สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 319 มิอาจปล่อยคนผู้นี้เอาไว้ได้
บรรดาผู้อาวุโสตระกูลน่าหลานต่างมองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์ ตระกูลซือหม่ากลายเป็นเช่นในตอนนี้เพราะเธอจริงๆ หรือ
“ไม่ว่าเขาจะใช่ผู้ที่ฝึกสัตว์อสูรเทพเหล่านี้หรือไม่ พวกเราก็มิอาจปล่อยคนผู้นี้เอาไว้ได้แล้ว” ประมุขตระกูลน่าหลานเอ่ยเสียงเข้ม
“ใช่แล้ว จากสิ่งที่หลานเอ๋อร์พูด พรสวรรค์ของเขาล้ำเลิศเกินไป ถ้าหากปล่อยเอาไว้ก็ไม่รู้ว่าตระกูลซือหม่าจะก้าวหน้าไปได้ขนาดไหน พวกเราต้องหยุดเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูด
“แต่ข้างกายเขามีสัตว์อสูรเหนือเทพตนหนึ่งคอยติดตามอยู่ เกรงว่าการจัดการกับเขาจะมิใช่เรื่องง่ายน่ะสิ” ผู้อาวุโสสี่กล่าว
“นั่นคือสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเขาหรือ” ประมุขตระกูลถาม
“ไม่ใช่ขอรับ พวกเขามิได้ทำพันธสัญญากัน ได้ยินว่าเพียงแค่รับปากจะคุ้มครองเขาเท่านั้นเอง” ผู้อาวุโสสี่ตอบ
“ไม่มีเวลาที่สัตว์อสูรเหนือเทพตนนั้นจะผละจากเขาบ้างเลยหรือ” มีคนถามขึ้น
“ปกติแล้วน้อยนักที่จะผละจากเขา” ผู้อาวุโสสี่พูด “ความจริงแล้วลงมือตอนนี้จะดีที่สุด เพราะสัตว์อสูรเหนือเทพนั่นแยกตัวไปตั้งแต่ตอนอยู่ที่เขาภาพมังกรแล้ว มิได้เข้ามาในเมืองวิเศษด้วย”
“แต่ที่เมืองวิเศษ ไม่อนุญาตให้คร่าชีวิตคนนี่”
“ก็มิใช่ว่าจะไม่มีวิธีนี่” ผู้อาวุโสใหญ่ที่เอ่ยปากพูดน้อยที่สุดในตระกูลน่าหลานเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสใหญ่?” คนตระกูลน่าหลานต่างพากันมองเขา
“เขาภาพมังกร กับดักสัตว์” ผู้อาวุโสใหญ่เพิ่งพูดไปไม่กี่คำ แต่กลับแฝงแววอาฆาตอันไร้ที่สิ้นสุด
ประมุขตระกูลน่าหลานเอ่ยด้วยสองตาเปล่งประกายว่า “ใช่แล้ว บางทีพวกเราอาจไม่จำเป็นต้องลงมือเองก็ได้ หลานเอ๋อร์ หลี่มู่ผู้นั้นมิได้กำลังไล่ตามเจ้าอยู่หรอกหรือ เรื่องนี้ยกให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน”
น่าหลานหลานย่อมเข้าใจความหมายของประมุขตระกูลดี จึงเอ่ยว่า “หลานเอ๋อร์เข้าใจแล้ว”
เพราะหลี่มู่มีพรสวรรค์เหนือผู้ใด จึงได้รับอนุญาตเป็นพิเศษให้เข้ามาที่เมืองวิเศษได้ตั้งแต่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี เขาเข้าใจสถานการณ์ภายในเมืองแห่งนี้ค่อนข้างดี บวกกับความขัดแย้งระหว่างเขากับซือหม่าโยวเย่ว์ การล่อให้เขาทำร้ายซือหม่าโยวเย่ว์นั้นแทบจะไม่ต้องเสียเวลาเลยสักวินาทีเดียว!
การประลองสี่สิบคู่ ผ่านไปแล้วสามสิบคู่ในวันแรก ยังเหลืออีกสิบคู่สำหรับวันที่สอง
คนตระกูลหลี่พ่ายแพ้มากที่สุดในการประลองวันนี้ โดยเฉพาะพวกที่ได้พบกับคนตระกูลซือหม่า ต่างถูกทุบตีจนกลายเป็นหัวหมู ทำให้พวกเขาเดือดดาลไม่น้อยเลย
ตระกูลซือหม่าจงใจทุบตีใบหน้าพวกเขานี่นา!
