สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 360 ความลับเบื้องหลังกำแพงหิน
ซือหม่าโยวเย่ว์รอให้กงเหยียนจากไปแล้วจึงเอ่ยกับพวกเป่ยกงถังว่า “พวกเจ้าไปฝึกยุทธ์กันในสระสิ”
“ในสระหรือ” เจ้าอ้วนชวีพูดอย่างตกใจ “มิใช่ว่าอยู่ริมสระก็พอแล้วหรือ”
“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ปราณวิญญาณเหล่านั้นถึงได้พุ่งเข้าสู่ภายในสระ แต่ถ้าพวกเจ้าเข้าไปฝึกยุทธ์ในนั้นจะต้องเร็วกว่าอย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แล้วเจ้าเล่า” เว่ยจือฉีสัมผัสได้ถึงความหมายในคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์ได้อย่างชาญฉลาด จึงเอ่ยถามขึ้น
“ข้ากับเจ้าไก่ฟ้ามีเรื่องต้องไปสืบเสาะกันสักหน่อยน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าไก่ฟ้า เจ้าสร้างข่ายมนตร์ให้พวกเขาที อย่าให้คนภายนอกเข้ามาได้ล่ะ”
“ได้เลย”
เจ้าไก่ฟ้าพยักหน้าก่อนจะสร้างข่ายมนตร์ขึ้นมาล้อมรอบทั้งสระฝึกยุทธ์เอาไว้
“โยวเย่ว์ พวกเจ้าจะไปทำอะไร” เจ้าอ้วนชวีถาม
“สระฝึกยุทธ์ที่นี่ประหลาดกว่าของเผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะ ข้าจะไปสืบให้รู้ชัดว่าที่แท้แล้วเป็นเช่นไรกันแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเจ้าฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่กันให้ดีๆ อีกไม่นานข้าก็คงกลับมาแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อยล่ะ” เป่ยกงถังพูด
“วางใจเถิด ถ้าหากมีอันตราย ข้าจะรีบกลับมาก่อนเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอและเจ้าไก่ฟ้ามาถึงยังเบื้องหน้ากำแพงหินส่วนที่ลึกที่สุดแล้วยื่นมือออกไปสัมผัส ปรากฏว่าเป็นเช่นเดียวกันกับที่เผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะ
ตอนที่พวกเขาเข้ามาก็พบสิ่งที่เหมือนกันระหว่างที่นี่กับที่นั่น จึงคาดเดาว่าที่นี่น่าจะมีสิ่งที่เหมือนกับข่ายมนตร์อยู่เช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าที่แท้แล้วจะเป็นเช่นนี้
ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกเจ้าคำรามน้อยออกมา ให้มันผสานร่างกับตน หลังจากนั้นจึงเก็บตัวเจ้าไก่ฟ้าเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ แล้วเดินทะลุผ่านข่ายมนตร์เข้าไป
พวกเป่ยกงถังเห็นเธอหายตัวไปจากถ้ำ แต่ละคนจึงเลือกมุมหนึ่งของสระฝึกยุทธ์แล้วลงไป
“ปราณวิญญาณเข้มข้นยิ่งนัก!” เจ้าอ้วนชวีพูดอย่างตื่นเต้น
“ข้ารู้สึกได้ว่าปราณธาตุไฟแทรกเข้าสู่ร่างกายของข้า!” ซือหม่าโยวเล่อก็ตื่นเต้นอย่างยิ่งเช่นกัน เขายื่นมือไปจับน้ำเหล่านั้น
“พวกเรารีบฝึกยุทธ์กันดีกว่า ไม่แน่ว่าฝึกยุทธ์ที่นี่หนึ่งปี พวกเราอาจจะเลื่อนระดับขึ้นหลายขั้นเลยก็ได้” โอวหยางเฟยพูด
“หึๆ ไม่แน่ว่าข้าอาจเลื่อนไปถึงระดับราชันวิญญาณเลยก็เป็นได้!” เจ้าอ้วนชวีพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ และพวกเป่ยกงถังต่างก็เข้าสู่ระดับราชันวิญญาณตามๆ กันมาเป็นลำดับ มีเพียงแค่เขาที่ยังอยู่ที่ระดับบรรพวิญญาณขั้นสุดยอด มิอาจก้าวเข้าไปได้ ดังนั้นเขาจึงอยากอาศัยโอกาสในครั้งนี้บรรลุ เลื่อนไปถึงระดับราชันวิญญาณในคราวเดียว
“เจ้าอ้วน เจ้าต้องสู้เขาหน่อยล่ะ ถ้าหากตามหลังพวกเรามากเกินไป พวกเราอาจจะไม่รอเจ้าแล้วนะ” โอวหยางเฟยพูดหมายจะให้กำลังใจเจ้าอ้วนชวี
