สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 320 สำเร็จตามแผน
“สถานที่ที่ไม่ควรไปหรือ คือที่ไหนกัน” น่าหลานหลานถาม
“สถานที่ซึ่งอันตรายเป็นที่สุดแห่งหนึ่ง” หลี่มู่พูด “ตอนนั้นที่ข้ามาถึงที่นี่ ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปีเต็ม วันที่สามที่ข้ามาถึงที่นี่ก็ไปยังสถานที่แห่งนั้นด้วยสติอันเลือนราง”
“แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านในตอนนั้นหรือไม่” น่าหลานหลานอุทาน
“เปล่าหรอก” หลี่มู่พูด “เพราะข้ายังอายุไม่ถึง ดังนั้นพอมาถึงที่นี่แล้วท่านอาจารย์ของข้าจึงคอยใส่ใจเรื่องของข้าอยู่ตลอด เมื่อเห็นข้าออกไปกลางดึกก็รีบติดตามมา เมื่อเห็นว่าข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น จึงได้ใช้อาวุธวิญญาณดึงข้ากลับออกมา จะว่าไปก็แปลก ตอนนั้นข้าไม่มีสติเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่ท่านอาจารย์ดึงข้ากลับมาแล้ว ข้าที่ฟื้นคืนสติมานั้นก็ไม่รู้เลยว่าตนไปยังสถานที่แห่งนั้นได้อย่างไร”
“สถานที่แห่งนั้นอันตรายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” น่าหลานหลานถาม
“ไม่ใช่แค่อันตราย แต่เป็นสถานที่ที่อันตรายสุดๆ” หลี่มู่พูด “หลังจากที่ข้าฟื้นคืนสติก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตาย ช่างน่าตกใจยิ่งนัก คล้ายกับว่าหากยืนอยู่ที่นั่นก็จะตายได้เลยทีเดียว ระหว่างทางกลับข้าได้ยินท่านอาจารย์ของข้าพูดว่า ตอนนั้นเคยมีคนระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดสิบคนลงไป แต่ไม่มีใครกลับขึ้นมาเลยแม้แต่คนเดียว”
“เฮือก…”
น่าหลานหลานและสาวใช้สูดลมหายใจเยียบเย็นเฮือกหนึ่ง ระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดสิบคนมลายหายไปจนสิ้น สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่!
“ดังนั้นข้าว่าไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ขอเพียงแค่พาไปที่นั่น ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเราแล้ว ทั้งยังแก้แค้นให้เจ้าได้ด้วยนะ” หลี่มู่พูด
“ข้า…” น่าหลานหลานอึกอัก ยังคงลังเลที่จะพูด
“คุณหนู ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นั้นทำกับท่านถึงขนาดนี้แล้วท่านจะยังลังเลอะไรอีกเล่าเจ้าคะ!” สาวใช้ปากไวกว่าความคิด หลุดพูดชื่อซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“ซือหม่าโยวเย่ว์หรือ คนที่ล่วงเกินเจ้าคือเขาอย่างนั้นหรือ” หลี่มู่ถาม
น่าหลานหลานถลึงตาใส่สาวใช้ ดูเหมือนตำหนิที่นางปากไว
หลี่มู่เห็นนางถลึงตาใส่สาวใช้ จึงเอ่ยว่า “หลานเอ๋อร์ เจ้าอย่าโมโหไปเลยนะ นางไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่เป็นเขาที่ล่วงเกินเจ้าจริงๆ ใช่หรือไม่”
น่าหลานหลานพยักหน้า น้ำตาที่หยุดไหลได้อย่างยากเย็นไหลรินลงมาอีกครั้ง นางพูดอย่างช้ำใจว่า “ในเมื่อท่านรู้หมดแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังท่านอีก ท่านรู้หรือไม่ว่าเขามาจากอาณาจักรตงเฉิน”
“รู้สิ” หลี่มู่พยักหน้า
