สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 322 การประลองของซือหม่าโยวหลินและน่าหลานเจี๋ย
ซือหม่าโยวหลินแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เคยกังขาในจุดนี้เลย แต่หลังจากได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเขากับน่าหลานเจี๋ยแล้ว เธอก็ค่อนข้างตกตะลึงเลยทีเดียว
เขาก้าวหน้าขึ้นมาถึงหนึ่งขั้นใหญ่ภายในระยะเวลาสองปี
บนสังเวียน น่าหลานเจี๋ยถูกทักษะวิญญาณของซือหม่าโยวหลินไล่บี้จนหลบหลีกไปทั่วทุกทิศทุกทาง มิอาจแบ่งสมาธิมาสำแดงทักษะวิญญาณได้เลย
ในทางกลับกัน ซือหม่าโยวหลินนั้นผ่อนคลายกว่ามาก เขารวบรวมปราณวิญญาณจนกลายเป็นดาบใหญ่เล่มหนึ่งแล้วฟันเข้าใส่น่าหลานเจี๋ย
“เสวียนเฟิง ออกมา” น่าหลานเจี๋ยตะโกนเรียก
สัตว์อสูรเทพระดับจ้าววิญญาณตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา พอออกมาแล้วก็พุ่งเข้าโจมตีซือหม่าโยวหลินในทันที
ซือหม่าโยวหลินรีบเหวี่ยงดาบป้องกัน พร้อมกันนั้นก็เรียกนกยักษ์ของตนออกมาด้วย
“สัตว์อสูรเทพระดับจ้าววิญญาณสองตนอีกแล้ว!” ผู้คนที่ดูอยู่พูดขึ้นมาอย่างตกใจ
“พวกเขาทั้งสองคนมีสัตว์อสูรเทพกันทั้งคู่ ร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ! รากฐานของขุมอำนาจชั้นหนึ่งช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรเทพสองตนจะเข้าปะทะกันแล้ว แต่ก็มีเวลาพอให้น่าหลานเจี๋ยสำแดงทักษะวิญญาณ นอกจากนี้ทักษะวิญญาณของซือหม่าโยวหลินได้ถูกสัตว์อสูรเทพของอีกฝ่ายทำลายไปแล้ว เขาจำเป็นต้องเริ่มต้นสำแดงทักษะวิญญาณใหม่
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าตระกูลน่าหลานจะแข็งแกร่งขนาดนี้เช่นกัน ดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างเขากับซือหม่าโยวหลินคงจะไม่สิ้นสุดลงในระยะเวลาอันสั้นแน่
ก่อนหน้านี้ในการประลองระหว่างคนรุ่นเยาว์ การประลองแต่ละยกมักจะเสร็จสิ้นภายในหนึ่งชั่วโมง แต่การประลองของพวกเขาสองคนนี้กินเวลาไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว ในที่สุดซือหม่าโยวหลินก็เฉือนเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิวด้วยพลังวิญญาณที่เป็นต่ออยู่เล็กน้อย
หลังจากที่ซือหม่าโยวหลินเอาชนะได้แล้วก็มิได้รีบร้อนลงจากสังเวียน หลังจากที่เขากินยาวิเศษหลายเม็ดลงไปแล้วก็นั่งลงที่ตำแหน่งเดิม ผ่านไปราวสิบห้านาทีเขาจึงค่อยลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยว่า “มีใครอยากขึ้นมาประลองหรือไม่”
การต่อสู้อันยากลำบากเมื่อครู่ทำให้พลังวิญญาณภายในร่างกายเขาแทบจะหมดสิ้นไป ยาวิเศษที่กินไปเมื่อครู่นั้น ในเวลาสิบห้านาที ก็เพียงพอสำหรับทำให้เขาฟื้นฟูขึ้นมาได้เล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อเวลาพักผ่านพ้นไป เขาก็ต้องรับคำท้าประลองยกต่อไปแล้ว
ผู้แข็งแกร่งอย่างหั่วจือเหยียนไม่มีทางไป แต่สมาชิกธรรมดาทั่วไปจำนวนไม่น้อยก็จะอาศัยจังหวะที่ทั้งเขาและสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาบาดเจ็บกันทั้งคู่ขึ้นไปแข่งกับเขาสักยก ถ้าหากเอาชนะได้ ตอนพูดออกไปก็ยังพูดได้ว่าตนเคยเอาชนะเขามาก่อน
มีคนตระกูลหลี่คนหนึ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว หมายจะอาศัยจังหวะนี้ในการกู้หน้าคืนให้กับตระกูลหลี่