“ต่างคนต่างฝึกยุทธ์กันไปเถิด” เป่ยกงถังมิได้พูดอะไรอีก แล้วหลับตาลงเริ่มต้นฝึกยุทธ์
เพราะปราณวิญญาณเข้มข้นเกินไป ทำให้นางทนรับไม่ไหวอยู่บ้าง นางรีบโคจรพลังวิญญาณภายในร่างกายมาเหนี่ยวนำปราณวิญญาณที่เพิ่งเข้ามา ให้พวกมันดำเนินตามเส้นลมปราณไปยังตำแหน่งจุดตันเถียนแต่โดยดี
ส่วนทางนี้ ซือหม่าโยวเย่ว์ค้นพบว่าข่ายมนตร์ดูคล้ายคลึงกันกับหินผา แต่เมื่อเข้าไปด้านหลังแล้วก็พบว่ามีห้วงมิติแห่งหนึ่งอยู่จริงๆ
เธอเรียกเจ้าไก่ฟ้าออกมาอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าดูที่นี่สิ”
“ถ้ำในถ้ำอย่างนั้นหรือ” เจ้าไก่ฟ้ามองดูถ้ำภูเขาที่ทอดตัวยาวต่อเนื่องลงไปแล้วเอ่ยว่า “อยากลงไปหรือไม่”
“แน่นอนอยู่แล้วว่าอยาก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พบความผิดปกติแล้วยังไม่ลงไปดู นั่นมิใช่วิสัยของข้าเอาเสียเลย”
เธอพูดพลางกระโดดลงไป
เจ้าไก่ฟ้าเห็นท่าทีปราศจากความลังเลของเธอแล้วแย้มยิ้มก่อนจะกระโดดตามเธอลงไปด้วย
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ่งลงไปด้านล่าง ก็ยิ่งรู้สึกว่าอุณหภูมิสูงขึ้น ในตอนท้ายจึงอดที่จะปล่อยปราณวิญญาณออกมาห่อหุ้มตัวเองเอาไว้มิได้ เช่นนี้จึงจะลงไปข้างล่างต่อได้
เมื่อลงไปข้างล่างต่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็จำเป็นต้องหยุดลง เพราะเธอค้นพบว่าอุณหภูมิของที่นี่ได้แผดเผาชั้นเกราะป้องกันของเธอไปจนหมดสิ้นแล้ว
“มิอาจลงไปต่อได้แล้ว” เจ้าไก่ฟ้าพูด “ข้าเองก็เริ่มทนรับอุณหภูมิของที่นี่ไม่ไหวแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูเบื้องล่าง ก็เห็นว่าใกล้จะถึงผิวดินแล้ว จึงเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะลองใช้เปลวเพลิงของเพลิงชาดห่อหุ้มเอาไว้แล้วลงไปต่อดีกว่า”
“ได้” เจ้าไก่ฟ้ากลับเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณโดยไม่ขัดขืน
ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บตัวเจ้าคำรามน้อยกลับเข้าไปเช่นกัน ก่อนจะใช้เปลวเพลิงของเพลิงชาดห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ทั้งตัว เธอไม่อาจมองเห็นห้วงมิติโดยรอบตัวเองได้อย่างชัดเจน เพราะมันบิดเบี้ยวไปเนื่องจากความร้อน
เพียงไม่นานเธอก็เข้ามาใกล้ส่วนล่างสุด แต่หลังจากที่เธอเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างชัดเจนแล้วกลับพบว่าไม่มีบริเวณที่พอจะวางเท้าลงไปได้เลย
“เป็นหินหนืดทั้งหมดเลย หินหนืดเหล่านี้โผล่ออกมาจากใจกลางโลกใช่หรือไม่
เธอมองไปรอบด้าน ไม่มีบริเวณที่ใดวางเท้าลงไปได้ และไม่มีบริเวณใดพิเศษด้วย แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันผิดปกติขุมหนึ่งจากภายในหินหนืดนี้
“บุ๋ง…”
ฟองขนาดเล็กฟองหนึ่งผุดออกมาจากด้านล่างของหินหนืด ตอนที่ออกมาจากหินหนืดก็ส่งเสียงแตกตัวเบาๆ
กลิ่นอายสายนี้แผ่ออกมาจากภายในฟองอากาศนั้น ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงรสชาติอันติดตรึง
“ดูท่าทางจะมองไม่เห็นอะไร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หากเป็นหินหนืดทั้งหมดคงจะไม่มีทางไปต่อได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็กลับกันเลยดีกว่า”
“ลงไป” เสียงของเพลิงชาดดังแว่วขึ้นมาในทันใด
“เพลิงชาดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าเพลิงชาดจะฟื้นขึ้นมาในเวลานี้ จึงเอ่ยว่า “เพลิงชาด หินหนืดนี่อุณหภูมิสูงเกินไป ข้าอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าทนไม่ไหว ถ้าหากลงไปอีก ข้าจะต้องถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีแน่”
เพลิงชาดเงียบงันไป จากนั้นซือหม่าโยวเย่ว์ก็เห็นเปลวเพลิงรอบกายตนค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลายเป็นลูกกลมสีแดงลูกหนึ่ง
ลูกกลมพาตัวเธอลงมาภายในหินหนืด เพียงไม่นานก็ถูกหินหนืดแผดเผาไปจนหมดสิ้น
“ฝึกยุทธ์ที่นี่” เพลิงชาดพูด
หลังจากซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปภายในหินหนืดแล้วก็รู้สึกได้ถึงปราณธาตุไฟที่แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ ลูกกลมสีแดงนี้ดูเหมือนจะสามารถช่วยเธอดึงดูดปราณธาตุไฟเข้ามาได้ เธอจำเป็นต้องทำเพียงแค่เหนี่ยวนำปราณธาตุไฟที่ดูดเข้ามาให้เข้าสู่ร่างกายเท่านั้น
“ปราณธาตุไฟเหล่านี้เหิมเกริมยิ่งกว่าปราณวิญญาณธาตุไฟทั่วไปมากมายนัก!”
เธอรู้สึกว่าปราณธาตุไฟที่ตนเหนี่ยวนำนั้นอุณหภูมิสูงเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดทำให้เสี่ยงต่ออันตรายจากแผลไหม้บนร่างกายของเธอ ยังดีที่กล้ามเนื้อและกระดูกของเธอล้วนถูกเพลิงชาดใช้เพลิงนิพพานหลอมแปรมาก่อนแล้ว ปราณธาตุไฟเหล่านี้จึงมิได้ทำร้ายเธอเข้าจริงๆ เพียงแต่ทำให้เธอรู้สึกว่าเส้นลมปราณบาดเจ็บขึ้นมาเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังทำให้เธอทนแทบไม่ไหว จนเกือบจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร่างกายระเบิด
“เจ็บเหลือเกิน…”
เธอขบกรามแน่น ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้กระทั่งตนยังรู้สึกเจ็บปวด ถ้าหากเป็นพวกเป่ยกงถัง คาดว่าคงถูกปราณธาตุไฟแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว
แต่ลูกกลมสีแดงนั้นก็ยังคงดูดปราณธาตุไฟเข้ามาอย่างต่อเนื่องมิได้สนใจเลยว่าร่างกายเธอจะเจ็บปวดหรือไม่ หรือปราณธาตุไฟจะอุกอาจเพียงไหน ทำให้เธอจำเป็นต้องดูดปราณธาตุไฟเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีหยุดพัก เป็นเช่นนี้วนไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด และไม่รู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์เจ็บจนชาหรือเคยชินไปเสียแล้ว ทำให้ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป รู้เพียงแค่ว่าปราณธาตุไฟมากมายมหาศาลพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเธอแล้ว ถ้าหากเธอหยุดพัก ปราณธาตุไฟที่เข้ามาใหม่เหล่านั้นจะต้องทำให้ร่างกายของเธอพิการอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงบำเพ็ญโดยไม่หยุดพักเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เมื่อสัมผัสได้ว่าเธอเคยชินแล้ว เพลิงชาดจึงค่อยออกมาจากร่างกายเธอ ลูกกลมสีแดงลูกหนึ่งห่อหุ้มเขาเอาไว้เช่นเดียวกัน
“ยากนักที่จะได้พบพานสถานที่อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของข้าจะฟื้นฟูได้ระดับหนึ่งแล้ว”
พอพูดจบเขาก็นั่งขัดสมาธิลงตรงบริเวณที่อยู่ไม่ไกลจากซือหม่าโยวเย่ว์มากนัก แล้วบำเพ็ญด้วยท่าทีที่ดูราวกับมนุษย์
…………………………………