สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 354 ช่วงชิงดอกกระดูกศิลา
“ดอกกระดูกศิลาคือดอกไม้อะไรหรือ” คนที่มากับคนผู้นั้นเอ่ยถาม
“ดอกกระดูกศิลา…”
คนผู้นั้นบอกประโยชน์ของดอกกระดูกศิลาให้เพื่อนของตนฟังอย่างตื่นเต้น แต่กลับไม่อยากให้ผู้คนโดยรอบได้ยินไปด้วย
เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินว่านี่คือสิ่งล้ำค่าในตำนาน แต่ละคนจึงไม่หนีอีกต่อไป สายตาอันร้อนรุ่มจับจ้องหน้าผาแห่งนั้น ดูว่าจะค้นหาดอกกระดูกศิลาออกมาได้หรือไม่
“ท่านพี่ หมาป่าหิมะเหล่านี้มีพลังยุทธ์มิใช่น้อยเลย พวกเราจะไปต่อสู้กับมันหรือไม่” อวิ๋นเฟิงมิได้หน้ามืดตามัวเพราะดอกกระดูกศิลา จึงเอ่ยถามอวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้มองซือหม่าโยวเย่ว์โดยไม่เอ่ยวาจา
ซือหม่าโยวเย่ว์ถูกมองด้วยสายตาเป็นปริศนา หลังจากนั้นจึงค่อยเข้าใจว่าตอนนี้อวิ๋นอี้เป็นคนของหุบเขามารเทพ จึงจำเป็นต้องขอความเห็นเธอในการตัดสินใจ
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก พวกเจ้าอยากจะทำเช่นไรก็ทำเลย” เธอยักไหล่พลางพูดขึ้น
“เจ้าหุบเขาน้อยไม่อยากไปต่อสู้หรือ” อวิ๋นอี้ถาม
“เจ้าอย่าเรียกข้าว่าเจ้าหุบเขาน้อยเลย เรียกข้าว่าโยวเย่ว์ก็พอแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์โบกมือ ไม่ชินที่ผู้อื่นเรียกเธอเช่นนี้เอาเสียเลย “ดอกกระดูกศิลาปรากฏขึ้นมาทั้งที ก็ย่อมอยากได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก แต่ละคนอาศัยความสามารถของตัวเอง ใครได้ไปก็เป็นของคนนั้น”
ถึงแม้ว่าคนตระกูลอวิ๋นจะรู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์เป็นเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพ แต่ในใจก็ยังคงไม่เชื่อมั่นในพลังยุทธ์ของพวกเขาสักเท่าไรนัก ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากดินแดนอี้หลิน ความสามารถของดินแดนนี้ด้อยกว่าดินแดนอื่นๆ ไม่ใช่น้อยเลย
แม้กระทั่งหัวใจของอวิ๋นอี้เองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าหุบเขาน้อยแห่งหุบเขามารเทพ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับเขา ตนก็ยังต้องช่วยเหลือเขาอยู่ดี
มีเพียงคนตระกูลกัวเท่านั้นที่เชื่อมั่นว่าซือหม่าโยวเย่ว์มิได้คุยโว พวกเขามีความสามารถพอจะไปช่วงชิงอย่างแท้จริง
“เย่ว์เย่ว์ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าไปช่วยเจ้าขุดดอกกระดูกศิลาออกมาไม่ดีหรือ!” หลิงหลงพูดพลางดึงผมซือหม่าโยวเย่ว์
“เจ้าแน่ใจหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามข้ามศีรษะไป
“แน่นอนสิ!” หลิงหลงตบหน้าอกตนเองแล้วเอ่ยว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว ข้าจะต้องชิงดอกกระดูกศิลากลับมาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”
ตอนที่นางอยู่ในเจดีย์วิญญาณได้เห็นพวกเจ้าคำรามน้อยทำเรื่องต่างๆ มากมายให้กับซือหม่าโยวเย่ว์ คิดอยู่ตลอดว่าจะทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงถึงการดำรงอยู่ของตน ในเมื่อคราวนี้ได้พบกับนางแล้ว ย่อมต้องแสดงฝีมือให้เต็มที่
“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อยล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าเห็นพวกเขาไม่ไป ซือหม่าโยวเย่ว์จึงพาพวกเขาไปหาสถานที่แห่งหนึ่งนั่งพักผ่อน ตระกูลกัวและตระกูลอวิ๋นกำลังหารือแผนการอยู่ด้วยกัน ดูว่าทำอย่างไรจึงจะช่วงชิงดอกกระดูกศิลาจากในมือผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ได้
ครึ่งวันต่อมา หมาป่าหิมะบนภูเขาตนนั้นก็ลุกขึ้นมาอย่างฉับพลันแล้วหอนไปกลางอากาศเสียงหนึ่ง กลิ่นหอมที่เข้มข้นยิ่งขึ้นลอยมาเตะจมูก
