สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 29 เลือกไข่สัตว์อสูร
เวลาที่ซือหม่าโยวเย่ว์อารมณ์ไม่สู้ดีก็มักจะทำอาหารออกมามากมาย หลังจากนั้นก็กินอย่างมากมายมหาศาล ดังนั้นคืนนี้เธอจึงทำอาหารออกมาเต็มโต๊ะอีกแล้ว
ไม่ต้องตะโกนเรียก พอเจ้าอ้วนชวีได้กลิ่นหอมก็รีบวิ่งมาเสียแล้ว อีกไม่นานเท่าใดเว่ยจือฉีก็วิ่งเข้ามาอย่างรู้งานเช่นกัน
“ไปดูหน่อยสิว่าเป่ยกงถังกับโอวหยางเฟยอยู่กันหรือไม่ ถ้าอยู่ก็เชิญพวกเขามากินด้วยกันเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์ผัดกับข้าวไปพลาง ออกคำสั่งเจ้าอ้วนชวีไปพลาง
“ก็ได้” เจ้าอ้วนชวีขโมยกินกับข้าวคำหนึ่งแล้วออกไป
เดิมทีเว่ยจือฉีคิดว่าเป่ยกงถังและโอวหยางเฟยไม่อยู่ในห้อง หรือแม้จะอยู่ในห้องก็คงจะไม่ออกมาอยู่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าคนทั้งสองจะมาด้วยกันทั้งคู่
“เจ้าทั้งสองก็มาด้วย ช่างน่าประหลาดเสียจริง”
เป่ยกงถังปรายตาใส่เว่ยจือฉีปราดหนึ่งโดยมิได้เอ่ยวาจาอันใด หลังจากล้างมือแล้วก็มานั่งลงที่โต๊ะ
โอวหยางเฟยกลับมานั่งลงข้างเว่ยจือฉีแล้วพูดว่า “เจ้าอ้วนชวีบอกว่าอาหารที่นางทำอร่อยกว่าที่โรงอาหารเป็นไหนๆ”
ซือหม่าโยวเย่ว์จัดวางกับข้าวเข้าที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วลงบนโต๊ะ เจ้าคำรามน้อยกินเสร็จเรียบร้อยก็หายไปข้างนอกเสียแล้ว
“พวกเราล้วนเป็นคนร่วมเรือนเดียวกันทั้งนั้น มากินข้าวด้วยกันเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องดียิ่งนัก” เจ้าอ้วนชวีพูด
“เจ้าทำอาหารเป็นหรือไม่” เป่ยกงถังถามอย่างเย็นชา
“ไม่เป็นหรอก” เจ้าอ้วนชวีพูดก่อนจะยิ้มคราหนึ่ง “ตอนนี้พวกเรามีโยวเย่ว์แล้วนี่นา”
ซือหม่าโยวเย่ว์ค้อนใส่เจ้าอ้วนชวีทีหนึ่งแต่ก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“พรุ่งนี้ก็จะไปเลือกไข่สัตว์อสูรแล้ว” โอวหยางเฟยพูดขึ้นมาทันควัน
“เลือกไข่สัตว์อสูร มันคืออะไรกันหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจึงเอ่ยถามขึ้น
“ปรมาจารย์วิญญาณทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรวิเศษได้ เรื่องนี้เจ้าคงรู้อยู่แล้วกระมัง” เจ้าอ้วนชวีพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
“โดยทั่วไปแล้วสัตว์อสูรวิเศษที่ปรมาจารย์วิญญาณทำพันธสัญญาด้วยได้นั้นมีขีดจำกัดอยู่ พลังยุทธ์ยิ่งสูง จำนวนสัตว์อสูรวิเศษที่ทำพันธสัญญาด้วยได้นั้นก็ยิ่งมาก ผู้ฝึกวิญญาณอย่างพวกเรานี้ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรวิเศษได้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น แต่ว่าถ้าหากเป็นไข่สัตว์อสูรก็จะแตกต่างกันแล้ว” เว่ยจือฉีพูดอธิบาย “มีนักเรียนบางส่วนที่ฐานะทางบ้านมิสู้ดี ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสัตว์อสูรวิเศษมาก่อนเลย เช่นนั้นตอนเลือกไข่สัตว์อสูรก็จะเลือกสัตว์อสูรที่ตนจะทำพันธสัญญาด้วยเองได้ แต่ถ้าหากก่อนหน้านี้เคยมีสัตว์อสูรวิเศษอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นไข่สัตว์อสูรก็จะดูดซับพลังจิตได้ไม่มากมายสักเท่าใดนัก ดังนั้นจึงทำพันธสัญญาได้เช่นกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วพูดว่า “ก็คือสัตว์อสูรวิเศษที่ทางวิทยาลัยมอบให้กับนักเรียนกระมัง”
“จะพูดเช่นนี้ก็ได้อยู่หรอก แต่ว่าการเลือกไข่สัตว์อสูรนั้นก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างอยู่ด้วย” โอวหยางเฟยพูด
“รายละเอียดอันใดกันหรือ”
