สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 312 เหตุผลที่แท้จริง
เมื่อรัศมีนั้นเข้าไปสู่ร่างกายของสายรุ้งจนหมด เพลิงชาดจึงค่อยเก็บรัศมีของเขากลับมา
“เจ้าพานางกลับตระกูลไปจะดีที่สุด ที่นั่นค่อยดีกับนางหน่อย”
พอพูดจบเพลิงชาดก็กลับเข้าไปในมิติพันธสัญญาอีกครั้ง
เจ้าไก่ฟ้ามองสายรุ้ง ตอนนี้นางเข้าสู่การนิพพานไปเรียบร้อยแล้ว รัศมีสีแดงจางๆ ห่อหุ้มนางเอาไว้
มารเฒ่าคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะยังมีสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาที่ล้ำเลิศเช่นนี้อยู่ด้วย เมื่อเห็นมันเปิดพลังสายโลหิตของสายรุ้งได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้แล้วก็ค่อนข้างประหลาดใจกับตัวตนของมัน
“ท่านอาจารย์” เจ้าไก่ฟ้าพูดกับอาจารย์ของซือหม่าโยวเย่ว์ “ข้าจะขึ้นไปที่เบื้องบนสักหน่อย คงต้องรบกวนท่านให้ช่วยดูแลโยวเย่ว์สักระยะหนึ่งแล้ว”
“ไปเถิดๆ ต่อให้เจ้าเด็กนี่ฟื้นขึ้นมา ก็ต้องอยากให้เจ้าส่งเจ้าตัวน้อยนี่กลับไปอยู่ดี เพียงแต่ตระกูลวิหคเพลิงมิอาจพบได้โดยง่าย แล้วเจ้าจะหาพบหรือ”
“ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน” เจ้าไก่ฟ้าพูด “ข้าเคยไปตอนยังเด็กน่ะ”
“ยากนักที่จะเข้ากันกับสมาชิกตระกูลนั้นได้ เจ้าอยู่ที่นั่นก็ต้องระวังตัวหน่อยล่ะ” มารเฒ่าพูด
ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะไม่สนใจความเป็นความตายของเจ้าไก่ฟ้า แต่ตอนนี้เขาเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของลูกศิษย์ตนแล้ว ความเป็นความตายของเขาจึงเกี่ยวพันถึงลูกศิษย์ตนด้วย เขาจึงต้องกำชับให้มากหน่อย
“ข้าเข้าใจ” เจ้าไก่ฟ้าพูดแล้วเปิดทางเดินห้วงมิติสายหนึ่งขึ้นมา หลังจากนั้นจึงอุ้มสายรุ้งจากไป
อันที่จริงแล้วสัตว์อสูรเหนือเทพเช่นเขามิอาจเปิดทางเดินห้วงมิติได้ แต่เพราะเป็นสัตว์อสูรวิเศษสายห้วงมิติ จึงรับสัมผัสห้วงมิติได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งตั้งแต่กำเนิด มีความได้เปรียบเฉพาะตัว
เจ้าไก่ฟ้าเดินไปกับพวกซือหม่าโยวเย่ว์พลางนึกถึงอันตรายและอุปสรรคบนเส้นทางไปยังตระกูลวิหคเพลิงตอนที่ตนจากไป เขาพบว่าหลังจากได้เห็นซือหม่าโยวเย่ว์แล้วสิ่งเหล่านี้ก็เลือนรางไปหมด คล้ายกับว่าอาการบาดเจ็บเหล่านั้นไม่เคยมีอยู่มาก่อนเลย
“เจ้าเป็นอะไรไปหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสความเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายเจ้าไก่ฟ้าได้ จึงชะลอฝีเท้าลงแล้วเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่กังวลว่าสายรุ้งจะเป็นเช่นไรบ้างเท่านั้นเอง” เจ้าไก่ฟ้าหาข้ออ้าง
“หึๆ ตัดใจจากภรรยาเจ้าไม่ลงอย่างนั้นสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าพลางยิ้มตาหยี “เป็นเช่นไรบ้าง คิดถึงนางแล้วใช่หรือไม่ นี่เพิ่งจะแยกจากกันได้ไม่นานเอง ก็เริ่มคิดถึงเสียแล้วหรือ”
“…”
เป่ยกงถังและเจ้าไก่ฟ้าต่างมองเธออย่างจนคำพูด
“ใช่แล้ว เจ้ามิได้พบตัวสายรุ้งในโลกใบนี้หรอกหรือ นางมาที่ดินแดนแห่งนี้ได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เพราะความวุ่นวายภายในตระกูลวิหคเพลิง สองสายแก่งแย่งชิงดีกัน ตอนนั้นบิดาของสายรุ้งเป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่า เพื่อรับรองความปลอดภัยของสายรุ้ง เขาจึงมอบหมายให้ข้าดูแลนางน่ะ” เจ้าไก่ฟ้าตอบ
