สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 267 ความวุ่นวายในอาณาจักรทักษิณายาตร (3)
พวกเขามายังโรงน้ำชาแห่งหนึ่งไม่ไกลจากลานประหาร พอเข้าไปก็ได้ยินเสี่ยวเอ้อร์พูดว่า “ขอโทษพวกท่านด้วย วันนี้พวกเราไม่เปิดรับคนภายนอกแล้วขอรับ”
“ไม่เป็นไร พวกเรามิได้มาดื่มน้ำชาหรอก” ซือหม่าโยวหยางพูด
“เช่นนั้นทุกท่าน…”
“พวกเรามาหาคนน่ะ”
“มาหาคนหรือขอรับ ที่นี่ไม่มี…”
“พวกเรามาหาพวกคนข้างบนนั่น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบก็เอ่ยเสียงดังขึ้นว่า “ซือหม่าเค่อ เจ้ายังมัวมุดหัวหลบอยู่ทำไมกัน”
“ปัง…”
ประตูห้องส่วนตัวที่ชั้นบนถูกเปิดออก ซือหม่าเค่อเดินออกมาจากข้างใน เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ เขาจึงตะโกนลั่นว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้ายังกล้ามาเหยียบถึงที่นี่! วันนี้ข้าจะล้างแค้นแทนพี่ชายข้าเอง!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ย่นจมูกแล้วเอ่ยว่า “คนอย่างเจ้าน่ะหรือ แค่ฝันกลางวันก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้เลย!”
“เฮอะ สัตว์อสูรเหนือเทพของเจ้าไม่ได้ปรากฏตัวมานานมากแล้วนี่ วันนี้มาดูกันว่าเจ้าจะหนีออกไปได้อย่างไร!” ซือหม่าเค่อพูด
“ในสมองของเจ้าเต็มไปด้วยขี้เลื่อยหรืออย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขาอย่างดูแคลน ก่อนจะดึงเก้าอี้ข้างตัวมานั่งลงแล้วเอ่ยว่า “แค่พวกเจ้าไม่กี่คนก็คิดจะแตะต้องข้าอย่างนั้นหรือ ต่อให้เจ้าไก่ฟ้าไม่อยู่ พวกเจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี!”
“วาจาวางโตไร้ยางอายนัก!” หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมาหยุดอยู่ข้างกายซือหม่าเค่อแล้วเอ่ยว่า “เขาคือคนที่สังหารพี่ชายท่านอย่างนั้นหรือ”
“เขานั่นแหละ!” ซือหม่าเค่อมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างชิงชัง “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา แล้วพี่ชายข้าจะตายได้อย่างไร!”
“เฮอะ ในที่สุดก็พบตัวเสียที เช่นนั้นวันนี้ก็เอาชีวิตมาทิ้งเสียที่นี่เถิด!” หญิงผู้นั้นพูด
“ไอ้หยา ได้ยินว่าข้าสังหารซือหม่าอี้ เจ้าก็โมโหถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเป็นเมียลับๆ ของเขาอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะเย้ยหยัน
“เด็กสามหาว!” หญิงผู้นั้นตะคอก
ซือหม่าโยวเย่ว์ทำท่าเงี่ยหูแล้วเอ่ยว่า “อย่าตะโกนเสียงดังนักเลย มันส่งผลถึงภาพลักษณ์ของเจ้านะ เดิมทีก็ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์อยู่แล้ว ตอนนี้ยังพูดจาเสียงดังลั่นเช่นนี้อีก ถ้าหากข้าเป็นซือหม่าอี้ก็คงไม่มีทางชอบเจ้าหรอก!”
“เจ้าหุบปากเสีย!” หญิงผู้นั้นถูกจี้ใจดำจึงเดือดดาลไม่น้อย
“น้องสาม เจ้าจะไปสนใจเขาทำไม!” คนอีกหลายคนเดินออกมาจากในห้อง ซึ่งพวกเขาต่างมีพลังยุทธ์ระดับราชันวิญญาณทั้งสิ้น
“ก็แค่รุ่นเยาว์สิบกว่าคนเท่านั้น จะมามัวพูดกับพวกเขาอยู่ทำไมกัน ฆ่าไปเสียก็สิ้นเรื่อง!” ชายชราคนหนึ่งพูด
“จริงด้วย ภารกิจหนึ่งที่เราต้องทำในครั้งนี้คือสังหารคนของตระกูลซือหม่ามิใช่หรือ”
“ก็แค่เด็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องให้พวกเราลงมือพร้อมกันเลยนี่!”
“ซือหม่าเค่อ ในเมื่อเป็นตระกูลเดิมของเจ้า ก็ให้เจ้าจัดการพวกเขาแล้วกัน”
“ย่อมได้!”