กลางดึก หลี่มู่ได้รับข่าวว่าให้เขากลับไปยังสมาคมนักหลอมยา ถึงแม้ว่าจะสงสัยอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังออกมาจากตระกูลหลี่แล้วรีบตรงไปยังสมาคมนักหลอมยา
“ฮือๆๆ…”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ หลี่มู่จึงให้คนหยุดรถ
“นี่มัน… เสียงหลานเอ๋อร์นี่นา!” หลี่มู่ฟังออกว่านั่นคือเสียงร้องไห้ของน่าหลานหลาน จึงรีบลงมาจากรถเทียมสัตว์อสูร ก็พบว่าบริเวณที่หยุดรถนั้นก็คือด้านนอกลานบ้านของตระกูลน่าหลานนั่นเอง
“คุณหนู ท่านเศร้าใจหรือเจ้าคะ” เสียงสาวใช้ของน่าหลานหลานดังลอยมาจากภายในกำแพงลานบ้าน
“ข้าจะไม่เศร้าใจได้หรือ ข้าเกือบจะถูกเขาหมิ่นเกียรติอยู่แล้ว ถ้าหากผู้อื่นรู้เข้า ข้าก็คงได้แต่เชือดคอตัวเองแล้วล่ะ!” น่าหลานหลานพูดพลางสะอึกสะอื้น
หลี่มู่ที่อยู่นอกกำแพงร้อนรนขึ้นมาในทันใด เขาเหินทะยานเข้าไปในทันทีโดยมิได้สนใจว่าเป็นบริเวณบ้านของตระกูลน่าหลาน ปรากฏว่าพอเข้าไปก็เห็นน่าหลานหลานกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ในศาลาพักร้อนกลางลานบ้าน
“หลานเอ๋อร์” เขาเห็นน่าหลานหลานร้องห่มร้องไห้ก็เจ็บปวดหัวใจขึ้นมาในทันใด
จู่ๆ ได้ยินเสียงบุรุษ น่าหลานหลานจึงร้องเสียงดังอย่างตกใจ
“ว้าย…”
สาวใช้รีบเข้ามาตรงหน้าน่าหลานหลานพลางตะโกนว่า “ช่างกำเริบเสิบสานนัก กล้าบุกรุกตระกูลน่าหลานในยามราตรี!”
“หลานเอ๋อร์ เจ้าอย่ากลัวไปเลย ข้าเอง” หลี่มู่รีบเดินเข้าไปให้พวกนางเห็นตนได้อย่างชัดเจน
“พี่หลี่หรือ” น่าหลานหลานมองหลี่มู่อย่างสงสัยอยู่บ้าง “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
หลี่มู่เห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของน่าหลานหลานแล้วก็เดินเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้นางพลางถามอย่างเจ็บปวดใจว่า “หลานเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้หนักถึงเพียงนี้เล่า ใครรังแกให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจหรือ”
เดิมทีผู้ที่เขาชอบคือเหยียนลู่ แต่เขาเข้าใจชัดเจนตั้งแต่ตอนอยู่ที่เขาภาพมังกรแล้วว่าเหยียนลู่ไม่มีทางชอบพอตนกลับอย่างแน่นอน หลังจากที่เขาได้พบกับน่าหลานหลานแล้วเขาจึงค้นพบว่าก่อนหน้านี้มิใช่ความชอบพอ เป็นเพียงแค่ความอยากครอบครองเท่านั้น แต่เมื่อได้พบกับน่าหลานหลานแล้ว ตนก็ตกหลุมรักอย่างมิอาจถอนตัวได้
เดิมทีน่าหลานหลานก็มีรูปโฉมงดงามอย่างยิ่งอยู่แล้ว บวกกับที่กายภาพได้รับการกระตุ้นในตอนนี้ จึงแผ่กลิ่นอายสูงส่งไร้มลทินออกมา ทำให้หลี่มู่หลงใหลจนหน้ามืดตามัวได้อย่างง่ายดาย บวกกับแววตาอันเศร้าสร้อยราวกับดอกหลีที่ต้องสายฝนในยามนี้ ทำเอาหลี่มู่แทบหลอมละลาย จนแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะดึงนางเข้ามาปลอบประโลมในอ้อมกอดตน
น่าหลานหลานถูกเขาถามเช่นนี้ น้ำตาก็ร่วงลงมาอีก นางหันหน้าหนีแล้วเอ่ยว่า “ท่านอย่าถามเลยดีกว่า”
“จะได้อย่างไรกันเล่า เจ้าร้องไห้หนักขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าก็จะไม่ปล่อยมันไปแน่! หลานเอ๋อร์ เจ้าบอกมาสิ ข้าจะไปล้างแค้นให้เจ้าเอง” หลี่มู่เอ่ยอย่างแค้นเคือง
“ข้า… ข้าไม่กล้าพูดหรอก” น่าหลานหลานเอ่ย “พี่หลี่ ข้ารู้ว่าท่านดีกับหลานเอ๋อร์ยิ่งนัก แต่ท่านอย่าถามอีกเลยนะ ไม่อย่างนั้นหลานเอ๋อร์คงได้แต่ปลิดชีพตัวเองด้วยความละอายแน่”
หลี่มู่ได้ฟังวาจาของนางแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเห็นนางหันไปอีกทาง รอยสีแดงที่คอปรากฏให้เห็นรำไร เขาจึงดึงเสื้อผ้าของนางลงเล็กน้อย รอยริมฝีปากก็ปรากฏชัดสู่สายตา
“นี่เจ้า…” เขาเบิกตาโพลงอย่างตกใจมองดูรอยริมฝีปากนั้น อีกทั้งยังมองท่าทางเศร้าใจของนาง พลางพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “เจ้า… เจ้าถูกคนลวนลามอย่างนั้นหรือ”
น่าหลานหลานไม่พูดจา เพียงแค่ร้องห่มร้องไห้เท่านั้น
สาวใช้ข้างกายพูดขึ้นแทน “คุณชายหลี่ มิได้เป็นดังที่ท่านคิดนะเจ้าคะ คุณหนูบ้านข้ายังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ แต่ว่า… แต่ว่า… ถ้าหากมิใช่เพราะข้าเข้าไปทัน เกรงว่าคุณหนูของข้าคงจะ… คงจะถูกเจ้าคนชั่วช้านั่นบ่อนทำลายเสียแล้ว!”
