สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 291 สุดยอดมารร้าย
อะไรนะ!
มารเฒ่าและอูหลิงอวี่ต่างมองเธออย่างตกใจ เธอถึงขนาดมีวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งอยู่จริงๆ นี่มันเรื่องอันใดกันแน่
ซือหม่าโยวเย่ว์มองมารเฒ่าแล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านสร้างข่ายมนตร์ที่ทำให้มองไม่เห็นพวกเราก่อนดีกว่า”
มารเฒ่าคาดเดาได้ว่าเธอจะทำอะไร จึงโบกมือคราหนึ่ง ทัศนียภาพตรงหน้าซือหม่าโยวเย่ว์ก็แปรเปลี่ยนไปในทันที คล้ายกับว่าตนอยู่ในห้วงมิติสีขาวราวน้ำนมแห่งหนึ่ง แม้กระทั่งผู้คนและทิวทัศน์ภายนอกก็มิอาจมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้างนอกมองพวกเราไม่เห็นแล้ว” มารเฒ่าพูด “เจ้าให้เขาออกมาได้แล้วล่ะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วลูบสร้อยข้อมือม่านถัวพลางเอ่ยว่า “ท่านยังไม่ออกมาอีกหรือ”
มารเฒ่าเห็นเธอพูดกับสร้อยข้อมือ หัวใจก็เกร็งกระตุก เขาลอบพึมพำว่าคงมิได้เป็นเช่นที่ตนคิดหรอกกระมัง!
หมอกดำพรั่งพรูออกมาจากสร้อยข้อมือ ทำให้หัวใจของมารเฒ่าและอูหลิงอวี่สั่นสะท้าน ก่อนจะเอ่ยว่า “หมอกดำ,เผ่าพันธุ์ทมิฬ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่ก็รู้ว่าพวกเขาตกใจกันเสียแล้ว
เงาร่างของหมัวซาก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนเห็นเป็นอาภรณ์สีแดงเพลิง เส้นผมสีแดงเพลิง นัยน์ตาสีแดงมองอูหลิงอวี่
เมื่ออูหลิงอวี่เห็นหมัวซา ความรู้สึกที่มาจากวิญญาณทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน เขาจ้องมองหมัวซาตรงๆ
มารเฒ่าเห็นปฏิกิริยาของเขาก็รู้ว่าต้องไม่ผิดแน่นอน จึงเอ่ยพึมพำว่า “เป็นเผ่าพันธุ์ทมิฬจริงๆ เสียด้วย”
ขณะนี้กลับกลายเป็นว่าซือหม่าโยวเย่ว์ถูกพวกเขาสามคนละเลยไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกเขาในเวลานี้
“พวกเราเป็นคนคนเดียวกันจริงๆ หรือ” อูหลิงอวี่มองหมัวซา เขารู้สึกว่าความรู้สึกเช่นนี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย
แต่ไม่ว่าใครที่ได้เห็นวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของตัวเอง ก็ต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติอยู่แล้วสิ
“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าอีกครึ่งหนึ่งของเจ้าน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น” มารเฒ่าพูดพลางหันไปมองหมัวซาแล้วเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “ดวงวิญญาณที่ถึงขนาดดำรงอยู่ตามลำพังได้ วิญญาณก่อนตายของเจ้าคงต้องกล้าแกร่งเป็นอย่างยิ่งเลยสินะ!”
“เขาเป็นตัวประหลาด” ซือหม่าโยวเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ พูด “ถ้ามิใช่หลายหมื่นปี ก็ต้องเป็นหลายแสนปีแล้วละ”
มารเฒ่ามองหมัวซาแล้วรู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งคุ้นเคย จึงเอ่ยว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่ารูปลักษณ์นี้ของเจ้าช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“หมัวซา”
“หมัวซา… เป็นชื่อที่ดีทีเดียว!” มารเฒ่าพยักหน้าพูด ทันใดนั้นก็เบิกตาโพลงมองหมัวซาแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าชื่อหมัวซาอย่างนั้นหรือ!”
