สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 325 เขาปรากฏตัวแล้ว
“หลี่มู่ เจ้านี่ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก กล้าลงมือสังหารข้า รอให้ข้าขึ้นไปได้ก่อน จะต้องทำให้ตระกูลหลี่ของเจ้าไม่มีวันได้เป็นสุขแน่!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอไม่กังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย เจ้าไก่ฟ้าก็อยู่ภายในเจดีย์วิญญาณ มีเขาอยู่ ที่นี่มิอาจยับยั้งเขาเอาไว้ได้หรอก
“อันที่จริงแล้วถ้าหากเจ้าแค่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าลูกพี่ ข้าก็คงไม่ลงมือสังหารเจ้าหรอก แต่เจ้าไม่ควรให้คนตระกูลซือหม่าทำให้ตระกูลหลี่ของข้าหน้าตายับเยิน ทั้งยังไม่ควรคิดมิดีมิร้ายกับหลานเอ๋อร์ แล้วยิ่งไม่ควรไปล่วงเกินนางด้วย! นางเป็นหญิงที่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดในหัวใจของข้า แต่กลับเกือบจะถูกเจ้าช่วงชิงความบริสุทธิ์ไปเสียนี่ เรื่องนี้มิอาจให้อภัยได้เลย!” หลี่มู่ตะโกนอยู่ข้างบน
“หลานเอ๋อร์? น่าหลานหลานน่ะหรือ” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดความคิดแรกของซือหม่าโยวเย่ว์จึงเป็นน่าหลานหลาน แต่เหมือนกับว่าระยะนี้มิได้ทำเรื่องพรรค์นั้นเลยนี่
“เฮอะ เจ้าไม่สมควรเรียกชื่อหลานเอ๋อร์เสียด้วยซ้ำ!” หลี่มู่ส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา “ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่รอดพ้นวันนี้ไป แต่เจ้าก็ยังมิอาจทำให้ความบริสุทธิ์ของนางแปดเปื้อนไปได้อยู่ดี!”
“ข้าไปเสียมารยาทกับเทพธิดาในใจเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นแววตางงงันของซือหม่าโยวหลินแล้วจึงลูบจมูก
“ตั้งแต่เมื่อใดเจ้าย่อมรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว!” หลี่มู่พูด “เจ้าอย่าคิดจะถ่วงเวลาออกไปอีกเลย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องเป็นวันตายของเจ้าอยู่ดี! ซือหม่าโยวหลิน เดิมทีข้ามิได้คิดจะจัดการเจ้าหรอกนะ แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกระโดดลงไปด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเจ้าก็ร่วมทางสู่นรกไปด้วยกันเสียเถิด”
ซือหม่าโยวหลินรวบรวมปราณวิญญาณแล้วซัดเข้าใส่ฝาปิดด้านบน แต่กลับไม่เกิดผลใดๆ เลย
“ฮ่าๆๆ ปะทะได้ดีนี่!” หลี่มู่ร้องเสียงดังอยู่ด้านบน “เดิมทีข้าคิดจะลงมือเอง แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะชิงลงมือเองเสียก่อนแล้ว ฮ่าๆๆ ลาก่อนนะ!”
ซือหม่าโยวหลินยังไม่ทันเข้าใจความหมายของหลี่มู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของซือหม่าโยวเย่ว์ “ค่ายกลนำส่ง!”