“ไข่สัตว์อสูรภายในนั้นมีทั้งระดับสูงระดับต่ำ ถึงแม้ว่าจะมีระดับสูงอยู่ค่อนข้างน้อย แต่ถ้าหากหาไข่สัตว์อสูรพรรค์นั้นได้แล้ว สัตว์อสูรวิเศษที่ออกมาในภายหลังนั้นก็จะยิ่งร้ายกาจมากขึ้น”
ซือหม่าโยวเย่ว์กัดตะเกียบแล้วพูดว่า “เพราะเหตุใดจึงเป็นไข่สัตว์อสูรทั้งหมดเลย แล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านั้นเล่า”
“สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็ถูกกักเอาไว้ภายในไข่เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าไข่เหล่านั้นเป็นภาพลวงทั้งสิ้น” เว่ยจือฉีพูด “ข้าได้ยินว่าสถานที่วางไข่สัตว์อสูรนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใด ในสายตาของเจ้าจะเห็นเป็นเพียงแค่ไข่ฟองหนึ่งเท่านั้นเอง นอกจากนี้ลักษณะภายนอกของไข่ที่มีอยู่ก็ยังเหมือนกันทั้งหมดด้วย รอจนถึงตอนที่เจ้าเลือกไข่สัตว์อสูรแล้ว ถ้าหากเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไข่ก็จะหายวับไปเลย”
“นั่นคงจะเป็นภาพลวงตาอะไรพวกนี้กระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เพราะเหตุใดกัน ทำให้สายตาเจ้าเห็นภาพลวงตา สัตว์อสูรวิเศษตรงหน้าล้วนแปลงเป็นไข่เหมือนกันทั้งหมด”
เป่ยกงถังได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง
“ไม่ว่าอย่างไร พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ควรค่าแก่การตั้งหน้าตั้งตารอวันหนึ่งเลยทีเดียว” เจ้าอ้วนชวีพูด
“พวกเจ้าก็น่าจะมีสัตว์อสูรที่ตัวเองทำพันธสัญญาด้วยกันหมดแล้วกระมัง แล้วจะมาคาดหวังรอคอยอะไรกันอีกเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“นั่นมันไม่เหมือนกันเสียหน่อย ได้ยินว่าในนั้นมีไข่สัตว์อสูรของสายโลหิตสัตว์อสูรเทพอยู่ด้วย ถ้าหากคว้าเอาสัตว์อสูรวิเศษเช่นนั้นมาได้ ต่อจากนี้ไปก็คงร้ายกาจไม่น้อยเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ!” เจ้าอ้วนชวีตอบกลับมาอย่างลำพองใจ
“เจ้าฝันกลางวันของเจ้าไปเถิด!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แต่ต่อให้เลือกสัตว์อสูรวิเศษที่มีสายโลหิตสัตว์อสูรเทพมาไม่ได้ ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่วิทยาลัยเลือกมาแล้ว ล้วนเป็นสัตว์อสูรที่หายากหรือไม่ก็ค่อนข้างร้ายกาจทั้งนั้นนั่นแหละ” เว่ยจือฉีพูด
“ใช่ไหมเล่า ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาคอยกันอยู่นี่ไง!”
วันต่อมา เป่ยกงถังและโอวหยางเฟยเข้าร่วมขบวนของกองทัพอาหารเช้าด้วย โชคดีที่ได้เจ้าวิญญาณน้อยตระเตรียมสิ่งของเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เธอทำก็ใช้ได้แล้ว
พอกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็ไปยังห้องเรียน
พอเข้าไปภายในห้องเรียน ซือหม่าโยวเย่ว์ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกต่างๆ นานาที่แฝงอยู่ มีทั้งความดูแคลน ความตื่นตะลึง ความประหลาดใจ ทั้งยังมีความโกรธแค้นอยู่ด้วย ดูท่าทางเรื่องที่เอาชนะเมิ่งถิงเมื่อวานนี้ก็คงจะก่อให้เกิดคลื่นลมขึ้นมาภายในชั้นเรียนไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าเมิ่งถิงเห็นเธอแล้วจะยังมีความโกรธแค้นอยู่บ้าง แต่ในเมื่อกล้าท้าพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ นางไม่ได้คิดจะหาเรื่องซือหม่าโยวเย่ว์อีกต่อไปแล้ว ได้แต่ใช้สายตาทิ่มแทงเธอเสียหลายแผล
ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังมาถึงที่นั่งแถวหลังสุดของห้องเรียนโดยไม่แยแสสนใจคนเหล่านั้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าเป่ยกงถังนั้นเย็นชาดุจน้ำแข็ง ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์นั้นคร้านที่จะใส่ใจ
