สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 323 เจ้าจะฆ่าสามีตัวเองหรือ
ยาวิเศษสีขาวราวน้ำนมนั้นพบเห็นได้ยากยิ่ง อูหลิงอวี่มองประเมินดูอย่างละเอียด ก็พบว่าด้านบนมีลวดลายที่มิอาจสังเกตเห็นได้ง่ายนักอยู่ด้วย
“ลวดลายโอสถหรือ” เขามองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะหลอมลวดลายโอสถออกมาได้ตั้งแต่ในระดับขั้นห้า
ตามปกติแล้วต้องเป็นยาวิเศษขั้นเจ็ดหรือไม่ก็ยาวิเศษขั้นหกอันพบเห็นได้น้อยนิดเท่านั้นจึงจะมีลวดลายโอสถปรากฏขึ้นได้ เมื่อมีลวดลายโอสถก็หมายความว่ายาวิเศษนี้จะมีผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่ายาวิเศษทั่วไปในระดับเดียวกัน แต่ลวดลายโอสถที่ปรากฏบนยาวิเศษขั้นห้านี้ เขาเองก็เพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก แม้กระทั่งยาวิเศษที่มารเฒ่าหลอมก็ยังไม่แน่เสมอไปว่าจะมี
ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้สนใจท่าทีประหลาดใจของเขาเลย เธอเอ่ยว่า “หมัวซาสอนข้าน่ะ”
“เขาเป็นผู้สอนเจ้าหลอมยาด้วยหรือ” อูหลิงอวี่พูด
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพูดว่า “เดิมทีเขาคิดจะให้ข้าหลอมยาให้ตอนที่ข้าหลอมยาวิเศษระดับสูงได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าต่อมาจะมีน้ำทิพย์วิญญาณ ก็ยังไม่เคยหลอมยาให้เขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านลองดูสิว่ายานี้ให้ผลกับท่านหรือไม่ ถ้าหากไร้ผล ข้าจะได้ลองหลอมยาอื่นให้ท่าน”
“ได้สิ”
อูหลิงอวี่กินยาวิเศษลงไป เขาไม่คุ้นเคยกับยาชนิดนี้เลย ดังนั้นจึงไม่รู้ผลของมัน
ว่ากันตามจริงแล้วเขาก็มิได้ตั้งความหวังอะไรกับยาวิเศษชนิดนี้มากนัก เพราะยาวิเศษขั้นห้านั้นไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขากินลงไปแล้วก็รู้สึกสบายไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ราวกับวิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่าง
“ได้ผลจริงหรือ” ตอนแรกซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ไม่คิดว่ายาวิเศษชนิดนี้จะได้ผล เพราะนี่เป็นเพียงแค่ตำรับยาพื้นบ้านเกี่ยวกับการหล่อเลี้ยงวิญญาณที่เธอหามาอย่างส่งๆ จากภายในเจดีย์วิญญาณเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับขั้นสูงที่สุดที่เธอหลอมได้ แต่เธอก็รู้ว่าคนอย่างอูหลิงอวี่จะต้องเคยกินยาวิเศษระดับขั้นสูงกว่านี้มาแล้วมากมาย ยาวิเศษระดับต่ำพรรค์นี้อาจจะไม่ได้ผลก็เป็นได้
ผ่านไปครู่ใหญ่ อูหลิงอวี่จึงค่อยลืมตาขึ้น
“เอาละ ท่านอยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้ว รีบออกไปเสียที” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
อูหลิงอวี่คิดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่ตนได้ยินตอนตื่นขึ้นมาจะเป็นคำพูดนี้ จึงมองเธออย่างเศร้าสร้อยพลางเอ่ยว่า “ตอนอยู่ที่เทือกเขาผู่สั่ว พวกเราร่วมเรียงเคียงหมอนกันเนิ่นนานถึงเพียงนั้นก็ไม่เห็นเจ้าจะว่าอะไรเลยนี่ ตอนนี้พวกเราเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันแล้ว เจ้ากลับจะไล่ข้าไปเสียนี่”
ไม่กล่าวถึงเรื่องในตอนนั้นก็ยังพอไหว แต่พอพูดขึ้นมาแล้วซือหม่าโยวเย่ว์ก็เดือดดาลขึ้นมาในทันที เธอวิ่งเข้ามาบีบคอเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านยังกล้าพูดเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาอีกหรือ หืม ท่านรู้อยู่แก่ใจดีว่าข้าเป็นสตรีแล้วยังกล้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับข้ามาเนิ่นนานถึงเพียงนั้น เอารัดเอาเปรียบข้า คอยดูว่าวันนี้ข้าจะบีบคอท่านจนตายหรือไม่!”