“ความจริงแล้วข้าก็มาจากอาณาจักรตงเฉินเช่นเดียวกัน ข้ากับเขารู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ก็มีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อกันมาโดยตลอด” น่าหลานหลานพูด
หลี่มู่คิดไม่ถึงว่าน่าหลานหลานก็ออกมาจากสถานที่เนรเทศเช่นเดียวกัน แต่เรื่องนี้ก็มิได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกที่เขามีให้นางแต่อย่างใด
“ที่อาณาจักรตงเฉิน ตระกูลซือหม่าและตระกูลน่าหลานก็เป็นอริกันเหมือนกับที่นี่ น้องชายข้าก็ถูกเขาฆ่าตาย แม้กระทั่งศพของเขาข้าก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ” น่าหลานหลานร้องไห้ “คิดไม่ถึงว่าคราวนี้พวกเราจะได้พบกันที่เมืองวิเศษ ก่อนหน้านี้ก็ยังดี วันนี้ช่วงกลางวันเขาบอกว่าถ้าหากข้าอยากรู้เรื่องน้องชายข้า ให้ข้าไปพบเขาตามลำพัง”
“เจ้าก็เลยไปหาเขาคนเดียวอย่างนั้นหรือ” หลี่มู่ถาม
“อื้ม” น่าหลานหลานพยักหน้า “ข้าอยากรู้เรื่องน้องชายข้ามากเหลือเกิน ก็เลยไปน่ะ ใครจะไปคิดว่าเขาจะ… จะทำเรื่องเช่นนี้กับข้าได้ ฮือๆๆ ถ้าหากมิใช่เพราะสาวใช้เป็นห่วงข้าแล้วลอบติดตามไปเงียบๆ เกรงว่าตอนนี้ข้าคงจะถูก…”
น่าหลานหลานพูดต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว นางฟุบลงบนโต๊ะแล้วร้องไห้อย่างเจ็บปวด
หลี่มู่ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยอย่างเคียดแค้นว่า “ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้ช่างน่าชังเกินไปแล้ว ปกติชอบฉีกหน้าข้าก็แล้วไปเถิด แต่ตอนนี้ยังกล้ามาลงมือกับเจ้าอีก! แล้วจะมีเรื่องชั่วช้าใดที่เขาทำมิได้อีกเล่า! ข้าจะไปจัดการเขาเสีย!”
“อย่าเลย” น่าหลานหลานคว้าแขนของเขาเอาไว้ในทันใดพลางเอ่ยว่า “ข้าเคยได้ยินพวกพี่ๆ บอกว่าเพราะคนของตระกูลพวกท่านเคยท้าทายเขา ดังนั้นเขาจึงบอกให้คนตระกูลซือหม่าทุบตีพวกท่านจนกลายเป็นหัวหมูหากได้ประมือกัน ถ้าหากท่านไปหาเรื่องเขา ด้วยอุปนิสัยของเขาแล้ว เขาอาจจะตามจองล้างจองผลาญท่านก็ได้นะ!”
“เจ้าบอกว่าเขาให้คนตระกูลซือหม่าทุบตีคนตระกูลเราจนกลายเป็นหัวหมูอย่างนั้นหรือ” หลี่มู่จับประเด็นสำคัญได้จึงถามขึ้น
“ข้า… ข้าก็แค่ได้ยินพวกพี่ๆ คุยกันเท่านั้นเอง” น่าหลานหลานพูด “แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของข้า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ข้า… ข้าก็คงได้แต่ยอมรับแล้ว จะดึงท่านเข้ามาพัวพันด้วยได้อย่างไร พี่หลี่ หลานเอ๋อร์จดจำเจตนาอันดีของท่านเอาไว้ในใจแล้ว ไมตรีของท่าน หลานเอ๋อร์ก็เข้าใจดี แต่ตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่คู่ควรกับท่าน ท่านจากไปแล้วลืมข้าเสียดีกว่า”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า!” หลี่มู่พูด “ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นไร เจ้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิมเสมอในหัวใจของข้า สำหรับเจ้าซือหม่าโยวเย่ว์นั่น เจ้าพูดได้ถูกต้อง ข้ามิอาจทำอะไรบุ่มบ่ามได้ จะต้องคิดวางแผนอย่างรอบคอบ กำจัดเขาทิ้งเสีย ไม่อย่างนั้นข้าก็ต้องเรียกเขาว่าลูกพี่ไปชั่วชีวิตเลยน่ะสิ!”
