สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 353 ได้พบเจ้าหุบเขาน้อย
“ท่านปู่น้อยมอบของสิ่งใดให้พวกเราหรือ” กัวเลี่ยงถาม
สิ่งของที่นำลงมาจากเบื้องบน ต่อให้ย่ำแย่สักเพียงใดก็ยังดีกว่าของในดินแดนแห่งนี้ แต่สิ่งของจากหุบเขามารเทพจะย่ำแย่ได้ด้วยหรือ
อวิ๋นอีเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของกัวเลี่ยงจึงเอ่ยว่า “ร้อนรนอะไรกัน โตจนป่านนี้แล้วยังมีนิสัยเช่นนี้อยู่อีก!”
“แหะๆ” กัวเลี่ยงยกมือขึ้นเกาท้ายทอยพลางเอ่ยว่า “พี่อวิ๋นอี้ ท่านชอบยั่วน้ำลายข้าอยู่เสมอเลยนี่นา”
“ไม่มีอะไรมากไปกว่ายาวิเศษและอาวุธวิญญาณจำนวนหนึ่ง รวมทั้งค่ายกลแบบใช้ครั้งเดียว ของอย่างอื่นพวกเจ้าคงใช้ประโยชน์ไม่ได้หรอก” อวิ๋นอี้หยิบแหวนเก็บวัตถุวงหนึ่งออกมามอบให้กัวเพ่ยเพ่ยพลางเอ่ยว่า “สิ่งของอยู่ในนี้ทั้งหมดเลย!”
กัวเพ่ยเพ่ยรับเอาแหวนเก็บวัตถุมาแล้วใส่พลังจิตเข้าไป เมื่อเห็นสิ่งของภายในนั้นแล้วก็ตกตะลึงไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติกลับคืนมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านปู่น้อยเป็นคนหุบเขานอก เหตุใดจึงมีของดีมากมายถึงเพียงนี้ได้เล่า”
“คราวก่อนท่านปู่น้อยของเจ้าสร้างความดีความชอบ สิ่งของในคราวนี้น่าจะเป็นรางวัลที่ข้างในหุบเขามอบให้แก่เขากระมัง นอกจากนี้ตอนที่ข้าจากมายังได้ยินว่า ท่านปู่น้อยของพวกเจ้าอาจจะได้กลายเป็นศิษย์หุบเขาในแล้วด้วย” อวิ๋นอี้พูด
“จริงหรือ!”คนตระกูลกัวได้ฟังข่าวนี้แล้วต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ ถ้าหากท่านปู่น้อยของพวกเขาเข้าไปยังหุบเขาในได้ เช่นนั้นสถานะของตระกูลพวกเขาก็จะยกระดับสูงขึ้นไปได้ด้วยเช่นกัน
อวิ๋นอี้พยักหน้า
“ช่างดีเสียจริง!” กัวฝูกระโดดตัวลอยอย่างตื่นเต้น
อวิ๋นอี้เห็นท่าทางเบิกบานใจของพวกเขาแล้วก็เบนสายตาไปอีกทางพลางถามว่า “คนเหล่านี้มิใช่คนตระกูลพวกเจ้าหรอกหรือ”
“ดูสิ ข้าลืมแนะนำให้พวกท่านรู้จักไปเลย” กัวเพ่ยเพ่ยตบหน้าผากแล้วเอ่ยว่า “คนเหล่านี้คือสหายที่พวกเราเพิ่งรู้จักเมื่อวาน นี่คือเว่ยจือฉี โอวหยางเฟย เจ้าอ้วน เป่ยกงถัง เสี่ยวถู ซือหม่าโยวเล่อ และซือหม่าโยวเย่ว์”
เมื่อได้ยินชื่อซือหม่าโยวเย่ว์ อวิ๋นอี้ก็เอ่ยด้วยแววตาเปล่งประกายว่า “ซือหม่าโยวเย่ว์แห่งดินแดนอี้หลินอย่างนั้นหรือ”
“พี่อวิ๋นอี้ ท่านรู้จักเขาด้วยหรือ” พวกกัวเพ่ยเพ่ยตกตะลึงกันเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนพวกตนจะยังไม่ได้แนะนำเลยว่ามาจากดินแดนอี้หลิน
อวิ๋นอี้เห็นแหวนบนนิ้วมือซือหม่าโยวเย่ว์แล้วหยุดชะงัก ก่อนจะทำความเคารพเธอพลางเอ่ยว่า “ศิษย์หุบเขาอวิ๋นอี้คารวะเจ้าหุบเขาน้อย”
การทำความเคารพของเขาทำให้ทุกคนในที่นั้นพรั่นพรึงไป แต่ละคนพากันมองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์
“เอ่อ… ลุกขึ้นเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบจมูก พูดเช่นนี้คงไม่เลวกระมัง
“ขอบคุณเจ้าหุบเขาน้อย” อวิ๋นอี้เหยียดกายตรง พลางมองประเมินซือหม่าโยวเย่ว์
“พี่อวิ๋นอี้ ท่าน… ท่านเรียกเขาว่าเจ้าหุบเขาน้อยอย่างนั้นหรือ” กัวฝูมองคนทั้งสองอย่างไม่กล้าเชื่อ
“ใช่แล้ว เขาก็คือหนึ่งในสองเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพ” อวิ๋นอี้พูด