หมัวซาพยักหน้า เหตุใดเขาจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้เล่า
“วะฮะฮ่าๆ คงมิใช่กระมัง!” มารเฒ่าหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมาในทันใดแล้วเอ่ยว่า “เจ้าคือสุดยอดมารร้ายในตอนนั้นหรอกหรือ! คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าข้าจะได้เห็นเจ้ากับตาตัวเอง!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตะลึงไป หมัวซาก็คือสุดยอดมารร้ายที่มารเฒ่าพูดถึงอย่างนั้นหรือ ที่แท้แล้วเจ้าคนผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
“ท่านอาจารย์ ที่แท้สุดยอดมารร้ายเป็นใครกันหรือ”เธอถาม
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ” มารเฒ่ามองซือหม่าโยวเย่ว์ เธอมิได้อยู่กับเขาหรือไร
“เขามิได้บอกข้านี่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ฮ่าๆ เรื่องนี้ข้าค่อยบอกเจ้าทีหลังแล้วกัน” มารเฒ่าพูด หลังจากนั้นจึงมองคนทั้งสองที่ยังคงประสานสายตากันอยู่แล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อหาดวงวิญญาณพบแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องใช้ยาวิเศษตรีปราณแล้วก็ได้”
“ไม่ได้หรอก” หมัวซาพูด
“ทำไมเล่า” มารเฒ่าและอูหลิงอวี่ไม่เข้าใจ เขาไม่อยากรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับตนอย่างนั้นหรือ
“เจ้าบอกพวกเขาสิ” หมัวซาพูดจบก็กลับเข้าไปในสร้อยข้อมือม่านถัว
“ตอนนี้วิญญาณของท่านอ่อนแอเกินไป มิอาจทำการผสานรวมได้” ซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่าอุปนิสัยของหมัวซาไม่ชอบการอธิบาย จึงพูดว่า “นอกจากนี้เขายังมิอาจไปจากข้าได้ในตอนนี้ด้วย”
“ไปจากเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ” อูหลิงอวี่หรี่ตา วาจาประโยคนี้ทำให้เขาไม่เป็นสุขเอาเสียเลย!
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพูดว่า “หมัวซากับข้าได้ทำพันธสัญญาระหว่างกันเอาไว้ บอกว่าตอนนี้ข้ามีพลังยุทธ์ไม่เพียงพอ ถ้าหากฝืนถอนออกไป หากข้าไม่ตายก็ต้องพิการ ส่วนเขาก็จะมิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ท่านเองก็ยังต้องการเวลาในการฟื้นฟูพลังวิญญาณของท่านด้วย”
“เจ้าทำพันธสัญญากับเขาเอาไว้อย่างนั้นหรือ” มารเฒ่ามองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างประหลาดใจ นั่นคือพญามารเมื่อหลายหมื่นปีก่อนเชียวนะ แต่กลับทำพันธสัญญากับเด็กน้อยอย่างเธอนี่น่ะหรือ
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบจมูกแล้วเอ่ยว่า “ทำไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีน่ะสิ”
หลังจากนั้นเธอจึงเล่าให้ฟังว่าทำพันธสัญญากับหมัวซาได้อย่างไร มารเฒ่าได้ฟังแล้วจึงทอดถอนใจ
“มิน่าเล่าตอนนั้นข้าไปยังเทือกเขาผู่สั่ว แต่กลับหาเขาไม่พบ” อูหลิงอวี่พูด “คลาดกับเขามาตั้งหลายปี แต่ก็ได้รู้จักกับเจ้าในตอนนั้นด้วย”
“เฮอะ ข้าไม่ได้พบเจอกับท่านยังดีเสียกว่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์แค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆ!” อูหลิงอวี่เห็นท่าทีเช่นนี้ของเธอแล้วอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง
“ที่แท้พวกเจ้าก็รู้จักกันเช่นนี้นี่เอง” มารเฒ่าพูด “ไม่ใช่สิ คราวก่อนตอนเจ้ากลับมา มิได้บอกว่าถูกเด็กสาวคนหนึ่งช่วยเอาไว้หรอกหรือ”