“ค่ายกลนำส่งนี้เตรียมขึ้นมาเพื่อพวกเจ้าโดยเฉพาะ พวกเจ้าไปลงนรกอย่างวางใจเถิดนะ!” น้ำเสียงเจือความลำพองใจและความยินดีที่ประสบความสำเร็จของหลี่มู่ดังมาจากด้านบน
พวกเขาเขี่ยตะไคร่น้ำบนพื้นออก ปรากฏว่าด้านล่างคือค่ายกลนำส่งอันหนึ่งจริงๆ นอกจากนี้เพราะการโจมตีของซือหม่าโยวหลินเมื่อครู่ได้ไปกระตุ้นค่ายกลนำส่งเข้า รัศมีจึงสว่างวาบขึ้นมาในทันใดแล้วโอบล้อมทั้งสองคนเอาไว้
“ไม่รู้ว่าค่ายกลนำส่งนี้จะพาไปที่ไหน” ซือหม่าโยวหลินมองค่ายกลนำส่ง ดูไม่ออกเลยว่าจะพาไปที่ใด
“จะต้องไม่ใช่สถานที่ดีๆ แน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบ ทั้งสองก็หายลับไปจากค่ายกลนำส่ง
ในขณะที่จากไปนั้นเอง ซือหม่าโยวหลินก็โอบกอดซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้ในอ้อมแขน
“หลี่มู่ อย่าให้ข้ามีชีวิตรอดกลับมาก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้ตระกูลหลี่ของเจ้าย่อยยับอย่างแน่นอน!” เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนจะจากไปลอยขึ้นมา
หลี่มู่รออยู่ข้างบนนั้นครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าด้านล่างไม่มีคนอยู่แล้วจึงค่อยเปิดกลไกออก ซึ่งด้านล่างก็ว่างเปล่าไร้ผู้คนดังคาด
“คุณชายหลี่” น่าหลานหลานปรากฏตัวขึ้นในลานบ้าน พลางมองดูหลี่มู่และกับดักนั้นอย่างพรั่นพรึง
“หลานเอ๋อร์ ข้าแก้แค้นให้เจ้าเรียบร้อยแล้วนะ!” หลี่มู่พูด
น่าหลานหลานยกสองมือขึ้นปิดปากพลางร้องอุทานว่า “ซือหม่าโยวเย่ว์เล่า”
“ค่ายกลนำส่งด้านล่างจะพาพวกเขาไปยังสถานที่น่ากลัวที่ข้าเคยบอก ตอนนี้คาดว่าพวกเขาน่าจะอยู่ที่นั่นกันแล้วล่ะ” หลี่มู่กล่าว
“เรื่องนี้… จะมีปัญหาหรือไม่” น่าหลานหลานถาม
“เจ้าวางใจเถิด สาวใช้ของเหยียนลู่เป็นคนพาเขามา พอถึงตอนนั้นก็ให้ตระกูลซือหม่าถามหาคนเอากับตระกูลเหยียนก็แล้วกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเราเสียหน่อย”
หลี่มู่พูดพลางกดปุ่มเปิดปิดกับดัก พื้นของศาลาพักร้อนก็เคลื่อนเข้ามาติดกันอีกครั้ง
“ขอบคุณท่านมาก พี่หลี่” น่าหลานหลานเอ่ยอย่างซาบซึ้ง
“เจ้าจะมาขอบคุณข้าทำไมกันเล่า เจ้ารู้ไว้เลยว่าข้าทำเรื่องนี้ด้วยความเต็มอกเต็มใจอย่างยิ่ง” หลี่มู่พูดแล้วเดินเข้ามากุมมือนางเอาไว้ “หลานเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ความรู้สึกของข้าดี วันนี้ข้าขอถามเจ้าประโยคหนึ่งว่าเจ้ายินยอมจะอยู่ร่วมกับข้าหรือไม่”
เดิมทีคิดว่าจะได้รับคำตอบด้วยท่าทีเขินอายของน่าหลานหลาน แต่น่าหลานหลานกลับดึงมือกลับไป
การชักมือกลับของเธอทำให้หัวใจของหลี่มู่หนาวเหน็บ
“พี่หลี่ ท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง หญิงสาวที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับท่านจะต้องโชคดีมากแน่ แต่ว่าคนผู้นั้นมิใช่หลานเอ๋อร์หรอก พวกเราถูกกำหนดมิให้เดินร่วมทางกัน” น่าหลานหลานพูด
“ทำไมเล่า เป็นเพราะตระกูลน่าหลานอย่างนั้นหรือ” หลี่มู่ถามอย่างกระวนกระวาย
น่าหลานหลานส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่ ถ้าหากเป็นวันอื่นก่อนหน้านี้ก็ยังอาจเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เรื่องของข้ามิได้ถูกกำหนดโดยตระกูลน่าหลานอีกต่อไปแล้ว อีกไม่นานข้าก็ต้องไปจากตระกูลน่าหลานแล้ว”
“ทำไมเล่า เจ้าจะไปไหนหรือ” หลี่มู่เดินขึ้นหน้ามาสองก้าว หมายจะคว้ามือของนางเอาไว้ แต่กลับถูกเธอหลบเลี่ยงอย่างไร้ร่องรอย