“แต่พวกโยวเย่ว์มิได้มาจากดินแดนอี้หลินหรอกหรือ เหตุใดจึงเป็นเจ้าหุบเขาน้อยไปได้เล่า” กัวเลี่ยงถาม
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน ท่านเจ้าหุบเขารองกลับมาแล้วประกาศว่าหาตัวผู้สืบทอดพบแล้ว และแหวนโลหิตก็ยอมรับเขาแล้วด้วย ในภายหน้าเขาก็คือเจ้าหุบเขาน้อยของพวกเราแล้วล่ะ” อวิ๋นอี้พูด “ขอเพียงแค่พบเจอเจ้าหุบเขาน้อย คนระดับผู้อาวุโสลงมาของหุบเขามารเทพล้วนต้องทำความเคารพทั้งสิ้น”
“โอ้โห ที่แท้โยวเย่ว์ก็เป็นเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพ หากเป็นข้า คงได้ใช้สถานะนี้ในทางที่ผิดแน่! ในภายหน้าเมื่อเจ้าขึ้นไปยังเบื้องบน จะยังมีใครกล้ารังแกเจ้าอีกเล่า!” กัวเลี่ยงหัวเราะเสียงดังลั่น
แม้กระทั่งคนตระกูลอวิ๋นก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพที่นี่ สำหรับพวกเขาแล้วหุบเขามารเทพคือขุมอำนาจที่ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหุบเขาน้อยผู้นั้นยิ่งควรจะลึกลับยากหยั่งถึง ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา จึงพากันอึดอัดเป็นยิ่งนัก
บรรยากาศที่กลมกลืนกันในตอนแรกเริ่มเกร็งขึ้นมา โดยเฉพาะคนตระกูลกัวที่ต่างไม่รู้ว่าจะคบหากับพวกเขาต่อไปได้อย่างไรแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้ายังไม่เคยไปที่หุบเขามารเทพมาก่อนเลย ไม่รู้เช่นกันว่าที่นั่นเป็นอย่างไร ตำแหน่งเจ้าหุบเขาน้อยนี่ก็แค่ตั้งขึ้นมาลอยๆ เท่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเราเป็นเช่นไร ต่อไปก็ต้องเป็นเหมือนเดิม พวกเจ้าเป็นเช่นนี้ทำให้ข้าไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยนะ”
“แหะๆ ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน” กัวเลี่ยงพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์มองอวิ๋นอี้ ทันใดนั้นก็นึกถึงกฎเกณฑ์ของที่นี่ขึ้นมาได้ จึงเอ่ยอย่างตกใจว่า “อวิ๋นอี้ เจ้ายังอายุไม่ถึงร้อยปีกระมัง”
“เอ่อ… ปีนี้ข้าอายุเก้าสิบปีแล้วขอรับ” อวิ๋นอี้เอ่ย
“เจ้ายังไปไม่ถึงระดับเทพ ก็ไปยังหุบเขามารเทพแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ขอรับ” อวิ๋นอี้ตอบ
“ความสามารถในการรับสัมผัสห้วงมิติของพี่อวิ๋นอี้แข็งแกร่งเป็นที่สุด ได้พบกับผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ไปยังดินแดนไร้กลิ่นอายเข้าโดยบังเอิญ ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นปรมาจารย์ค่ายกลพอดี เมื่อเห็นพรสวรรค์ของพี่อวิ๋นอี้ จึงพาเขาไปยังหุบเขามารเทพ พี่อวิ๋นอี้ขึ้นไปสามสิบกว่าปีแล้ว” กัวเพ่ยเพ่ยพูดอธิบาย
อายุเก้าสิบปี…
ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงคนอายุเก้าสิบปีบนโลกใบเดิมขึ้นมา เมื่อมองดูคนอายุเก้าสิบปีตรงหน้าผู้นี้อีกครั้ง ในใจก็รำพึงว่ามิใช่โลกแห่งเดียวกันเอาเสียเลย คนอายุเก้าสิบปีที่นี่รู้สึกเหมือนชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ส่วนอายุเก้าสิบปีที่นั่นใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตแล้ว
“แหะๆ พูดแบบนี้ หากนับอายุเราบนโลกใบเดิมในตอนนี้ ก็อายุแค่ไม่กี่ขวบเองสินะ” เธอมีความสุขอยู่ในใจ
“บรู๊วววว…”
หมาป่าหิมะบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามส่งเสียงเห่าหอนขึ้นมาในทันใด ทำให้ทุกคนสะดุ้งตัวลอย