“แค่กๆ เจ้าจะฆ่าสามีตัวเองหรือ” อูหลิงอวี่กระแอมกระไอแล้วตะโกนเสียงดัง
“สามีบ้านท่านสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางออกแรงที่มือเพิ่มขึ้น
“ศิษย์น้อง อย่าโมโหเช่นนี้สิ ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าหลับไปอีกรอบนะ!” อูหลิงอวี่พูด
“ทำให้หลับอีกรอบหรือ” เสียงหนึ่งดังมาจากนอกหน้าต่าง ทำเอาซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจจนสะดุ้งตัวลอย
เธอหันไปมอง เมื่อเห็นคนที่อยู่นอกหน้าต่างแล้วจึงตกตะลึงไป
ร่างกายของเธอยังอยู่ในท่ากดอูหลิงอวี่ลงกับเตียง มือยังคงบีบคอเขาอยู่
“พี่… พี่สาม…”
ซือหม่าโยวหรานกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างในทันทีแล้วดึงซือหม่าโยวเย่ว์ออกมา พลางเอ่ยว่า “มีเรื่องอันใดกัน เขารังแกเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าบอกพี่สามมาเร็วเข้าสิ ถึงแม้เขาจะเป็นศิษย์พี่ของเจ้าก็ปล่อยไปไม่ได้”
“พี่… พี่สาม… ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีเดือดดาลของซือหม่าโยวหรานจึงรีบเอ่ยปลอบ
“นี่ยังไม่มีอะไรอีกหรือ เขาจะให้เจ้านอนด้วยเลยนะ! นี่ยังเรียกว่าไม่มีอะไรอีกหรือ” ซือหม่าโยวหรานตะโกนเสียงดัง “เจ้าบอกมาสิ เขาขืนใจเจ้าใช่หรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีของซือหม่าโยวหรานจึงรีบรั้งตัวเขาเอาไว้พลางเอ่ยว่า “ไม่ได้เป็นเหมือนที่ท่านคิดหรอกน่า”
“แล้วเป็นอย่างไรเล่า” ซือหม่าโยวหรานถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ น่าตกใจจนทำให้เธอหดคอโดยไม่รู้ตัว
“ก็ตอนเลือกไข่สัตว์อสูรตอนอยู่ที่วิทยาลัย ที่ข้าถูกส่งตัวไปยังเทือกเขาผู่สั่วอย่างไรเล่า ตอนอยู่ในภูเขาข้าได้ช่วยเขาเอาไว้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว จากนั้นเขาก็บอกให้ข้าดูแลเขาสักระยะหนึ่ง แล้วเขาจะตอบแทนข้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เดิมทีข้าก็คิดจะบำเพ็ญอยู่ภายในภูเขาสักระยะหนึ่งอยู่แล้ว ก็เลยรับปากไป เพราะมีเตียงเพียงแค่หลังเดียว ดังนั้นก็เลยนอนด้วยกัน ยาวิเศษที่ให้ท่านปู่กินแล้วเลื่อนระดับในตอนนั้น ก็คือสิ่งตอบแทนที่เขาให้มาอย่างไรเล่า”
“เป็นเช่นนี้เองหรือ” ซือหม่าโยวหรานมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางกะพริบตาแล้วถามด้วยสายตาว่า เขาไม่รู้หรือว่าเจ้าเป็นสตรี
ไม่รู้หรอก ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตา
ถ้าหากให้ซือหม่าโยวหรานรู้ว่าอูหลิงอวี่รู้เรื่องที่ตนเป็นสตรีแล้วยังใกล้ชิดกับตนอยู่ ทั้งยังจูบตนอีกด้วย คาดว่าเพลิงโทสะของเขาคงไม่มีทางมอดลงได้แน่
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นก็ดี” ซือหม่าโยวหรานมิได้โมโหเช่นนั้นอีกแล้ว หลังจากนั้นจึงมองอูหลิงอวี่แล้วเอ่ยว่า “ท่านผู้วิเศษ ข้ารู้ว่าพลังยุทธ์ของท่านแข็งแกร่งยิ่งนักสถานะที่เบื้องล่างนี้สูงส่งอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากท่านจะทำร้ายน้องห้า ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิต พวกเราก็จะทวงคืนความยุติธรรมให้นางเอง”
อูหลิงอวี่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกซือหม่าโยวหรานจะหวงแหนซือหม่าโยวเย่ว์ถึงเพียงนี้ และเมื่อดูทัศนคติของซือหม่าโยวเย่ว์ที่มีต่อพวกเขา เขาก็รู้สึกขึ้นมาในทันทีว่าถ้าหากไม่ซื้อใจคนในครอบครัวเธอ ก็จะกลายเป็นก้างขวางคอชิ้นโตของเขาในอนาคตอย่างแน่นอน
“เจ้าวางใจเถิด โยวเย่ว์เป็นศิษย์น้องของข้า ข้าย่อมไม่มีทางรังแกเขาอยู่แล้ว ถ้าหากมีใครรังแกเขา ข้าก็จะปกป้องเขาเอง” อูหลิงอวี่พูด
ซือหม่าโยวเย่ว์หันไปถลึงตาใส่อูหลิงอวี่ คราวนี้ปล่อยท่านไปก่อนก็ได้ เฮอะ!