ซือหม่าเค่อพยักหน้าแล้วเตรียมพร้อมโจมตีเข้าใส่ซือหม่าโยวเย่ว์
“พวกเจ้าถอยไป ข้าจะมาแก้แค้นให้ท่านปู่เอง!” ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มรวบรวมปราณวิญญาณบนฝ่ามือ ทั้งยังทำได้สำเร็จก่อนซือหม่าเค่อด้วย จึงเริ่มบุกเข้าใส่เขาก่อน
“ปัง…”
ซือหม่าเค่อยังเตรียมตัวไม่เสร็จก็ถูกบุกโจมตีแล้ว จึงกลิ้งตกลงมาจากชั้นบน
“ราชันวิญญาณขั้นสาม!” ผู้ที่อยู่ชั้นบนเห็นซือหม่าโยวเย่ว์จึงร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ราชันวิญญาณขั้นสามหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน! เขายังดูอายุไม่เท่าไหร่เอง แล้วจะเป็นราชันวิญญาณขั้นสามได้อย่างไรเล่า!”
ซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงข้างกายซือหม่าเค่อแล้วเหยียบลงบนอกเขาพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่เมื่อห้าปีก่อนที่เจ้าไปยังอาณาจักรตงเฉินก็เป็นบรรพวิญญาณขั้นสูงแล้ว ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ เจ้าเพิ่งจะถึงระดับราชันวิญญาณขั้นสอง ถ้าหากข้ามีคุณสมบัติเช่นเจ้าก็คงฆ่าตัวตายไปแล้วละ”
“เมื่อสองปีก่อนเจ้าเพิ่งจะเป็นบรรพวิญญาณขั้นสองเท่านั้นมิใช่หรือ เหตุใดจึงไปถึงระดับราชันวิญญาณได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เล่า!” ซือหม่าเค่อตะโกนพลางกระอักโลหิต
“แน่นอนว่าเป็นเพราะข้ามีพรสวรรค์ดีเยี่ยมน่ะสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพร้อมรอยยิ้ม “ตอนนั้นสายตระกูลของเจ้าใส่ร้ายท่านทวดของข้าจนพวกเขาต้องหนีออกมา ไม่ได้รับความยุติธรรมมานับร้อยปี เห็นแก่ที่ใช้แซ่ซือหม่าเหมือนกัน ข้าจะรวบรัดตัดตอนให้เจ้าเลยแล้วกัน!”
พอพูดจบเธอก็ออกแรงที่เท้า คิดจะเหยียบเขาให้ตาย
“หยุดนะ!” คนอีกคนหนึ่งที่อยู่ภายในห้องส่วนตัวตะโกนเสียงดัง แรงกดดันระดับจ้าววิญญาณแผ่ลงมาหมายจะขัดขวางการกระทำของเธอ
ทว่าสิ่งนี้กลับไร้ผลต่อเธอโดยสิ้นเชิง
“พลั่ก…”
“พรวด…”
ซือหม่าเค่อพ่นโลหิตออกมาจากปาก ศีรษะแหงนขึ้นด้านบน หลังจากนั้นก็ร่วงกลับลงไปแล้วสิ้นลมในที่สุด
“บังอาจยิ่งนัก ข้าให้เจ้าหยุดแล้วเจ้ายังจะฆ่าเขาอีก!” น่าหลานหงออกมาจากในห้องพลางจ้องมองเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์ชักเท้าของตนกลับมาด้วยท่าทีสงบ เธอเหลือบตามองน่าหลานหงปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จะบอกว่าเจ้าโง่หรือโง่ดีล่ะ เจ้ามิได้เป็นอะไรกับข้าเลย แล้วเหตุใดข้าจึงต้องฟังคำพูดเจ้าด้วยเล่า รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าต้องการปกป้องเขาแล้วข้าก็ต้องหยุดอย่างนั้นหรือ ถึงไม่มีสมองก็ไม่น่าจะเป็นอย่างเจ้าเลย!”
“ตอนนั้นปล่อยเจ้าเอาไว้ช่างเป็นเรื่องผิดพลาดยิ่งนัก!” น่าหลานหงพูด
เขามองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วนึกเสียใจไม่น้อย ระยะเวลาสองปีก็ยกระดับได้ถึงหนึ่งระดับขั้นใหญ่ พรสวรรค์เช่นนี้ช่างหาได้ยากยิ่งในโลกหล้า ถ้าหากอยู่ในตระกูลน่าหลานของตนก็ยังดี แต่ดันเป็นคนของตระกูลซือหม่า ทั้งยังเป็นคนที่มีความแค้นกับพวกเขาด้วย คนเช่นนี้จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้!
