สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 331 เสี่ยงต่อการระเบิดตลอดเวลา
หมอกดำพลุ่งพล่านอยู่ภายในถ้ำ แต่กลับอยู่ภายในอาณาบริเวณหนึ่งตลอด มิได้ออกมา
เมื่อได้ยินวาจาของซือหม่าโยวเย่ว์ หมอกดำนั้นก็ยิ่งพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีก
“ข้าคือใครหรือ” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มานานจนนึกไม่ออกแล้วละ”
“เจ้าถูกสะกดเอาไว้ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นหมอกดำนั้นแล้วจึงถามอย่างหวาดหวั่นอยู่บ้าง
“นานเท่าใด ข้าก็จำไม่ได้” หมอกดำพูด “ข้าไม่เห็นเดือนเห็นตะวันภายนอกเลยเสียด้วยซ้ำ ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วว่าผ่านไปกี่ปี บางทีอาจจะหลายพันปี หรืออาจจะหลายหมื่นปีก็เป็นได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวใจบีบรัด ถูกสะกดมานานขนาดที่ตัวเองยังจำไม่ได้ว่าผ่านมานานเพียงใดแล้ว นี่จะต้องผ่านวันคืนอันยาวนานสักเพียงใดกัน!
“ข้าคือใครหรือ ที่แท้แล้วข้าอยู่ที่นี่มานานเพียงใดแล้ว”
หมอกดำนั้นทวนคำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน มวลหมอกปั่นป่วนขึ้นมาคล้ายกับถูกใครกวนอย่างไรอย่างนั้น ภายในถ้ำมีลมพายุกระโชกขึ้นมาในทันใด ราวกับจะพัดให้ซือหม่าโยวเย่ว์กระเด็นไป
โครงกระดูกตรงหน้าหมอกดำเหล่านั้นถูกลมหอบขึ้นมากระแทกกับกำแพงจนกลายเป็นผุยผงไปในทันmu
สีหน้าซือหม่าโยวเย่ว์ซีดขาว ถ้าหากเป็นตัวเธอที่กระแทกกับกำแพงแทน จะถึงตายเลยหรือไม่!
เธอยกสองมือขึ้นกันเอาไว้ด้านหน้าแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ผู้อาวุโส ท่านก็คือท่าน! ไม่ว่าท่านจะชื่ออะไร เคยมีตัวตนเช่นไร สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญคือ ท่านก็คือท่าน!”
“ข้าก็คือข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงนั้นสงบลงมา ลมพายุก็บรรเทาลงด้วย “ข้าก็คือข้า ข้าก็คือข้า… เจ้าพูดได้ถูกต้อง ข้าก็คือข้า”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นหมอกดำนั้นเริ่มสงบ จึงคลายแขนลง
เธอยังอยากถามว่าเพราะเหตุใดเขาจึงถูกกักขังเอาไว้ที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะพูดไปแค่ประโยคสองประโยคเขาก็อาละวาดเสียแล้ว เธอจึงไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งที่เหลืออีก
“เจ้าขยายเปลวเพลิงให้ใหญ่อีกหน่อยสิ” หมอกดำพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร แต่ก็รู้ว่าตนไม่อาจต้านทานได้ จึงรวบรวมเปลวไฟขึ้นมาอีกกองอย่างเชื่อฟัง แล้วส่งไปตรงหน้าหมอกดำ
“ไฟ…” หมอกดำมองดูเปลวเพลิงอย่างตะลึงงัน จนทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์เผลอคิดไปชั่วขณะว่าเขาวิปลาสไปเสียแล้ว
แต่เธอก็ไม่กล้าขัดจังหวะความคิดเขา ไม่อย่างนั้นหากเกิดพายุคลั่งขึ้นอีกรอบเธอต้องตายแน่
ผ่านไปครู่ใหญ่ คล้ายว่าหมอกดำดูจนพอใจแล้ว จึงแบ่งเปลวเพลิงออกเป็นกองเล็กๆ แล้วกระจายไปรอบทิศ
บางทีกองเพลิงอาจทำให้เขานึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงไม่ทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์หวาดหวั่น
“ผู้อาวุโส ใช่ท่านหรือไม่ที่นำข้ามาที่นี่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่แล้ว” หมอกดำพูด “กลิ่นอายบนร่างเจ้าเหมือนกับของข้าเป็นอย่างยิ่งจนข้ารู้สึกได้”
ขณะนี้ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็รู้สึกได้เช่นกันว่าไอพลังมืดมิดบนร่างของตนนั้นคล้ายคลึงกับของหมอกดำอยู่พอสมควรจริงๆ
“เอ๊ะ เหตุใดข้าจึงต้องนำตัวเจ้ามาที่นี่ด้วยเล่า” หมอกดำสับสนอีกแล้ว
