สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 329 สัตว์อสูรเหนือเทพมากมาย
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซือหม่าโยวเย่ว์ถึงค่อยฟื้นคืนสติ หมอนเปียกชุ่มเพราะน้ำตาของเธอไปหมดแล้ว
“โยวเย่ว์ เจ้าฟื้นแล้วหรือ” ซือหม่าโยวหลินเห็นเธอฟื้นขึ้นมาจึงเอ่ยถามขึ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์อยากจะเอามือไปนวดหน้าผากตัวเอง แต่กลับพบว่าตนจับมือซือหม่าโยวหลินเข้าเต็มๆ
เธอปล่อยมือ จึงเห็นว่ามือของเขาถูกตนกุมเอาไว้จนกลายเป็นรอยช้ำสีม่วง จึงเอ่ยอย่างขอโทษขอโพยว่า “ขอโทษด้วย กุมมือเจ้าเสียจนเจ็บมือเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก” ซือหม่าโยวหลินยิ้มจางๆ แล้วถามว่า “ตอนนี้เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์ยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไก่ฟ้าเล่า”
“เขาบอกว่าจะไปสำรวจเส้นทาง ก็เลยออกไปแล้วน่ะ” ซือหม่าโยวหลินกล่าว
“อ้อ… ข้าเป็นอะไรไปหรือ” เธอถูบริเวณหว่างคิ้ว หมายจะบรรเทาอาการปวดศีรษะ
“เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าเจ้าเป็นอะไรไป” ซือหม่าโยวหลินถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้าจำได้เพียงว่าได้ยินเสียงคำรามเสียงหนึ่ง หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”
ซือหม่าโยวหลินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นให้เธอฟัง หลังจากที่ได้ยินเสียงเธอตะคอกแล้ว น้ำจากธารน้ำใต้ดินก็ล่าถอยกลับไป ทำให้เธออ้าปากค้าง
“ข้าร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เธอกะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในตัวเอง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อซือหม่าโยวหลินเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอแล้ว ความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ภายในใจจึงเลือนหายไปในทันที
“ที่แท้ก็เป็นเพลิงชาดนี่เองที่ช่วยข้าเอาไว้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่น
“ทำไมหรือ” ซือหม่าโยวหลินถามอย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง
“ข้าจำได้คล้ายว่าตอนนั้นที่ฟื้นขึ้นมา ข้าได้เห็นหนุ่มหล่อคนหนึ่ง แล้วข้ายังเรียกเขาว่าเพลิงชาดอีกด้วย ข้าคิดอยู่ตลอดว่าข้าฝันไป แต่ที่จริงแล้วนั่นคือเรื่องจริง!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างลนลาน
ซือหม่าโยวหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยสีหน้าดำทะมึน เดิมทีคิดว่าเธอไม่สบายตรงไหน หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงได้มีปฏิกิริยาใหญ่โตถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าที่จริงแล้วจะเป็นเพราะเรื่องแค่นี้เท่านั้นเอง
ไม่นานนักเจ้าไก่ฟ้าก็กลับมา บนร่างได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
“เจ้าไก่ฟ้า เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์กระโจนลงจากเตียงในทันใด แล้วมองเจ้าไก่ฟ้าพลางเอ่ยถามขึ้น
“บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้นเองน่า” เจ้าไก่ฟ้าพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์พักผ่อนมาพอสมควรแล้วจึงเก็บเตียงกลับไป ก่อนจะเดินมายังข้างกายเจ้าไก่ฟ้าแล้วดึงแขนของเขามา บาดแผลฉกรรจ์บนนั้นลากยาวตั้งแต่หัวไหล่ลงมาจนถึงข้อมือเลยทีเดียว
“ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบยาวิเศษเม็ดหนึ่งออกมาให้เจ้าไก่ฟ้ากิน หลังจากนั้นจึงหยิบน้ำยาฆ่าเชื้อที่เตรียมเอาไว้ใช้เองในยามฉุกเฉินออกมาล้างบาดแผลของเขาจนสะอาดแล้วโปรยผงยาจำนวนหนึ่งลงไป ก่อนจะพันแผลให้กับเขา
“ใต้เท้าบอกว่าอยากให้เจ้าไปพบสิ่งมีชีวิตที่ถูกสะกดเอาไว้น่ะ ข้าคิดว่าเส้นทางอันตรายเกินไป ก็เลยไปดูลาดเลาให้ก่อน” เจ้าไก่ฟ้าพูด “แต่คิดไม่ถึงว่าเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็ได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว”
“เพลิงชาดอยากให้ข้าไปพบสิ่งมีชีวิตตนนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเพลิงชาดจึงอยากให้เธอทำเช่นนี้
สิ่งมีชีวิตตนนั้นถูกสะกดมานานปีเช่นนี้ แม้กระทั่งท่านอาจารย์ของเธอยังมิอาจเข้าใกล้ได้ แต่เพลิงชาดกลับให้เธอไปพบมันอย่างนั้นหรือ
เขาไม่กลัวสิ่งมีชีวิตตนนั้นจะฟาดเธอจนตายในฝ่ามือเดียวหรือไร
“ใต้เท้าบอกว่าหากไปแล้วจะเป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเองนะ” เจ้าไก่ฟ้าพูด
“ก็ได้” เธอเชื่อว่าเพลิงชาดไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน “แต่เจ้าและท่านอาจารย์ต่างก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้ แล้วข้าจะไปยังสถานที่แห่งนั้นได้อย่างไรเล่า”
“ใต้เท้าบอกว่า เจ้าสนใจแค่การมุ่งหน้าไปก็พอแล้ว” เจ้าไก่ฟ้าถ่ายทอดคำพูดของเพลิงชาด
“จริงๆ เลยนะ มีอะไรก็บอกข้ามาตรงๆ เลยไม่ได้หรืออย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์บ่นพึมพำ หลังจากนั้นจึงมองเจ้าไก่ฟ้าและซือหม่าโยวหลินพลางเอ่ยว่า “ที่นี่ยังดูปลอดภัยมากกว่า พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกันนะ”
“ไม่ได้หรอก” ซือหม่าโยวหลินปฏิเสธทันควัน “ข้างหน้านั่นอันตรายถึงเพียงนั้น แล้วพวกเราจะให้เจ้าไปคนเดียวได้อย่างไรเล่า”
เจ้าไก่ฟ้าพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “นอกจากนี้เมื่อไหร่ที่เจ้าไปจากที่นี่ ก็ไม่แน่ว่าที่นี่จะปลอดภัยอีกต่อไปแล้วด้วย”
เมื่อครู่นี้น้ำจากธารน้ำใต้ดินถอยกลับไปเพราะถูกเธอตวาด ไม่แน่ว่าพอเธอจากไป น้ำแปลกประหลาดเหล่านั้นอาจกลับมาอีกก็เป็นได้
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ ถ้าหากอีกประเดี๋ยวเกิดอันตรายอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ค่อยเก็บตัวพวกเขาเข้าไปในเจดีย์วิญญาณก็ได้ จึงยอมให้เขาติดตามตนไปด้วย
“แต่ว่าตอนนี้พวกเราจะไปทางไหนกันหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดู พวกตนไม่รู้แม้กระทั่งว่าศูนย์กลางอยู่ที่ไหน แล้วจะไปพบสิ่งมีชีวิตตนนั้นได้อย่างไรกันเล่า
“นี่เป็นปัญหาที่ยากเลยทีเดียว” ซือหม่าโยวหลินพูด
“ใช้ใจสัมผัสสิ” เสียงของเพลิงชาดแว่วมาในทันใด
ซือหม่าโยวเย่ว์นิ่งไป จากนั้นจึงหลับตาลงรับสัมผัส ปราณวิญญาณสีดำเหล่านั้นในร่างกายเธอเริ่มโคจรในร่างกายโดยที่เธอไม่รู้เนื้อรู้ตัว กลิ่นอายนั้นแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเธออีกครั้ง
“หืม?” เธอลืมตาขึ้นมองทั้งสองคนพลางเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าได้ยินเสียงนั้นกันแล้วหรือยัง”
“เสียงอะไรหรือ” ซือหม่าโยวหลินและเจ้าไก่ฟ้าต่างส่ายหน้า พวกเขาสัมผัสได้เพียงแค่ไอพลังมืดมิดที่แผ่ออกมาจากร่างของซือหม่าโยวเย่ว์เท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อย
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไปคิดมาแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่คล้ายกับว่าข้าจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตตนนั้นก็ได้ ข้ารู้แล้วว่าจะไปที่นั่นได้อย่างไร ไปกันเถิด”
เธอพาทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง เมื่อพบทางแยกเธอก็หลับตาลงรับสัมผัส หลังจากนั้นจึงชี้ไปยังทางเส้นหนึ่ง ดำเนินไปเช่นนี้กว่าครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นออกมาจากอุโมงค์ทางเดินที่ราวกับเขาวงกต
“ออกจะแปลกอยู่นะ” พวกเขาก้าวออกมาจากเขาวงกตได้ไม่นาน ซือหม่าโยวหลินก็หยุดฝีเท้าลงแล้วเอ่ยขึ้น
“ทำไมหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์หยุดฝีเท้าลงแล้วเอ่ยถาม
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าที่นี่อุณหภูมิต่ำหรอกหรือ” ซือหม่าโยวหลินพูด
ตนเป็นปรมาจารย์วิญญาณ ในร่างมีปราณวิญญาณอยู่ น้อยนักที่จะรู้สึกได้ว่าอากาศร้อนหรือเย็น แต่หลังจากมาถึงที่นี่แล้วเขากลับรู้สึกหนาวเหน็บจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“ข้าไม่เห็นรู้สึกเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางมองเจ้าไก่ฟ้า เจ้าไก่ฟ้าก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะต่ำอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวนะ”
“โยวหลิน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้ามาแล้วยื่นมือไปแตะมือเขาพลางเอ่ยว่า “อุณหภูมิร่างกายเจ้าต่ำยิ่งนัก”
“ที่นี่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อเขาก็เป็นได้นะ” เจ้าไก่ฟ้าพูด
“หรือเจ้าจะไม่…”
“ข้าไม่เป็นไรหรอก ยังไปต่อได้” ซือหม่าโยวหลินขัดจังหวะคำพูดเธอ
“เอ๊ะ อุณหภูมิสูงขึ้นหน่อยแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าอุณหภูมิที่ฝ่ามือของซือหม่าโยวหลินสูงขึ้นเล็กน้อย จึงเอ่ยยขึ้น
ซือหม่าโยวหลินรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมาในทันใด “หลังจากที่เจ้าจับมือข้าเอาไว้ ข้าก็ไม่รู้สึกว่าหนาวถึงเพียงนั้นแล้วล่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปต่อกันเลยดีกว่านะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
จากนั้นเธอจึงจูงมือซือหม่าโยวหลินเดินต่อไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ซือหม่าโยวหลินสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของฝ่ามือ จึงรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา
“พวกเจ้าดูสองข้างทางสิ” ทันใดนั้นเจ้าไก่ฟ้าก็ชี้กำแพงอันมืดสลัวพลางเอ่ยขึ้น
ซือหม่าโยวเย่ว์และเจ้าไก่ฟ้าถือลูกไฟเข้าไปใกล้กำแพง หลังจากเห็นสิ่งที่อยู่บนกำแพงอย่างชัดเจนแล้วต่างก็ตกใจจนร่นถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรวิเศษมากมายถึงเพียงนี้เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ภายในกำแพงทั้งสองด้าน สัตว์อสูรวิเศษแต่ละตัวอยู่ภายในผลึกหินอย่างเงียบสงบราวกับถูกผนึกเอาไว้ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีกลิ่นอายใดแผ่ออกมาเลย
“สัตว์อสูรวิเศษเหล่านี้ ระดับขั้นต่ำที่สุดก็เป็นสัตว์อสูรเหนือเทพกันทั้งสิ้น” เจ้าไก่ฟ้าพูดพลางมองสัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้น
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ดูไม่ออก แต่ก็เชื่อคำพูดของเจ้าไก่ฟ้า
“ดินแดนอี้หลินมิได้มีสัตว์อสูรเหนือเทพเพียงน้อยนิดหรอกหรือ แล้วที่นี่มีมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวหลินพูด
“ข้าว่า เจ้าพวกนี้น่าจะเป็นสัตว์อสูรยาม”
………………………………..