จ้าววิญญาณคนอื่นๆ ก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับเขา สายตาที่มองมาทางซือหม่าโยวเย่ว์ล้วนเต็มไปด้วยความอาฆาต
“ตอนนี้ซือหม่าเค่อมาอยู่กับตระกูลน่าหลานของพวกเราแล้ว ทว่าเจ้ากลับสังหารเขาต่อหน้าต่อตาข้า วันนี้พวกเจ้าจะมิได้กลับออกไปแม้แต่คนเดียว!” น่าหลานหงพูด
“โยวเย่ว์ ยังมัวเปลืองน้ำลายกับพวกเขาอยู่อีกทำไมเล่า จัดการพวกเขาเสียเลยก็สิ้นเรื่อง พวกเรายังต้องกลับไปช่วยโอวหยางกันอีกมิใช่หรือ” ซือหม่าโยวเล่อพูด
“รีบสู้รีบจบดีกว่า” ซือหม่าโยวหลินพูด
“เฮอะ แค่เด็กเมื่อวานซืนไม่กี่คนก็คิดจะปลิดชีพพวกเราอย่างนั้นหรือ”
“ใครบอกว่าพวกเราจะลงมือกันเล่า พวกเจ้าโง่งมหรือไร!” ซือหม่าโยวหยางพูดจบก็เรียกสัตว์อสูรเทพของตนออกมา
เมื่อเห็นเขาเรียกสัตว์อสูรเทพของตนออกมา คนอื่นๆ จึงเรียกสัตว์อสูรเทพของตนออกมาด้วยเช่นกัน ภายในโรงน้ำชาจึงเต็มไปด้วยสัตว์อสูรเทพในทันใด
“เฮอะ ตระกูลซือหม่าช่างมั่งคั่งเสียจริงนะ มีสัตว์อสูรเทพกันหมดเลย!” หญิงที่พูดในตอนแรกผู้นั้นเอ่ยขึ้น “แต่แค่พวกเจ้าก็คิดจะสู้กับพวกเราอย่างนั้นหรือ!”
ในขณะนี้เองเจ้าคำรามน้อยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นสองในทันใดแล้วเอ่ยว่า “เย่ว์เย่ว์ เสร็จเรียบร้อยแล้วละ!”
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เวียนหัวเหลือเกิน!”
“เจ้าเด็กบ้า ทำอะไรของเจ้าน่ะ”
“ตึง… ตึง…”
ราชันวิญญาณเหล่านั้นล้มลงทีละสองสามคน เจ้าคำรามน้อยจึงอาศัยจังหวะนี้วิ่งกลับมา
“เจ้าทำอะไรพวกเขาน่ะ” น่าหลานหงเห็นพวกเขาล้มลงไปกันหมดจึงอุทานอย่างตกใจ
“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ แค่ทดสอบดูว่ายาล่อหลอกนี้ของข้าจะทำให้พวกเขาหมดสติได้หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “การทดสอบเห็นผลว่ายาชนิดนี้ไม่มีผลต่อจ้าววิญญาณอย่างพวกเจ้าก็จริง แต่ได้ผลกับราชันวิญญาณดีเหลือเกิน!”
“ใช้ได้เลยทีเดียว ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่จ้าววิญญาณสิบคนเท่านั้น จัดการง่ายขึ้นเยอะเลย!” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างพอใจ
“เฮอะ ก็แค่สัตว์อสูรเทพสองสามตนเท่านั้น กล้าสามหาวถึงเพียงนี้เชียวหรือ!”
“ใครบอกว่าพวกเรามีแค่สองสามตนกันเล่า” ซือหม่าโยวหยางพูดพลางเรียกสัตว์อสูรเทพอีกตนหนึ่งออกมา
พลังการต่อสู้ของสัตว์อสูรเทพหนึ่งขั้น เท่ากับของปรมาจารย์วิญญาณสองขั้น สัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของพวกซือหม่าโยวหยางเป็นขั้นห้าขั้นหกกันแทบทั้งหมด พอๆ กันกับน่าหลานหงเลยทีเดียว
คนของตระกูลน่าหลานเห็นพวกเขาเรียกสัตว์อสูรเทพออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ในที่สุดจึงได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
“ย่ากวง เจ้าวิหคน้อย เชียนอิน พวกเจ้ามาเล่นกันหน่อยสิ ผึ้งแดง เจ้าก็อยากออกมาเล่นสนุกด้วยใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ออกมากันให้หมดเลยสิ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบ สัตว์อสูรเทพสี่ตนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเธอ ทำเอาคนตระกูลน่าหลานตื่นตระหนกตกใจ
………………………………………….