสนสำหรับเธอย่อมเป็นเงินมากมายมหาศาลอยู่แล้ว
“โยวเย่ว์ ของสิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป ข้ารับเอาไว้ไม่ได้หรอกนะ” ถึงแม้ว่าเว่ยจือฉีจะเคยคิดว่าเป็นไปได้ที่ซือหม่าโยวเย่ว์จะประมูลของสิ่งนี้เพื่อตน แต่เมื่อเธอให้ตนเช่นนี้จริงๆ ก็ยังรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงความฝันอยู่ดี
“เอาละ หากไม่ให้ของสิ่งนี้แก่เจ้า ข้าเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์โบกมือ “และข้าก็มิใช่ทักษะวิญญาณธาตุน้ำแข็งเสียหน่อย”
“ในเมื่อโยวเย่ว์มอบให้เจ้า เจ้าก็รับมาเสียสิ” โอวหยางเฟยพูดอยู่ข้างๆ
“ถูกต้อง ทักษะวิญญาณพิเศษนี้ของเจ้า เดิมทีก็มีอยู่ไม่มากนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะพบเล่มที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ถ้าหากมิได้ซื้อมาก็ช่างเถิด แต่ถึงอย่างไรโยวเย่ว์ก็ซื้อมาให้เจ้าแล้ว เจ้าจะมัวชักช้าอยู่ไยเล่า” เจ้าอ้วนชวีพูดขึ้นเช่นกัน
“ก็ได้” เว่ยจือฉีรู้ว่าตอนนี้ตนปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์ จึงมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “โยวเย่ว์ ขอบใจเจ้ามากนะ”
“เจ้าเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ ข้าไม่ชินเอาเสียเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วพูดต่อ “ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็ได้มาจากเงินของผู้อื่น จะว่าไปแล้วนอกจากที่ประมูลไปก็ยังเหลือเงินอยู่อีกไม่น้อยเลย ตอนนี้พวกเราก็นับได้ว่าเป็นคนมั่งมีแล้วนะ”
“ใช่แล้ว นี่เป็นเงินที่ได้มาจากการประมูลขายยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกของเจ้า พวกเรานำกลับมาแทนเจ้าเรียบร้อยแล้ว” เว่ยจือฉีพูดพลางหยิบบัตรแก้วผลึกใบหนึ่งออกมา
ซือหม่าโยวเย่ว์รับบัตรแก้วผลึกมา แล้วหยิบใบที่โอวหยางเฟยเคยให้เอาไว้คืนให้แก่เขา “ไม่ได้ใช้เลย แต่ถึงอย่างไรก็ขอบใจเจ้ามากนะ”
โอวหยางเฟยมิได้พูดอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วรับบัตรแก้วผลึกมา
“น่าเสียดายนักที่ยาวิเศษร้อยโคจรเม็ดหนึ่งถูกนางมารฉินหว่านนั่นประมูลไปเสียได้” เจ้าอ้วนชวีคิดมาถึงตรงนี้ ในใจก็หดหู่อยู่บ้าง
“เจ้าคิดว่าฉินหว่านผู้นั้นจะได้กินยาวิเศษร้อยโคจรนั่นจริงๆ น่ะหรือ” เว่ยจือฉีถามยิ้มๆ
“หา ก็นางประมูลได้ไปแล้วมิใช่หรือ” เจ้าอ้วนชวีมองเขาอย่างสงสัย
“แต่ซีเย่ว์ซีประมูลไม่ได้นี่” โอวหยางเฟยพูด
พอพวกเขาพูดมาถึงตรงนี้ เจ้าอ้วนชวีก็เข้าใจได้ในทันที “เจ้าจะบอกว่าพอซีเย่ว์ซีประมูลยาวิเศษร้อยโคจรไม่ได้ ก็จะวิ่งไปหาฉินหว่านอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่แค่ฉินหว่านเท่านั้นหรอก ข้าคิดว่าอีกคนหนึ่งที่ประมูลได้ไปก็คงไม่มีวาสนาได้ครองมันเช่นกัน” เว่ยจือฉีพูด “ที่เจ้าบอกไปว่ากินสองเม็ดจะดีที่สุด ย่อมต้องทำให้ซีเย่ว์ซีเกิดความคิดขึ้นมาแน่ นางไม่กล้าแตะต้องสมาคมนักหลอมยา แต่กับอีกสองขุมอำนาจนั้นน่ะไม่แน่หรอก”
ในคืนนั้น
ฉินหว่านกลับไปยังกลุ่มทหารรับจ้างพร้อมกับบิดาของตน ในขณะที่กำลังคิดจะกินยาวิเศษลงไปอยู่นั้นเอง คนที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามารายงานว่าองค์หญิงเสด็จมา
ตอนที่ฉินหมิงได้ยินเสียงรายงาน สีหน้าก็เข้มขึ้น กำลังคิดจะให้ฉินหว่านกินยาวิเศษลงไปโดยเร็วที่สุดอยู่พอดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าซีเย่ว์ซีได้นำชายชราสองคนเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ณ ขุมอำนาจอีกแห่งหนึ่งที่ประมูลยาวิเศษร้อยโคจรไปได้ ก็มีชายชราสองคนนำคนกลุ่มหนึ่งไปเคาะประตูของพวกเขาด้วยเช่นกัน…
…………………………………………