บรรพวิญญาณขั้นสาม พลังยุทธ์ไม่นับว่าต่ำ เดิมทีคิดจะเอาชนะซือหม่าโยวหลินในตอนที่เขาปราณวิญญาณถดถอย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพลังการต่อสู้ของซือหม่าโยวหลินจะน่าตกใจ ถึงแม้ว่าเพิ่งจะผ่านการต่อสู้มายกหนึ่งเมื่อครู่ ตอนนี้ก็ยังเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย
สิบห้านาทีหลังจากกินยาวิเศษลงไป เขาก็ประลองต่ออีกครั้งจนกว่าเขาจะพ่ายแพ้ หรือยอมแพ้การแข่งไป
คนตระกูลซือหม่าเห็นสภาพของซือหม่าโยวหลินในตอนนี้แล้วต่างกังวลใจกันอยู่บ้าง แม้กระทั่งพวกเว่ยจือฉีก็กำลังคาดเดากันว่าซือหม่าโยวหลินจะไม่ไหวแล้วหรือไม่ มีเพียงแค่ซือหม่าโยวเย่ว์เท่านั้น ที่ยังคงกัดผลไม้ทิพย์อย่างสงบนิ่ง
“เจ้าไม่กังวลหรือ” เป่ยกงถังหันหน้ามามองบางคนที่กำลังกัดผลไม้ทิพย์อยู่
“กังวลสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หากชนะได้ก็ชนะ หากไม่ชนะก็ช่างเถิด เขาไม่มีทางเสี่ยงชีวิตตัวเองอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะกังวลใจไปทำไมกันเล่า”
“เจ้ามองได้ขาดจริงๆ” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“ไม่เห็นมีอะไรให้มองขาดหรือไม่ขาดเลยนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “มีเพียงแค่ยามที่เผชิญกับความเป็นความตายเท่านั้นจึงค่อยกังวลใจแทนเขา สิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ก็อย่าได้เอาไปใส่ใจ ชัยชนะและชื่อเสียง แท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนไร้ประโยชน์ จะต้องทำให้ชีวิตตัวเองเหน็ดเหนื่อยเพราะสิ่งเหล่านี้ไปทำไมกันเล่า โยวหลินเองก็แยกแยะสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจน”
คนตระกูลซือหม่าได้ฟังคำพูดของเธอแล้วแววตาก็เลื่อนลอยอยู่บ้าง มองดูการต่อสู้เบื้องล่างเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
การต่อสู้ที่เหลือผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ซือหม่าโยวหลินรักษาสังเวียนได้ครบสิบยกแล้วจึงวางมือจากการต่อสู้ไปเอง
“โยวหลินชนะครบสิบครั้งแล้ว เขาก็จะได้รับรางวัลอันน่าตื่นเต้นนั้นแล้วสิ!” คนตระกูลซือหม่าร้องขึ้น
คนตระกูลอื่นพูดขึ้นมาอย่างตกตะลึงว่า “เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาใช้ปราณวิญญาณหมดสิ้นไปตั้งแต่ยกแรก เหตุใดจึงยังชนะได้อีกถึงเก้ายกเลยเล่า”
“จะต้องเป็นเพราะยาวิเศษที่เขากินช่วยฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขาได้อย่างรวดเร็วแน่” มีคนมองออก
“ถูกต้อง ยาวิเศษของเขาจะต้องมีระดับขั้นสูงไม่เบาเลย ระยะเวลาในการออกฤทธิ์รวดเร็ว ทุกครั้งพอฟื้นฟูพลังวิญญาณเสร็จ ก็นำมาใช้ในการต่อสู้ยกถัดไป”
“ยาวิเศษอะไรกันที่ให้ผลอันยอดเยี่ยมเช่นนี้น่ะ”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
การท้าประลองในวันนี้สิ้นสุดลงหลังจากที่ซือหม่าโยวหลินวางมือจากการแข่ง วันรุ่งขึ้นยังเหลือเวลาท้าประลองอีกหนึ่งวัน ที่เหลือก็คือเวลาที่ขุมอำนาจชั้นสองท้าประลองตระกูลหลี่นั่นเอง
วันหลังๆ ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้ไปดูการแข่งขันเลย หากแต่ตั้งหน้าตั้งตาฝึกยุทธ์อยู่ภายในที่พัก
“ท่านอาจารย์กลับไปได้เกือบสิบวันแล้ว ไม่ได้ส่งข่าวมาเลย” เธอนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงพลางใช้มือประคองศีรษะเอาไว้ “หลายวันมานี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของศิษย์พี่เลยด้วย หรือเขาก็กลับขึ้นไปยังเบื้องบนแล้วเหมือนกัน”
