สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 311 การกลับมาของเจ้าไก่ฟ้า
น่าหลานหลานคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะถามคำถามนี้ออกมาตรงๆ จึงเผยสีหน้าตกตะลึง แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เขากับข้ามิได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากรู้สถานการณ์ของเขา ก็กลับไปดูที่อาณาจักรตงเฉินสิ”
“ช่างเถิด ข้ากลัวว่ากลับไปแล้วจะถูกเขาตีตายน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่ “จะว่าไปแล้วเจ้าควรขอบคุณข้านะ ถ้าหากมิใช่เพราะข้าค้นพบโดยบังเอิญแล้วปลุกเจ้าให้ตื่นได้ทันเวลา ตอนนี้เจ้าก็น่าจะยังถูกเขาขังอยู่ในหุบเขานั่นแหละ”
“ใช่ ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ถ้าหากมิใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงไม่มีทางทำใจออกจากสถานที่แห่งนั้นมาจนมาถึงที่นี่ได้ และได้พบพานเรื่องราวมากมายเช่นนี้” น่าหลานหลานพูด “มาถึงที่นี่แล้วข้าจึงค้นพบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มิอาจนับเป็นสาระได้เลย ชีวิตของข้าเพิ่งเริ่มต้นตอนนี้ ดังนั้นข้าจะต้องขอบคุณเจ้าเป็นอย่างดีแน่”
“พูดได้ดีนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มเพียงแค่เปลือกนอก
“ได้ยินว่าตอนนี้เจ้าล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่งแล้ว เดิมทียังคิดจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันจากเจ้าสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่เข้าร่วมการประลอง ช่างน่าเศร้าเสียจริง” น่าหลานหลานพูดแล้วยังแสดงสีหน้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
“บางครั้งความเสียใจก็เป็นเรื่องงดงามเรื่องหนึ่ง เพราะหากถึงเวลาที่เจ้าค้นพบความจริงขึ้นมา เกรงว่าอยากจะร้องไห้ก็คงร้องไม่ออกแล้วละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“มีความเป็นไปได้” น่าหลานหลานพูด “ข้ายังมีธุระต้องไปทำ ไม่ว่างรำลึกความหลังกับเจ้าแล้ว”
พอพูดจบนางก็เดินเฉียดผ่านซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปในจัตุรัส
เมื่อเป่ยกงถังที่ติดตามอยู่ด้านหลังซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองแล้ว นางรอจนน่าหลานหลานจากไปก่อนค่อยเอ่ยขึ้น “เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าน่าหลานหลานทำให้คนรู้สึกแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเป่ยกงถังปราดหนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าก็ค้นพบเช่นกันหรือ นางดูน่าเลื่อมใสมากใช่ไหมล่ะ”
“ถูกต้อง ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกันกับคนของตำหนักผู้วิเศษเหล่านั้นเลยทีเดียว อ้อ พอๆ กันกับศิษย์พี่ของเจ้าเลยละ” เป่ยกงถังพูด
ทั้งสองคนเดินไปพลาง พูดถึงความรู้สึกของตัวเองไปพลาง
“เจ้าอย่าพูดถึงศิษย์พี่ข้าเลย คนผู้นั้นเป็นคนน่าเลื่อมใสจอมปลอม” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่น่าหลานหลานดูคล้ายคลึงกับตอนที่เขาแสร้งทำอยู่บ้างจริงๆ เสียดายเพียงแค่นางยังมีชั้นเชิงไม่มากพอเท่านั้น ถึงแม้ว่าร่างกายจะแผ่กลิ่นอายเช่นนี้ออกมา แต่นางกลับมิได้ซ่อนเร้นแววตาของตัวเองเลย”
“คนทั่วไปมิได้มีสายตาแหลมคมเหมือนเจ้านี่” เป่ยกงถังพูด
“มีความเป็นไปได้ เจ้าว่าคนเหล่านั้นจะไม่รู้สึกว่านางสูงส่งจนมิอาจเอื้อมถึงได้หรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์หันไปมองแวบหนึ่ง น่าหลานหลานถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมล้อมอยู่ ยามนางแย้มยิ้มให้พวกเขา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างทำให้คนแทบอยากจะเข้าไปสักการบูชาอย่างห้ามไม่อยู่
เป่ยกงถังย่อมเห็นเช่นเดียวกันอยู่แล้ว จึงเอ่ยว่า “หรือว่ากลิ่นอายที่เปลี่ยนแปลงไปบนร่างกายของนางจะสัมพันธ์กับกายของนางด้วย?”
“มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “กายดอกบัว อาจจะมีกายภาพเช่นเดียวกันกับดอกบัวกระมัง แต่ใครจะไปรู้เล่า! ไปกันเถิด เจ้าพวกนั้นยังดูความครึกครื้นกันอยู่ข้างใน พวกเรากลับกันก่อนดีกว่านะ”
“ได้”
“เป่ยกง เจ้าเคยได้ยินเรื่องดินแดนอื่นบ้างหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไปคิดมาก่อนจะเอ่ยถาม
“ดินแดนอื่นอย่างนั้นหรือ เจ้าหมายถึงอาณาจักรเมฆาวายุ อาณาจักรไร้มลทิน เหล่านั้นใช่หรือไม่” เป่ยกงถังถาม
“เจ้ารู้นี่นา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ ถึงอย่างไรเป่ยกงถังก็เป็นคนที่ลงมาจากเบื้องบน การที่นางรู้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
“ข้ารู้จักเพียงแค่สองแห่งนี้เท่านั้นแหละ” เป่ยกงถังพูด “แต่ข้าก็เคยได้ยินว่ามีดินแดนอยู่ตั้งมากมาย”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้เลือกดินแดนอี้หลินเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์สงสัยอยู่บ้าง ถ้าหากบอกว่าไปยังดินแดนแห่งอื่น ก็ย่อมดีกว่าที่นี่อยู่แล้วสิ
เป่ยกงถังส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ยว่า “ตอนนั้นพวกเราถูกล้อมโจมตี ฮ่วนเหนียงพยายามอย่างสุดความสามารถจึงเปิดทางเดินได้ อยากจะไปไหนก็ต้องคิดให้ทางเดินไปที่นั่น แต่โชคดีที่มาที่นี่ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงไม่มีข้าในตอนนี้แล้วล่ะ”
“หืม”
“เพราะสิ่งกีดขวางห้วงมิติของที่นี่ใหญ่ที่สุด การจะมาที่ดินแดนแห่งนี้ได้นั้นต้องสูญเสียอะไรไปมากกว่า เพราะคนเหล่านั้นพลังยุทธ์ไม่เพียงพอจึงไม่กล้าเสี่ยงเช่นเดียวกันกับฮ่วนเหนียง ดังนั้นพวกเราจึงหนีรอดมาได้” เป่ยกงถังพูด
“อาการบาดเจ็บของฮ่วนเหนียงก็ได้มาจากตอนนั้นใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่แล้ว” เป่ยกงถังพูด “เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงนึกอยากถามเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเล่า”
“คราวก่อนข้าได้ยินท่านอาจารย์บอก ถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วดินแดนระดับต่ำมิได้มีแค่พวกเราเพียงแห่งเดียวเท่านั้น จึงประหลาดใจอยู่บ้างน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอคิดไปคิดมาแล้วก็ยังมิได้พูดเรื่องโลกย่อส่วนออกมา รอให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยบอกกับพวกเขา ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้พวกเขาดีใจเก้อก็ได้
ถึงแม้ว่าเป่ยกงถังจะเป็นคนของโลกเบื้องบน แต่ตอนจากมาก็ยังอายุไม่มากนัก บวกกับที่นางได้สัมผัสโลกภายนอกเพียงน้อยนิดเท่านั้น ก็ย่อมไม่รู้เรื่องโลกย่อส่วนอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อได้ยินซือหม่าโยวเย่ว์พูดเช่นนี้ ก็ได้แต่ทำเหมือนว่านางเพิ่งจะรู้เรื่องสถานที่เหล่านี้ ถึงได้ประหลาดใจนัก
ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนน เห็นว่าทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่มีท่าทางตื่นเต้นดีใจ จึงพากันส่ายหน้า
“งานประลองนี้มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาเลย แล้วจะตื่นเต้นถึงเพียงนี้ไปทำไมกัน” เป่ยกงถังไม่เข้าใจ