“ดอกกระดูกศิลาบานทั้งหมดแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หลิงหลง เจ้าระวังตัวหน่อยนะ อย่าได้รับบาดเจ็บล่ะ หากไม่ไหวก็เรียกพวกเราไปช่วย”
“ข้ารู้แล้ว เย่ว์เย่ว์ เจ้ายกให้ข้าจัดการเถิด!” หลิงหลงพูดพลางบินขึ้นมาจากบนบ่าเธอ พร้อมออกไปโจมตีตลอดเวลา
“ดอกไม้บานแล้ว!” ผู้คนที่อยู่ไกลออกไปเห็นกลีบดอกไม้สีขาวที่ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันระหว่างหน้าผาฝั่งตรงข้าม จึงร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
สีของดอกกระดูกศิลากับสีของก้อนหินดูคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงบริเวณกลางดอกเท่านั้นที่เป็นสีขาว ดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษบนหน้าผา
“ไป!” อวิ๋นอี้ตะโกนแล้วนำคนตระกูลอวิ๋นบินตรงไปทางนั้น คนตระกูลกัวรีบติดตามไป กัวเพ่ยเพ่ยไปถึงที่นั่นแล้วก็ปะทะเข้ากับสัตว์อสูรเทพขั้นห้าตนหนึ่ง
คนอื่นเห็นเช่นนี้แล้วก็ไม่ยอมน้อยหน้า แต่ละคนบินตรงเข้าไปหาดอกกระดูกศิลา แล้วถูกหมาป่าหิมะตนแล้วตนเล่าสกัดเอาไว้ระหว่างทาง
ซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ห่างจากสนามการต่อสู้ เห็นคนจำนวนไม่น้อยถูกสัตว์อสูรเทพล้างผลาญจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
ภาพเหตุการณ์อันชุลมุนวุ่นวายนี้คล้ายคลึงกับตอนช่วงชิงผลอสรพิษทองคำที่เทือกเขาผู่สั่วในตอนนั้นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนั้นพวกตนก็ชมอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกัน
ความจริงแล้วในเวลาเช่นนี้หากไม่มีพลังยุทธ์มากพอ หากเข้าไปร่วมด้วยก็เท่ากับไปให้เขาทำลายล้างเปล่าๆ
แต่คนเหล่านั้นกลับไม่เป็นกังวลเลย คิดอยู่ตลอดว่าตนก็มีหวังจะได้รับส่วนแบ่งบ้าง ไม่แน่ว่าอาจคว้าส่วนที่เล็ดลอดออกมาก็เป็นได้ อาศัยจังหวะที่ผู้อื่นไม่ระวังแล้วช่วงชิงสิ่งล้ำค่ามาจากมือ
เมื่อเห็นคนตายไปอย่างต่อเนื่อง พวกเจ้าอ้วนชวีต่างรู้สึกว่าโชคดี ยังดีที่พวกเขามิได้บุกตรงเข้าไป ไม่อย่างนั้น เพราะด้วยพลังยุทธ์ของพวกเขาแล้วอาจจะรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
หลังจากการต่อสู้เริ่มต้นได้ไม่นาน หลิงหลงก็บินออกไปแล้ว ด้วยร่างกายอันเล็กจ้อยและมิได้มีลักษณะพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นนางเลย
นางลดเลี้ยวไปมา คอยหลบเลี่ยงระลอกผลกระทบจากการต่อสู้เหล่านั้น เข้าใกล้ดอกกระดูกศิลาอย่างช้าๆ
ถึงแม้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมิได้ไปด้วย แต่เธอก็คอยสังเกตหลิงหลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นนางกระแทกคนที่เข้าใกล้นางจนลอยกระเด็น มุมปากจึงอดกระตุกมิได้
“ดูท่าทางต่อจากนี้ไปหากโยวเย่ว์เอาชนะผู้อื่นมิได้ในการต่อสู้ ก็ขว้างหลิงหลงออกไป มั่นใจได้เลยว่าต้องทุบคนเหล่านั้นจนกลายเป็นเนื้อแผ่นได้แน่” พวกเว่ยจือฉียิ้มล้อเลียน
“ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าอย่างจริงจัง เหมือนกับฟังคำพูดของพวกเขาจริงๆ
อวิ๋นอี้ที่กำลังต่อสู้เห็นหลิงหลงที่ทุบครั้งเดียวก็ทำเอาจ้าววิญญาณคนหนึ่งลอยกระเด็น นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ แต่การต่อสู้ในตอนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยให้จิตใจเขาวอกแว่กเลย
“โฮกกก…”
หมาป่าหิมะตนนั้นก็เห็นหลิงหลงที่เข้ามาใกล้เช่นกัน เพราะพัวพันอยู่กับอวิ๋นอี้ ในใจจึงร้อนรนขึ้นมา
“เจ้าพวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ เข้ามาทีไรก็ต้องมาช่วงชิงสิ่งล้ำค่าของพวกเราทุกครั้ง คราวนี้พวกเจ้าตายไปกันเสียให้หมดเลย!”