“พี่หลี่ ตอนนี้ข้าเป็นคนของตำหนักผู้วิเศษแล้ว” น่าหลานหลานเอ่ย
“เจ้าเข้าสู่ตำหนักผู้วิเศษอย่างนั้นหรือ” หลี่มู่ประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่หลังจากนั้นก็พูดว่า “เข้าสู่ตำหนักผู้วิเศษก็ไม่เป็นไร คนของตำหนักผู้วิเศษก็แต่งงานกับผู้อื่นได้เช่นกัน”
“มิได้เป็นอย่างที่ท่านคิดหรอก” น่าหลานหลานพูด “วันนี้ตำหนักผู้วิเศษของดินแดนเบื้องบนส่งเจ้าตำหนักผู้หนึ่งลงมาพบข้า แล้วบอกว่าจะพาข้าขึ้นไปเบื้องบนเพื่อเป็นนารีทิพย์แห่งตำหนักผู้วิเศษ คนในตระกูลข้าต่างก็เห็นด้วย พรุ่งนี้ข้าก็ต้องจากไปพร้อมกับท่านเจ้าตำหนัก ขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนแล้ว”
“อะไรนะ!” หลี่มู่ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่อยากเชื่อ “พลังยุทธ์ของเจ้ายังไม่เพียงพอแล้วจะขึ้นไปได้อย่างไรกัน”
“ท่านเจ้าตำหนักบอกว่าด้วยร่างกายของข้า เมื่อขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้วพลังยุทธ์ก็จะพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่กี่ปีก็จะบรรลุขั้นวิญญาณ เหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพได้แล้ว” น่าหลานหลานพูด “วันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อบอกเรื่องนี้กับท่าน หมายจะให้ท่านไม่ต้องเสี่ยงตัวเองเพื่อข้า คิดไม่ถึงว่าข้าจะมาสายเกินไป พี่หลี่ เป็นหลานเอ๋อร์เองที่ผิดต่อท่าน ท่านลืมหลานเอ๋อร์เสียเถิดนะ”
พอพูดจบเธอก็วิ่งออกจากลานบ้าน แววเศร้าโศกและขอโทษขอโพยหายไปเป็นปลิดทิ้ง บนใบหน้าไม่แยแสนั้นแฝงแววอมยิ้มอย่างผู้ชนะ
หลี่มู่ยืนงงงันอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
และที่ลาดเขาแห่งหนึ่งไม่ไกลจากเขาภาพมังกร ซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลินก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศ
“ไอ้หยา…”
“ใครเป็นคนติดตั้งค่ายกลนำส่งบ้าบอนี่กัน ช่างไม่มั่นคงเอาเสียเลย โอย ก้นข้า!”
เสียงด่าทอของซือหม่าโยวเย่ว์ดังลอยมา จากนั้นยังมีเสียงอู้อี้ตามมาด้วย
“โยวหลิน” ซือหม่าโยวเย่ว์จึงค่อยนึกถึงซือหม่าโยวหลินขึ้นมาได้ เธอค้นพบอย่างรวดเร็วว่าตนนั่งอยู่บนร่างของเขา จึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วดึงตัวเขาขึ้นมาพลางเอ่ยว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
“สาวน้อย อย่าพูดจาหยาบคายสิ” ซือหม่าโยวหลินลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของเธอแล้วหลุดพูดออกมาประโยคหนึ่ง ทำเอาซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจจนตะลึงงันไป
“เจ้า… เจ้าว่าอะไรนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ปล่อยมือเขาพลางพูดยิ้มๆ
ซือหม่าโยวหลินมองเธอพลางเอ่ยอย่างจริงจังว่า “บนร่างเจ้ามีกลิ่นหอมของหญิงสาวอยู่น่ะสิ”
“หา?” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขา ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงพูดเช่นนี้ออกมา
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะดูเหมือนบุรุษ ส่วนกลิ่นอายบนร่างแม้กระทั่งสัตว์อสูรเทพก็ยังมิอาจแยกแยะได้ แต่ตอนที่เข้าใกล้เจ้าก็ได้กลิ่นหอมจางๆ บนร่างเจ้า นี่เป็นสิ่งที่เจ้ามิอาจซ่อนเร้นได้เลย” ซือหม่าโยวหลินพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตา มองดูสีหน้าจริงจังของซือหม่าโยวหลิน ก่อนจะยักไหล่แล้วถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”
………………………………