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหมาป่าหิมะตนนี้จึงได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“มันกำลังร้องเรียกพรรคพวกอยู่น่ะสิ!” เว่ยจือฉีพูด
“คาดว่ามันคงจะเห็นว่าที่นี่มีคนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงรู้สึกถึงอันตราย เลยร้องเรียกพรรคพวกกระมัง” กัวเพ่ยเพ่ยกล่าว
“แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งล้ำค่าอะไรเลยนะ!” ซือหม่าโยวเล่อพูด
เสี่ยวถูดึงชายเสื้อซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “พี่ชาย ข้าสัมผัสได้แล้วว่าที่นี่มีสิ่งล้ำค่าอยู่”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคือสิ่งใด” เจ้าอ้วนชวีถาม
เสี่ยวถูส่ายหน้าแล้วชี้ไปยังบริเวณลึกลงไปหลายสิบเมตรเบื้องล่างหน้าผาพลางเอ่ยว่า “ภายในก้อนหินสักแห่ง”
“ภายในก้อนหิน… หรือจะเป็นดอกกระดูกศิลาเล่า” มีคนตระกูลอวิ๋นเอ่ยขึ้น
“ดอกกระดูกศิลานั้นมิได้มีแต่ในตำนานเล่าขานเท่านั้นหรอกหรือ” ทุกคนตื่นตระหนก
“โยวเย่ว์ ดอกกระดูกศิลานี้คือสิ่งล้ำค่าอันใดหรือ” เจ้าอ้วนชวีเห็นท่าทีตกอกตกใจของทุกคนแล้วดูเหมือนว่าจะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ไม่รู้จัก ทำหน้าตาไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ดอกกระดูกศิลา ปลุกคนตายให้ฟื้น เพิ่มเลือดเนื้อให้โครงกระดูกได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เฮือก…” พวกซือหม่าโยวเล่อสูดลมหายใจ บนโลกมีพืชพรรณเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ
“ในตำราโบราณบันทึกเอาไว้ว่าถึงแม้เจ้าจะสิ้นชีพไปแล้ว เพียงแค่กินดอกกระดูกศิลาลงไป เจ้าก็กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีก” กัวเพ่ยเพ่ยเอ่ยเสริม
“ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ!” เจ้าอ้วนชวีพูด “สิ่งล้ำค่าที่สำคัญถึงเพียงนี้ พวกเราควรนำมาสำรองเอาไว้หรือไม่”
“ดอกกระดูกศิลานี้มิอาจได้มาอย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ดอกกระดูกศิลาอายุมากนั้นสร้างวิญญาณขึ้นมาได้ และเคลื่อนไหวเองได้ เพราะถือกำเนิดขึ้นมาภายในก้อนหิน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าเจ้ายังมองไม่เห็นมัน แต่มันอาจจะหายไปแล้วก็ได้”
“อยู่ภายในก้อนหินแล้วเคลื่อนไหวได้อย่างไรกันเล่า”
“หนอนในดินโคลนเคลื่อนไหวเช่นไร มันก็เคลื่อนไหวเช่นนั้นได้ภายในก้อนหิน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ไม่นานนักหมาป่าหิมะจำนวนไม่น้อยก็แห่กันมาเป็นฝูง ตั้งทัพเตรียมพร้อมทั้งบนยอดเขาและเบื้องล่างหน้าผา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเห็นว่ามีสัตว์อสูรเทพมากันมากมายเช่นนี้จึงรีบล่าถอยไป ไม่เห็นของสิ่งนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่
ในขณะนี้เอง ไอหอมระลอกแล้วระลอกเล่าก็แผ่ออกมา กลิ่นหอมนั้นทำให้คนที่เตรียมตัวจะจากไปเหล่านั้นหยุดฝีเท้าลง
สิ่งที่แผ่กลิ่นหอมเช่นนี้ออกมาได้ จะต้องมิใช่สิ่งล้ำค่าธรรมดาอย่างแน่นอน!
ทางนี้ก็รับรู้ได้เช่นกัน หลังจากได้กลิ่นหอมแล้วจึงร้องเสียงดังขึ้นมาในทันใด “ดอกกระดูกศิลา นี่ต้องเป็นกลิ่นหอมของดอกกระดูกศิลาอย่างแน่นอน!”
…………………………………….