“แล้วในตอนนี้สถานการณ์ข้างบนนั้นเป็นเช่นไรบ้าง สายรุ้งอยู่บนนั้นจะไม่เป็นอันตรายหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างเป็นกังวล
“ไม่หรอก ในท้ายที่สุดแล้วฝ่ายที่ชนะก็ยังคงเป็นฝั่งของสหายข้า ผู้ครองอำนาจก็คือบรรพบุรุษสายตรงของสายรุ้งนั่นเอง ตอนนี้พอนางกลับไปจะต้องได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีแน่นอน” เจ้าไก่ฟ้าพูด
“เช่นนี้ก็ดี” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าไก่ฟ้า พอพวกเราขึ้นไปแล้วก็ไปเยี่ยมนางกันนะ”
“ได้สิ”
เมื่อกลับถึงจวนซือหม่า เป่ยกงถังก็กลับไปยังห้องของตน หลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์และเจ้าไก่ฟ้ากลับไปยังห้องของตัวเองแล้วก็ปิดประตู ก่อนจะพาเขาเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ
“โลกสร้างเองอย่างนั้นหรือ” เจ้าไก่ฟ้ามองดูสภาพแวดล้อมที่หมุนเปลี่ยนอย่างกะทันหันแล้วจึงเอ่ยอย่างประหลาดใจ
เจ้านาย” พวกย่ากวงวิ่งออกมาแล้วคลอเคลียอยู่บนร่างกายเธอ
“เสี่ยวถูเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบศีรษะพวกมันพลางเอ่ยถาม
“กำลังฝึกยุทธ์อยู่น่ะสิ! เจ้านายอยากจะไปพบเขาหรือไม่” ย่ากวงถาม
“ไม่ต้องหรอก ในเมื่อเขากำลังฝึกยุทธ์อยู่ก็อย่าไปรบกวนเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้ากับเจ้าไก่ฟ้ายังมีบางอย่างที่อยากคุยกันอีก พวกเจ้าไปวิ่งเล่นกันเองก่อนนะ”
ไม่เลว ตอนนี้สัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเธอไปเล่นกันหมดแล้ว ก่อนหน้าที่จะทำพันธสัญญากับเธอ พวกมันก็ได้แต่ฝึกยุทธ์ไปวันๆ ตอนนี้ได้ติดตามเธอ ทุกครั้งที่เธอเลื่อนระดับ พวกมันก็จะได้เลื่อนระดับ,ไปด้วย ดังนั้นตอนนี้ทุกตัวจึงไม่ฝึกยุทธ์กันอีกต่อไป เปลี่ยนเป็นเล่นสนุกกันแทน
“ที่นี่คือที่ไหนหรือ” เจ้าไก่ฟ้าถาม
“ห้วงมิติของข้าเอง ภายในเจดีย์วิญญาณน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ยามปกติพวกเจ้าคำรามน้อยล้วนฝึกยุทธ์กันอยู่ที่นี่ ต่อจากนี้ไปเจ้าก็มาอยู่ที่นี่ด้วยได้นะ”
“สภาพแวดล้อมที่นี่ใช้ได้เลยนะ” เจ้าไก่ฟ้าพูด
“ข้าจะพาเจ้าไปเดินชมรอบๆ เอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พาเขาไปยังคลังยา หอหนังสือสะสม และโกดังเก็บของ
หลังจากไปดูจนทั่วรอบหนึ่งแล้ว ทั้งสองก็นั่งลงที่ยอดเขา เบื้องล่างเป็นแปลงสมุนไพรไกลสุดลูกหูลูกตา
“เจ้าไก่ฟ้า วันนั้นเจ้าพบสิ่งใดที่เบื้องล่างของเทือกเขาหมื่นอสูรหรือ เหตุใดจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เจ้าไก่ฟ้าพูด “ข้าเพียงแค่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยขุมหนึ่งเท่านั้น ก็เลยเข้าไปดู คิดไม่ถึงว่าด้านล่างจะมีสิ่งกีดขวางอยู่มากมาย ข้าบุกฝ่าอยู่หลายวัน สิ้นเปลืองเวลาไปไม่น้อย มีบางทีที่วันหนึ่งอาจจะเข้าใกล้ได้เพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงยังเดินหน้าต่อไปอีกเล่า เจ้าไม่รู้หรือว่ามันอันตรายน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
เจ้าไก่ฟ้ามองเธอแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เพราะยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลาง กลิ่นอายนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง และยิ่งคุ้นเคยมากขึ้นด้วย”
“กลิ่นอายใดกันที่ทำให้เจ้ามุมานะได้ถึงขนาดที่ยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายเพราะอยากรู้ว่าคือสิ่งใด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่เห็นด้วย