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างซาบซึ้งใจ
“อือ เจ้าก็สมควรขอบคุณข้าอยู่หรอก ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเจ้าก็คงตายกันหมดแล้ว” หมอกดำพูด
“พวกเราหรือ”
“มีสัตว์อสูรน้อยตนหนึ่งที่เคยเข้ามาที่นี่เมื่อคราวก่อนแล้วใช่หรือไม่ ข้ายังจำกลิ่นอายของเขาได้อยู่เลย” หมอกดำพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใจแล้ว สัตว์อสูรน้อยที่เขาพูดถึงก็คือเจ้าไก่ฟ้านั่นเอง เมื่อนึกถึงว่าสัตว์อสูรเหนือเทพตนหนึ่งอย่างเขากลับถูกเรียกว่าสัตว์อสูรน้อย ในใจเธอก็นึกอยากหัวเราะขึ้นมา
“ขอบคุณผู้อาวุโส” ซือหม่าโยวเย่ว์ขอบคุณอีกครั้ง
“เจ้าอยากพบข้าหรือ” หมอกดำพูด
“หืม” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจ อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพูดได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน
“ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าอยากพบข้า และบนกายเจ้ายังมีกลิ่นอายที่ข้าคุ้นเคยอยู่อีกด้วย ดังนั้นข้าจึงให้เจ้ามาน่ะ” หมอกดำพูด
“ผู้อาวุโสให้ข้ามาอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างตกใจ
“ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะเดินมาได้ไกลสักแค่ไหนกันเล่า” หมอกดำส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชา
ซือหม่าโยวเย่ว์นึกขึ้นมาได้ว่าทั้งมารเฒ่าและเจ้าไก่ฟ้าต่างก็เคยบอกว่าเบื้องล่างกลไกแน่นหนา อันตรายเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่พวกตนมาถึงแล้วกลับมิได้พบเจออันตรายมากสักเท่าใดนัก ที่แท้เป็นเพราะหลังจากที่เขาสัมผัสกลิ่นอายของตนได้แล้ว จึงควบคุมสิ่งอันตรายเหล่านั้นเอาไว้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังได้รับบาดแผลเต็มตัว ถ้าหากไม่มีเขา เกรงว่าพวกตนคงมาไม่ถึงอุโมงค์แรงโน้มถ่วงเลยเสียด้วยซ้ำ
“แต่เจ้าก็ยังนับว่าไม่เลวเลยนะ” หมอกดำพูด “เดินผ่านอุโมงค์แรงโน้มถ่วงมาได้กว่าครึ่งโดยไม่ส่งเสียงอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ขอบคุณคำชื่นชมและความช่วยเหลือของผู้อาวุโสมาก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าไม่ควรขอบคุณข้าหรอกนะ ควรจะขอบคุณกลิ่นอายนั่นในร่างกายเจ้ามากกว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะมัน ต่อให้ข้านำตัวเจ้ามา ก็กลัวเพียงแต่ว่าเจ้าจะกลายเป็นเช่นเดียวกับโครงกระดูกเหล่านั้นน่ะสิ” หมอกดำพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองโครงกระดูกที่สุมกันเป็นกองเหล่านั้นพลางเอ่ยว่า “พวกนี้คือคนที่หลงทางเข้ามาเช่นเดียวกับข้ากันหมดเลยหรือ”
“มีบางส่วนที่ใช่ และบางส่วนที่ไม่ใช่” หมอกดำเอ่ย “มีจำนวนไม่น้อยที่มาเพื่อกวนใจข้า มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่เป็นคนของดินแดนแห่งนี้ แต่ข้าจะปล่อยให้คนมากวนใจได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ในเมื่อมาทั้งที ก็อยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่กันให้หมดเลยแล้วกัน! ฮ่าๆๆ…”
ซือหม่าโยวเย่ว์ขนลุกขนพองกับเสียงหัวเราะของเขาอยู่บ้าง รู้สึกว่าตนราวกับเป็นหนึ่งในโครงกระดูกเหล่านั้นก็มิปาน
เธอมองโครงกระดูกเหล่านั้นอีกครั้ง ที่แท้แล้วคนเหล่านี้มิใช่ผู้ที่หลงทางเข้ามาทั้งหมด ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ที่บุกเข้ามาหาเขา แต่น่าเสียดายที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ในท้ายที่สุด
คนเหล่านั้นจะต้องคิดไม่ถึงว่าเขาผู้ที่ถูกกักขังเอาไว้ที่นี่จะมีความร้ายกาจอะไรบ้าง!