อูหลิงอวี่ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วจัดเสื้อผ้าที่ยับเยินอยู่บ้างพลางเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง ข้ายังมีธุระต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะ เดิมทีคิดจะไปที่โลกย่อส่วนเป็นเพื่อนเจ้า แต่ถ้าหากท่านอาจารย์ลงมาแล้วข้ายังไม่กลับมา เจ้าก็ไปเองแล้วกัน”
“ท่านจะไปไหนหรือ” เธอรู้สึกได้รางๆ ว่าสถานที่ที่อูหลิงอวี่ไปจะต้องอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าจะไปดูที่พื้นสมุทรสักหน่อย ระยะนี้ดินแดนของพวกเจ้าไม่สงบเอาเสียเลย ตาแก่หนังเหนียวแห่งตำหนักผู้วิเศษนั่นจึงให้ข้าไปตรวจสอบดูสักครั้ง” อูหลิงอวี่พูด “ถึงแม้ว่าจะไม่อยากไป แต่ตอนนี้ยังอยู่ที่ตำหนักผู้วิเศษ หากไม่ฟังคำพูดเขาก็คงจะไม่ดีนัก”
“สองปีมานี้พื้นสมุทรไม่สงบเลย ตอนท่านไปต้องระวังหน่อยล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ข้ารู้น่า” อูหลิงอวี่พูดจบแล้วจึงสร้างทางเดินแห่งหนึ่งขึ้นมากลางอากาศก่อนจะก้าวเข้าไป
รอจนเขาออกไปแล้วซือหม่าโยวหรานก็ยังงุนงงอยู่
“เขาจากไปทั้งอย่างนี้เลยน่ะหรือ” เขาถาม
“ใช่แล้ว พวกเขามีความสามารถในการเปิดทางห้วงอากาศไปยังสถานที่ที่อยากไปเช่นนี้แหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“น้องห้า ตอนนั้นเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าเจ้าเป็นหญิงน่ะ” ซือหม่าโยวหรานพูดอย่างไม่แน่ใจนัก
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าก็สวมแหวนมนตร์อยู่มิใช่หรือ เขาดูไม่ออก พวกเราไม่ได้มีอะไรระหว่างกันด้วย ก็แค่ดูแลเขาระยะหนึ่งเท่านั้นเอง”
“แต่ตอนที่เจ้าเห็นเขาที่เขาภาพมังกรแล้วโมโหยิ่งนัก ทั้งยังทุบตีเขาอีกด้วย” ซือหม่าโยวหรานไม่เชื่อ
“นั่นเป็นเพราะเขาบอกว่าจะให้ยาวิเศษข้าสามเม็ด แต่กลับให้เพียงแค่สองเม็ดเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์โกหกได้โดยที่หน้าไม่แดง ใจไม่สั่น “โชคดีที่ท่านปู่กินไปเพียงแค่สองเม็ดก็เลื่อนระดับได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าต้องตามจองล้างจองผลาญเขาแน่!”
ซือหม่าโยวหรานเห็นท่าทางโกรธเคืองของซือหม่าโยวเย่ว์ดูไม่เหมือนแสร้งทำ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เขามิได้เอาเปรียบเจ้าก็ดีแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าเป็นใครกัน มีแต่ข้าจะไปเอาเปรียบผู้อื่นต่างหาก จะถูกผู้อื่นเอาเปรียบได้อย่างไรกันเล่า!”
ถึงแม้ว่าใบหน้าจะยิ้มแย้มแต่เธอก็แอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ เจ้าคนผู้นี้ อย่าให้เธอสบโอกาสนะ ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นศิษย์พี่ก็จะได้เห็นดีกัน!
“ใช่แล้ว พี่สาม ท่านมาหาข้าถึงที่นี่ มีเรื่องอันใดหรือ”
……………………………………….