“ตาเฒ่า เหตุใดท่านจึงกลายเป็นคนโง่งมไปเสียแล้วเล่า ท่านไม่เห็นหรือว่านางสวมแหวนมนตร์ของอาจารย์อาเล็กเอาไว้บนนิ้วน่ะ” อูหลิงอวี่ดูแคลน เขายังคิดว่ามารเฒ่าค้นพบสิ่งนี้ตั้งนานแล้วเสียอีก
มารเฒ่าดึงมือซือหม่าโยวเย่ว์มาดู ก็เห็นแหวนมนตร์วงหนึ่งจริงๆ
“น้องเล็กเป็นผู้หลอมสิ่งนี้หรือ เขายังมีอารมณ์หลอมแหวนมนตร์นี่ด้วยหรือ” เขาเอ่ยพึมพำ
“หลอมขึ้นมาตอนแพ้พนันท่านในตอนนั้นน่ะสิ” อูหลิงอวี่พูด “เขามอบให้ท่าน ท่านมองแค่ปราดเดียวก็โยนให้ข้าเสียอย่างนั้น”
“ข้าก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมันเลย” มารเฒ่าพูด “โยวเย่ว์ หากพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเจ้าเป็นเด็กผู้หญิงน่ะสิ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเขา คงมิใช่ว่าไม่อยากรับตนเป็นศิษย์แล้วเพียงเพราะตนเป็นหญิงหรอกกระมัง
“ท่านอาจารย์ ท่านคงมิได้นึกเสียใจหรอกกระมัง” เธอถามอย่างระมัดระวัง
“นึกเสียใจอะไรกัน” มารเฒ่าพูด “ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้าอยู่บ้าง แต่รับเจ้ามาแล้วก็รับเลยสิ ไม่ว่าอย่างไรต่อจากนี้ไปเจ้าก็คือผู้สืบทอดของข้าอยู่ดี! ยายเฒ่าผู้นั้นรับเด็กหญิงผู้มีพรสวรรค์มาแล้วก็เอาแต่โอ้อวดต่อหน้าข้าทั้งวัน พอเจ้าขึ้นไปข้างบนแล้วจะต้องเบิกเนตรยายเฒ่าผู้นั้นอย่างแน่นอน เข้าใจหรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มยิงฟันแล้วเอ่ยว่า “เข้าใจแล้ว ท่านอาจารย์!”
“ว่าไปแล้ว เขาบอกว่าจะหล่อเลี้ยงวิญญาณของเจ้าเด็กบ้า แต่ข้าพยายามคิดหาทุกวิถีทางมาตลอดหลายปีนี้ วิญญาณของเขาก็ยังคงอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ดูท่าทางคงต้องคิดหาวิธีอื่นจึงจะใช้ได้” มารเฒ่าพูดอย่างกังวลใจอยู่บ้าง
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ หัวใจของเขาก็รู้สึกจมดิ่ง
“ท่านอาจารย์ ท่านอย่ากังวลใจไปเลยนะ ตอนข้ารู้จักหมัวซา เขาอ่อนแอกว่านี้มากมายนัก! แต่ก็ถูกข้าเลี้ยงดูเสียจนขาวอวบเลยทีเดียว! ยกเรื่องการหล่อเลี้ยงวิญญาณของศิษย์พี่ให้ข้าจัดการเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางตบหน้าอก
“เจ้ามีวิธีหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“วิธีอะไรหรือ”
“ข้าย่อมมีวิธีการของข้าเองอยู่แล้ว!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างหวงวิชา
มารเฒ่าตบศีรษะเธอ พลางเอ่ยว่า “อยู่ต่อหน้าพวกเรายังต้องมาหวงอะไรกัน อยากให้อาจารย์สนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบศีรษะที่ถูกตีจนเจ็บพลางเบ้ปากแล้วเอ่ยว่า “เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
อูหลิงอวี่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ตาเฒ่าอุปนิสัยใจร้อน ต่อจากนี้เจ้าคงรู้แล้วละนะ”
“เฮอะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่เขา เหตุใดรอยยิ้มของเขาจึงดูเหมือนคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเลยเล่า
“รีบบอกมาเร็วเข้าสิ วิธีอะไร!” มารเฒ่าเงื้อมืออีกครั้ง
ซือหม่าโยวเย่ว์กุมศีรษะพลางกระโดดถอยหลังแล้วเอ่ยว่า “อย่าตีนะ ข้าบอกก็ได้”
เธอหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาส่งมอบให้มารเฒ่าแล้วเอ่ยว่า “ให้เขาใช้สิ่งนี้ก็พอแล้ว”
“นี่คือสิ่งใดหรือ” มารเฒ่าเปิดขวดหยกออกดมก็รู้สึกว่าวิญญาณของตนสั่นไหวอยู่บ้าง
อูหลิงอวี่ก็ลองดมดูด้วย วิญญาณอันอ่อนแอดูเหมือนจะฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อยในทันที