“ว่ามาสิ เจ้ามาหาข้าเพราะอยากทำสิ่งใด” หมอกดำยังคงบ้าคลั่งอยู่บ้าง ถึงขนาดที่มีกลุ่มหมอกแยกตัวออกมาจากร่างเดิม แล้ววนเวียนไปมาอยู่รอบถ้ำ ดูคล้ายคลึงกับหมอกดำที่พวกเขาพบในตอนแรก
หมอกดำเหล่านั้นลอยไปลอยมาอยู่รอบตัวเธอ ซือหม่าโยวเย่ว์กลัวจนไม่กล้าหายใจ เกรงว่าหากตนหายใจแรงเกินไป หากไปสัมผัสถูกหมอกดำเหล่านั้นเข้าโดยไม่ระวัง ตนก็อาจจะกลายเป็นผุยผงได้
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาหาท่านเพราะเหตุใด” ซือหม่าโยวเย่ว์สารภาพตามตรง
เพลิงชาดเพียงแค่ให้เธอมาพบเขา แต่มิได้บอกว่าหลังจากพบเขาแล้วให้ทำอะไรต่อ หรือร้องขออะไร
“หืม แล้วเหตุใดเจ้าจึงอยากพบข้าเล่า” หมอกดำพูดอย่างสงสัย หมอกดำเหล่านั้นก็หัวเราะคลอไปด้วย ก่อให้เกิดเสียงหวีดแหลมออกมา
“ข้าเพียงแค่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน ก็เลยมาที่นี่น่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน…กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน…” หมอกดำพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน จึงพูดอย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง “กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน มีเพียงตระกูลเดียวกับข้าเท่านั้นจึงจะมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกันได้”
พอพูดจบ หมอกดำกลุ่มหนึ่งก็เจาะทะลุเข้าสู่ร่างกายของเธอโดยไม่รอให้ซือหม่าโยวเย่ว์ตอบสนอง
ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าตนเองคล้ายกับถูกแช่แข็งอย่างฉับพลัน ร่างกายไม่ฟังคำสั่งของตนอีกแล้ว รู้สึกได้เพียงว่ากลิ่นอายอันเยียบเย็นขุมหนึ่งไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของตน
“ประหลาด ประหลาดยิ่งนัก!” หลังจากที่หมอกดำโคจรไปทั่วร่างกายแล้วก็ส่งเสียงจุ๊ๆ อย่างตกใจ
“ผู้… ผู้อาวุโส มีสิ่งใด มีสิ่งใดแปลกประหลาดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์หนาวจนฟันกระทบกัน ถึงขนาดที่พูดไม่เป็นประโยคแล้ว
หมอกดำไม่เอ่ยวาจา เพียงแค่สำรวจร่างกายของเธอต่อไปเท่านั้น อีกครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”
“สวบ…”
หมอกดำออกจากร่างกายของเธอ เธอจึงค่อยรู้สึกราวกับได้มีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
“ร่างมารสว่าง คิดไม่ถึงว่าบนโลกจะยังมีกายเช่นนี้หลงเหลืออยู่ด้วย” หมอกดำโคจรรอบตัวซือหม่าโยวเย่ว์ “แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ร่างกายนี้ของเจ้าอันตรายนัก ก่อนหน้านี้ถูกกลิ่นอายของข้ากระตุ้น ร่างกายของเจ้าจึงเสี่ยงต่อการระเบิดได้ตลอดเวลา”
………………………………….