เจ้าไก่ฟ้ายิ้มขมขื่นพลางเอ่ยว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะใคร่รู้ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นไม่รักชีวิต เพียงแต่ในเวลาต่อมา สถานการณ์นั้นอยู่เหนือการควบคุมของข้าเสียแล้ว หากล่าถอยไปก็มีแต่ตายเท่านั้น”
ซือหม่าโยวเย่ว์พรั่นพรึงไป ที่แท้แล้วนั่นคือสถานที่อันตรายอะไรกันแน่
“กลิ่นอายนั้นคือสิ่งใด เพราะเหตุใดเจ้าจึงรู้สึกคุ้นเคยได้ เป็นคนในเผ่าพันธุ์เจ้าอย่างนั้นหรือ” เธอถาม
“ไม่ใช่หรอก” เจ้าไก่ฟ้ามองซือหม่าโยวเย่ว์พลางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “มิใช่กลิ่นอายของเจ้านายข้าเสียหน่อย เหตุผลที่ข้าคุ้นเคยก็คือข้ารู้สึกว่าสิ่งนั้นออกจะคล้ายคลึงกับเจ้าอยู่บ้าง”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ปั่นป่วนในใจ มีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับเธออยู่บ้างอย่างนั้นหรือ
“ข้ารู้สึกได้ว่าบางครั้งบนร่างกายเจ้าจะแผ่กลิ่นอายที่แตกต่างจากปกติออกมา แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เดิมทีข้าคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกสะกดเอาไว้เบื้องล่างนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเจ้า ดังนั้นจึงคิดจะไปดูสักหน่อยน่ะ” เจ้าไก่ฟ้าพูด “น่าเสียดายที่ข้าไม่พบอะไรสักอย่างเดียว”
ซือหม่าโยวเย่ว์อ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าที่เจ้าไก่ฟ้ายอมเสี่ยงในครั้งนี้ ที่แท้แล้วเป็นเพราะตัวเธอเอง
“ขอบใจเจ้ามากนะ เจ้าไก่ฟ้า”
“ข้าก็มิได้พบเสียหน่อยว่าที่แท้คือสิ่งใดกันแน่ เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบอกขอบใจข้าหรอกน่า” เจ้าไก่ฟ้าพูด “ค่อยว่ากันเถิด ตอนข้าได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเจ้านี่แหละที่ช่วยข้าเอาไว้”
ซือหม่าโยวเย่ว์เงียบงันไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าไก่ฟ้า ตอนนั้นไอพลังชีวิตของเจ้าแทบจะหมดสิ้นไปอยู่แล้ว พวกเราไม่มีวิธีการอื่น จึงได้นึกถึงวิธีการทำพันธสัญญามาใช้รักษาเจ้า ถ้าหากเจ้าไม่ยอม รอให้พลังยุทธ์ของข้าสูงสักหน่อย จนเริ่มการทำพันธสัญญาได้เองแล้วข้าจะคืนอิสรภาพให้กับเจ้านะ”
“ปล่อยมันไปเช่นนี้แหละ ข้าเชื่อว่าในเมื่อทำพันธสัญญากันเอาไว้ ข้าอยากจะทำอะไรเจ้าก็มิอาจต้านทานได้ เจ้าไม่ต้องใช้การทำพันธสัญญามาผูกมัดข้าหรอก ข้ายังคงเชื่อในจุดนี้อยู่” เจ้าไก่ฟ้าพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตาปริบๆ เขาพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเต็มใจเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของตนใช่หรือไม่
เจ้าไก่ฟ้าถูกเธอมองเสียจนรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่เดิมทีเขาสับสนว่าจะยอมเป็นสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเธอหรือไม่อยู่ตั้งนาน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องนั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วกัน
ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใจความหมายของเขาจึงยิ้มตาหยี
“เจ้าบอกว่ากลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตนั่นคล้ายคลึงกับข้าอยู่พอสมควร อยากรู้จริงๆ เลยว่าสิ่งที่ถูกสะกดอยู่เบื้องล่างนั้นคือสิ่งใด” เธอพูดพลางลูบคาง