หมาป่าหิมะตนนั้นพูดพลางใช้ฝ่ามือซัดอวิ๋นอี้ออกไป ส่วนตัวเองก็ร่นถอยหลังไปหลายสิบเมตร จากนั้นก็หลับตาลงเริ่มต้นรับสัมผัส
พวกเว่ยจือฉีรู้สึกว่ามีสิ่งของเย็นเฉียบร่วงหล่นลงมาจึงยื่นมือไปรับ ก็พบว่าเป็นเกล็ดหิมะ
“หิมะตกแล้วหรือ”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเกล็ดหิมะจนลืมต่อสู้ไปชั่วขณะ ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกหมาป่าหิมะอาศัยจังหวะทำร้ายเพราะตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่
อุณหภูมิของทั้งหุบเขาลดต่ำลงอย่างกะทันหัน หุบเขาเขียวขจีกลายเป็นทิวทัศน์น้ำแข็งยาวไกลนับหมื่นลี้
“ถูกแช่แข็งเสียแล้ว!”
ผู้คนภายในหุบเขาพากันตะโกน คนที่พลังยุทธ์ต่ำต้อยจำนวนไม่น้อยต่างถูกแช่จนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปเสียแล้ว!
หลิงหลงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในชั่วขณะที่นางสัมผัสดอกกระดูกศิลา ก็ถูกน้ำแข็งห่อหุ้มเอาไว้เสียแล้ว ทั้งตัวนิ่งแข็งอยู่ข้างดอกกระดูกศิลา
“แย่แล้วสิ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นหมาป่าหิมะตนนั้นทำร้ายอวิ๋นอี้จนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็หันไปโจมตีหลิงหลง
หลิงหลงเป็นวิญญาณครวญ ถ้าหากได้รับบาดเจ็บ ก็จะส่งผลกระทบต่ออาวุธเทพอย่างมหาศาล เพราะอาวุธเทพนั้นไม่อาจกินยาวิเศษแล้วฟื้นฟูตัวเองได้ จำเป็นจะต้องหาวัสดุระดับเดียวกันมา จึงจะเยียวยาได้
“เจ้าไก่ฟ้า ไปช่วยหลิงหลงที”
เจ้าไก่ฟ้าปรากฏตัวขึ้นแล้วโจมตีเข้าใส่หมาป่าหิมะในทันใด แรงกดดันของสัตว์อสูรเหนือเทพทำให้หมาป่าหิมะและจ้าววิญญาณเหล่านั้นมิอาจขยับเขยื้อนได้
“สัตว์…สัตว์อสูรเหนือเทพหรือนี่!”
ทุกคนในที่นั้นมองเจ้าไก่ฟ้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เห็นเขาบินโฉบผ่านท้องฟ้ามา แล้วคว้าตัวราชาหมาป่าหิมะเอาไว้ จากนั้นก็โยนไปด้านข้างอย่างลวกๆ หลังจากนั้นก็ร่อนลงที่ริมหน้าผาแล้วกะเทาะน้ำแข็งบนร่างของหลิงหลงออก ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งรับตัวนางเอาไว้ มืออีกข้างคว้าดอกกระดูกศิลาแล้วถอนมันขึ้นมาทั้งราก
“เจ้าไก่ฟ้า!” หลิงหลงเห็นเจ้าไก่ฟ้าแล้วจึงโอบกอดเรือนผมที่ยาวลงมาถึงช่วงเอวของเขาเอาไว้
“พวกเรากลับกันดีกว่านะ” เจ้าไก่ฟ้าให้นางเอนกายอยู่บนบ่าตน หลังจากนั้นจึงบินกลับไปยังข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์
……………………………………