“ศิษย์น้องเล็กกำลังคิดถึงข้าอยู่หรือ” เสียงหนึ่งดังลอยมาจากในห้อง แทบจะทำให้เธอตกใจจนกระโดดลงมาจากเตียง
“ท่านมาอยู่ในห้องข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนที่อยู่ตรงช่องหน้าต่างแล้วปาหมอนที่อยู่ใกล้มือใส่เขา
อูหลิงอวี่เอื้อมมือไปรับหมอนมาก่อนจะเอามาวางพิงหลัง “ช่างสบายดีจริง”
“หลายวันนี้ท่านไปไหนมาหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามพลางถลึงตาใส่เขา
“กลับขึ้นไปเบื้องบนมาน่ะ” อูหลิงอวี่พูด “ตอนที่ไปค่อนข้างรีบร้อนจึงไม่ได้บอกเจ้าก่อน พอกลับมาแล้วก็รีบมาหาเจ้าเลย”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม “เกิดเรื่องกับท่านอาจารย์ใช่หรือไม่”
“ตาเฒ่านั่นจะไปเกิดเรื่องอันใดได้เล่า เจ้ารักษาบาดแผลของเขาจนหายดีแล้ว พอกลับไปก็โอ้อวดเสียเต็มประดา แต่ยังจัดการเรื่องของเจ้าไม่เสร็จ เขาจึงยังกลับลงมาไม่ได้ชั่วคราวน่ะ” อูหลิงอวี่พูด
“เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงกลับไปอย่างกะทันหันเล่า”
อูหลิงอวี่กระโดดลงมาจากหน้าต่างพร้อมกับกอดหมอนเอาไว้ในอ้อมแขน เขาเข้ามานั่งพิงหัวเตียงของซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “ตาแก่หนังเหนียวที่ตำหนักผู้วิเศษผู้นั้นออกจากการปลีกวิเวกแล้วเรียกตัวข้ากลับไป จัดการอยู่ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว ท่านอาจารย์ให้ข้าบอกเจ้าว่าให้รออีกสักสองสามวัน”
“อ้อ”
“ข้าเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ขอพักอยู่กับเจ้าตรงนี้สักประเดี๋ยวนะ” อูหลิงอวี่พูดจบแล้วหลับตาลง… หลับไปทั้งอย่างนั้นเอง
เดิมทีซือหม่าโยวเย่ว์ยังคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ริมฝีปากก็ขยับไหว กลืนคำพูดกลับลงไป
หมัวซาออกมาจากสร้อยข้อมือม่านถัวแล้วมองดูใบหน้าอ่อนล้าของอูหลิงอวี่พลางเอ่ยว่า “วิญญาณของเขาอ่อนแอลงอีกแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะใช้น้ำทิพย์วิญญาณคอยหล่อเลี้ยงเอาไว้ในช่วงนี้ คราวนี้เขาคงเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี ดูเหมือนว่าจากไปคราวนี้คงจะพบกับเรื่องอะไรเข้า เจ้าช่วยหลอมยาวิเศษหล่อเลี้ยงวิญญาณให้เขาสักหน่อยสิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองใบหน้าซีดขาวของอูหลิงอวี่พลางเอ่ยว่า “ได้สิ”
จากนั้นหมัวซาก็กลับเข้าไปในสร้อยข้อมือม่านถัว ซือหม่าโยวเย่ว์ถอนหายใจแล้วหยิบเอาเตาหลอมยากับเครื่องยาออกมาหลอมยาวิเศษให้เขา
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่ออูหลิงอวี่ตื่นขึ้นมา ก็เห็นซือหม่าโยวเย่ว์กำลังง่วนอยู่กับเครื่องยา ภายในห้องยังมีเตาหลอมยาวางอยู่ด้วย จึงเอ่ยอย่างงัวเงียว่า “เมื่อคืนเจ้าหลอมยาหรือ”
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บข้าวของเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณก่อนจะถือยาวิเศษเดินเข้ามาพลางเอ่ยว่า “เมื่อคืนหมัวซาออกมาบอกว่าวิญญาณของท่านถูกทำร้าย นี่คือยาวิเศษที่ผสมน้ำทิพย์วิญญาณเข้าไปตอนหลอมด้วย จะช่วยหล่อเลี้ยงวิญญาณของท่านได้”
อูหลิงอวี่รับเอายาวิเศษที่ยังคงอุ่นอยู่มา ในใจรู้สึกหอมหวาน นางหลอมยาวิเศษให้กับตน แสดงว่าในใจก็ยังมีพื้นที่ให้ตนอยู่สินะ
………………………………………