หลี่มู่ได้ยินเช่นนี้แล้วจึงค่อยคลายใจลง จากนั้นเพลิงโทสะก็พุ่งสูงเสียดฟ้า สองมือคว้าไหล่น่าหลานหลานพลางเอ่ยว่า “เป็นใครกัน ใครมันกล้ามาล่วงเกินเจ้า”
“ท่านอย่าถามอีกเลยนะ พี่หลี่ ต่อให้ทำไปเพื่อข้า แต่ท่านไม่รู้จะดีกว่า ถ้าหากคนผู้นั้นพูดเรื่องนี้ออกไป ข้าก็คงไม่มีหน้าไปพบผู้คนอีกแล้ว!” น่าหลานหลานร้องไห้พลางอ้อนวอน
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าจะทำให้มันมิอาจพูดออกมาได้อีกเลย!” หลี่มู่พูด “หลานเอ๋อร์ เจ้ารีบบอกมาสิว่าเป็นใคร ข้าจะไปแก้แค้นแทนเจ้าเอง ข้าจะสับร่างมันเป็นหมื่นชิ้นเลย!”
“สับร่างเป็นหมื่นชิ้นอะไรกัน ท่านอย่าเอ่ยวาจาเช่นนั้นอีกเลยนะ ถึงแม้ว่าเมืองวิเศษจะไม่อนุญาตให้ฆ่าคน แต่ถ้าใครมาได้ยินเข้าก็จะไม่ดีกับตัวท่านเองนะ” น่าหลานหลานแสดงท่าทีเหมือนคิดเพื่อประโยชน์ของเขาเท่านั้น
“ข้ารู้น่า” หลี่มู่พูด “แต่ข้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่ง พอจะทำให้คนไปแล้วไม่มีวันกลับได้ ไม่ต้องให้พวกเราลงมือเองก็จัดการเขาได้อยู่ดี!”
หลี่มู่พูดแล้วสติเลื่อนลอยเหมือนกับจมลงไปในความทรงจำบางอย่าง
น่าหลานหลานประสานสายตากับสาวใช้แวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จริงๆ เสียด้วย!
“มีสถานที่พรรค์นี้อยู่ด้วยหรือ” น่าหลานหลานแสดงท่าทีประหลาดใจได้อย่างสมจริง
“อื้ม” หลี่มู่พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “เจ้าน่าจะรู้เรื่องกฎของเมืองวิเศษที่ห้ามคนอายุไม่ถึงยี่สิบปีที่มาจากภายนอกเข้าเมืองกระมัง”
“รู้สิ” น่าหลานหลานพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ยังถามผู้อื่นอยู่เลย เพียงแต่ไม่เคยได้รับคำตอบเท่านั้นเอง”
“เพราะถ้าหากมาที่นี่ก่อนอายุยี่สิบปีก็จะถูกสะกดให้ไปยังสถานที่ที่ไม่ควรไปได้โดยง่ายน่ะสิ” หลี่มู่พูด “ผู้ที่เกิดที่นี่ร่างกายจะมีกลิ่นอายของสถานที่แห่งนี้ ย่อมไม่ถูกสะกด แต่หากเป็นคนที่มาจากข้างนอกก็จะเกิดปัญหาได้โดยง่าย ทำให้ไปยังสถานที่ที่ไม่ควรไป”
คราวนี้น่าหลานหลานตกตะลึงไปจริงๆ เสียแล้ว เมืองวิเศษยังมีความลับเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ
……………………………………