ไม่นานนักเฟิงจือสิงก็เข้ามาภายในห้องเรียน เมื่อเห็นว่าคนใกล้ครบแล้วจึงเอ่ยว่า “พวกเจ้าคงรู้กันแล้วว่าวันนี้พวกเราจะทำอะไรกัน แต่ก่อนไปข้าจะบอกสิ่งที่ต้องจำใส่ใจเอาไว้ก่อน”
สถานที่เลือกไข่สัตว์อสูรอยู่ที่ภูเขาด้านหลังของวิทยาลัย ที่นั่นมีประตูอยู่สี่บาน ประตูสามบานในนั้นเป็นประตูที่พวกเจ้าเข้าไปได้ หลังจากพวกเจ้าเข้าไปแล้วอาจมีภาพลวงตาปรากฏขึ้น อาจมีไข่สัตว์อสูรปรากฏขึ้นมามากมาย ไข่สัตว์อสูรล้วนมีลักษณะภายนอกเหมือนกันหมด ดังนั้นพวกเจ้าจงเดินไปตามความรู้สึกของตน แล้วไปเลือกไข่ฟองที่เจ้าอยากได้ที่สุดมา เมื่อใดที่เลือกจนพอใจแล้ว พวกเจ้าจงออกมาจากที่นั่นเสีย เอาละ ตอนนี้พวกเจ้าไปเลือกไข่สัตว์อสูรกับข้าได้แล้ว”
คนในห้องเรียนพากันลุกขึ้นยืน ตอนที่เหอชิวจือเดินผ่านข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์นั้นก็ถลึงตาใส่เธอแรงๆ ครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเห็นเธอหันหน้ามาก็รีบเก็บสายตาของตนแล้วเดินไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฟิงจือสิงพาพวกเขาไปยังภูเขาด้านหลังของวิทยาลัย ตอนที่พวกเขาไปถึง นักเรียนห้องอื่นๆ คอยอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว อาจารย์หลายท่านกำลังสนทนากันอยู่
ซือหม่าโยวเย่ว์ค้นพบว่าสายตายามที่อาจารย์ทั้งหลายมองไปทางเฟิงจือสิงนั้นแฝงเอาไว้ด้วยความเคารพ
“คนใกล้ครบแล้วกระมัง” เฟิงจือสิงเดินเข้าไปถาม
“ใช่ คนอื่นๆ มากันครบหมดแล้ว ชั้นเรียนของพวกเจ้ามาเป็นห้องสุดท้ายแล้ว” อาจารย์ท่านหนึ่งพูดขึ้น
“เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปกันเถิด” เฟิงจือสิงพูดอย่างไม่สนใจการเหน็บแนมในน้ำเสียงของอาจารย์ท่านนั้น
ปรมาจารย์วิญญาณที่วิทยาลัยเลือกมาในครั้งนี้ไม่มากนัก เพียงแค่พันกว่าคนเท่านั้น นอกจากชั้นเรียนพิเศษของนักหลอมยาและนักฝึกสัตว์อสูรแล้ว นักเรียนชั้นเรียนธรรมดาๆ อย่างพวกเขาก็มีอยู่ราวๆ เก้าร้อยคน เพราะว่าภายในถ้ำค่อนข้างเล็ก จุคนได้เพียงแค่สามสี่ร้อยคนเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งนักเรียนให้ทยอยเข้าไปเป็นสามกลุ่ม
หลังจากที่นักเรียนได้ฟังแล้ววิพากษ์วิจารณ์กันว่าไม่ยุติธรรม ถ้าหากผู้ที่เข้าไปก่อนเลือกสัตว์อสูรวิเศษระดับสูงไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เหลืออะไรให้ผู้ที่เข้าไปทีหลังแล้ว
“ทุกคนใจเย็นๆ กันก่อน” อาจารย์ท่านหนึ่งยกมือขึ้นปรามให้ทุกคนสงบลงแล้วพูดว่า “ไข่สัตว์อสูรที่อยู่ในนั้นเป็นแบบสุ่ม ดังนั้นจะเข้าไปก่อนหลังก็มิได้มีโอกาสแตกต่างกันเลย ทุกคนอย่าเพิ่งคิดว่ามันไม่ยุติธรรมสิ เอาล่ะ กลุ่มแรก…”
พวกเขาแบ่งนักเรียนออกเป็นสามกลุ่มโดยอ้างอิงจากลำดับก่อนหลังในการมาถึงที่นี่ พวกเฟิงจือสิงมาช้าที่สุด จึงต้องเข้าไปเป็นกลุ่มสุดท้าย
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงภูเขาด้านหลังก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่งคล้ายกับว่ามีบางสิ่งกำลังร้องเรียกเธออยู่ ร้องเรียกเสียงแล้วเสียงเล่าปะทะหัวใจเธอ เสียงนั้นคล้ายกับกำลังพูดว่า “เข้ามาสิ เข้ามา…”
เธอมองไปทั่วทั้งสี่ทิศ แต่ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด นอกจากนี้เมื่อฟังดูอย่างละเอียด ก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกต่อไปแล้ว
“แปลกจริง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดขึ้นด้วยความรู้สึปแปลกๆ ในใจ ทว่าก็ถึงกลุ่มของพวกเธอพอดี เธอจึงวางความสงสัยลงแล้วเข้าไปภายในถ้ำภูเขาพร้อมกับทุกคน
………………