“มีบางคนที่ชอบดูเรื่องครึกครื้นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยก็ตาม แต่ก็ชอบที่จะมีส่วนร่วมด้วยน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ไม่ว่าจะเป็นภพที่แล้วหรือว่าชาตินี้ก็มีคนที่ชอบดูเรื่องครึกครื้นอยู่เช่นเดียวกัน เธอมักจะดูอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาเย็นชาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวทั้งสิ้น
ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง จึงเงยหน้ามองไปทางด้านซ้าย เงาร่างคนร่างหนึ่งยืนอยู่บนหลังคา เมื่อเห็นเธอ เขาก็ลงมาจากข้างบนนั้น
“ข้ากลับมาแล้ว” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อเจ้าไก่ฟ้ามองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงเอ่ยประโยคนี้ออกมาโดยสัญชาตญาณ
ไม่รู้ว่าเขาเริ่มเห็นเธอเป็นดังบ้านตั้งแต่เมื่อใดกัน
ซือหม่าโยวเย่ว์ทุบลงบนไหล่ของเขาหมัดหนึ่งพลางเบ้ปากแล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าวิ่งแจ้นไปที่ไหนมาตั้งนานถึงเพียงนี้ถึงเพิ่งจะกลับ แล้วสายรุ้งเล่า”
เจ้าไก่ฟ้ามองดูดวงหน้าเล็กอันโกรธขึ้งของซือหม่าโยวเย่ว์ แต่สิ่งที่คิดขึ้นมาในห้วงสมองกลับเป็นใบหน้าซีดเผือดของเธอยามอยู่ในอ้อมแขนตน
หลังจากทำพันธสัญญาแล้วเขาถึงได้รู้ว่าเธอเป็นสตรี เมื่อเห็นว่าเธอได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือตน ความใกล้ชิดที่มิอาจอธิบายเป็นคำพูดได้บางอย่างก็เอ่อท้นในใจ
เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าส่งนางกลับตระกูลไปแล้วล่ะ”
“อยู่ที่โลกเบื้องบนใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ชักมือของตนกลับมา
“ใช่” เจ้าไก่ฟ้าพูด
“เจ้าส่งนางกลับไปทำไมกัน อยู่ที่นี่ดีที่สุดแล้วมิใช่หรือ นั่นภรรยาเจ้าทั้งคนเลยนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“การกลับไปจะดีกับนางมากกว่า” เจ้าไก่ฟ้าอธิบาย “ตอนนี้พลังจากสายโลหิตของนางกำลังฟื้นตัว พอกลับไปถึงตระกูลแล้วก็จะได้สิ่งต่างๆ มามากยิ่งขึ้น ทำให้พลังจากสายโลหิตของนางพัฒนาได้อย่างแข็งแกร่งที่สุดด้วย”
“สายรุ้งก็อยู่ดีมาตลอดเลยมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ จึงต้องฟื้นพลังสายโลหิตด้วยเล่า”
เจ้าไก่ฟ้าสะดุ้งแล้วเอ่ยว่า “เป็นเรื่องในหมู่สัตว์อสูรวิเศษอย่างพวกเรา พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก”
“อ้อ” ซือหม่าโยวเย่ว์คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ จึงมิได้ถามอะไรต่ออีกแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
ถึงแม้ว่าเจ้าไก่ฟ้าจะเดินไปพร้อมกันกับพวกเธอ แต่หัวใจกลับล่องลอยไปยังวันที่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้รับบาดเจ็บ
วันนั้นเพลิงชาดออกมาแล้วเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ได้รับบาดเจ็บ แล้วก็รู้ว่าเหตุใดเธอจึงได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าจะแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นออกมาแต่ก็มิได้พูดอะไร
หลังจากที่ตรวจสอบอาการของซือหม่าโยวเย่ว์จนแน่ใจแล้ว ครั้งเห็นสายรุ้งที่อยู่บนเตียงจึงบินเข้าไปแล้วเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “นี่เป็นต้นกล้าชั้นดีเลยทีเดียว”
พอพูดจบ ภายในไข่ก็แผ่รัศมีสีแดงชาดออกมาวงแล้ววงเล่า และห่อหุ้มตัวสายรุ้งเอาไว้
เจ้าไก่ฟ้าค้นพบว่ามีโลหิตสองหยดกลั่นตัวออกมาจากด้านในเปลือกไข่แล้วหยดลงบนร่างของสายรุ้ง ทันใดนั้นบนร่างกายของสายรุ้งก็แผ่รัศมีระยิบระยับจับตา