“แต่ว่า…”
น่าหลานหลานนึกอยากจะพูดอะไรอีกแต่กลับถูกหลี่มู่ขัดเสียก่อน “หลานเอ๋อร์ เจ้าเลิกแต่ยอมได้แล้ว ข้าตัดสินใจเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปคิดวางแผนเดี๋ยวนี้ ลองดูว่าจะกำจัดเขาอย่างไรดี”
“ข้า…” น่าหลานหลานสับสนเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ข้าก็เป็นคนก่อ ข้ามิอาจปล่อยให้ท่านแบกรับความเสี่ยงตามลำพังได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็มาคิดหาวิธีด้วยกันเลยดีกว่านะ”
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง หลี่มู่จึงออกมาจากตระกูลน่าหลาน
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว น่าหลานหลานก็สลัดความเศร้าโศกเมื่อครู่ทิ้งไป แล้วรับยาวิเศษที่สาวใช้ส่งให้มากิน
“คิดไม่ถึงว่ายาหลั่งน้ำตานี้จะมีประโยชน์ยิ่งนัก เมื่อครู่คุณหนูร้องไห้เสียจนหัวใจคุณชายหลี่แทบจะแหลกสลายไปเลยทีเดียว” สาวใช้พูดยิ้มๆ
“ยาหลั่งน้ำตานี้ได้ผลไม่เลวเลยนะ กินไปเม็ดเดียว อยากร้องไห้เมื่อไหร่ก็ร้องได้เลย แสร้งทำท่าทีอ่อนแอก็ทำได้สมจริงยิ่งนัก” น่าหลานหลานเอ่ย “แต่ยาถอนพิษนี่ช่างขมนัก”
สาวใช้หยิบผลไม้เชื่อมออกมาให้น่าหลานหลานกินพลางเอ่ยว่า “หลี่มู่ก็ช่างหัวอ่อนเสียจริง คุณหนูพูดเช่นนี้เขาก็ไม่รู้เหนือรู้ใต้เสียแล้ว แต่แผนการนี้จะไม่มีปัญหาจริงหรือเจ้าคะ พอถึงเวลาแล้วซือหม่าโยวเย่ว์จะยอมไปตามนัดหมายหรือ”
“ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหยียนลู่ไม่เลวเลยทีเดียว พอถึงตอนนั้นก็อ้างชื่อเหยียนลู่มาหลอกล่อเขา ก็คงไม่มีปัญหาแล้ว” น่าหลานหลานพูด “ส่วนหลี่มู่จะไปล่วงเกินคนตระกูลซือหม่าหรือไม่นั้น พวกเราก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ไปกันเถิด คืนนี้แกล้งร้องไห้มาทั้งคืนช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน กลับไปพักผ่อนดีกว่า”
พอหลี่มู่ออกจากตระกูลน่าหลานแล้วก็มิได้ไปที่สมาคมนักหลอมยา หากแต่วกกลับไปยังตระกูลหลี่ แล้วเข้าไปที่ห้องปรมาจารย์ค่ายกลของตระกูลหลี่
วันรุ่งขึ้น ถึงแม้ว่าการประลองของคนรุ่นเยาว์จะเหลืออีกเพียงสิบคู่ แต่ก็ยังคงดึงดูดผู้คนไม่น้อยให้มาเข้าชม
ผ่านไปครึ่งวัน การประลองก็สิ้นสุดลง ตระกูลซือหม่าสิบหกคน ชนะไปสิบสามคน ส่วนอีกสามคนเพราะโชคไม่ดี ได้เจอกับคู่ต่อสู้อย่างหั่วจือเหยียน จึงได้แต่ยอมแพ้ไป
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ตระกูลซือหม่าก็ยังคงทำให้ทั่วทั้งดินแดนต้องพรั่นพรึง อัตราการชนะมากมายขนาดนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย! ผลการแข่งขันของพวกเขาจึงหลุดจากลำดับสุดท้าย กลายเป็นตระกูลหลี่ได้เป็นลำดับสุดท้ายแทน จะต้องคอยรับการท้าประลองของขุมอำนาจชั้นสอง
หลังจากที่กรรมการประกาศผลการแข่งขันสุดท้ายแล้วจึงเอ่ยว่า “ตอนนี้จะเข้าสู่ช่วงการท้าประลองของคนรุ่นเยาว์ พวกเจ้าท้าประลองกับคนในรุ่นเดียวกันได้ และรักษาสังเวียนเอาไว้ ผู้ที่รักษาสังเวียนเอาไว้ได้สิบยกก็จะได้รับรางวัลใหญ่ที่พันธมิตรสมาคมจัดเตรียมเอาไว้ ผู้ชนะสามอันดับแรกก็จะได้รับรางวัลเช่นเดียวกัน ผู้ที่อยากเข้าร่วมการท้าประลองเตรียมตัวได้”
กรรมการพูดจบแล้วก็เดินลงไป ทุกคนต่างสนใจใคร่รู้ว่าใครที่จะขึ้นไปเป็นคนแรก ใครที่จะถูกขานชื่อเป็นคนแรกในการท้าประลอง
…………………………………………