สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 361 โอกาสที่อีกฟากฝั่ง
ในขณะที่พวกเขาฝึกยุทธ์กันอยู่นั้นเอง คนอื่นๆ ในโลกย่อส่วนก็กำลังเสาะแสวงหาโอกาสของตัวเองไปทั่วทุกหนแห่ง
ซือหม่าโยวหลินพาบรรดาคนตระกูลซือหม่าไปยังสถานที่อีกแห่งที่สมบัติฟ้าดินปรากฏขึ้น
แตกต่างกับพวกซือหม่าโยวเย่ว์ สถานที่ที่พวกเขาไปนั้นมิได้ดึงดูดให้เกิดสงครามสัตว์อสูรวิเศษ ทั้งยังไม่มีใคร รมาช่วงชิงกับพวกเขาด้วย วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พวกเขาไปถึงที่นั่นก็ได้พบสมบัติฟ้าดินปรากฏขึ้นมา
หลังจากที่พวกเขาเอาชนะสัตว์อสูรยามได้แล้วก็ชิงสิ่งล้ำค่ามาไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย
“โยวหลิน ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันดี” ซือหม่าโยวหยางถาม
“พวกเราไม่ไปที่ไหนกันทั้งนั้นแหละ สถานที่แห่งนี้ซ่อนเร้นดี พวกเราก็บำเพ็ญกันอยู่ที่นี่แหละ” ซือหม่าโยวหลิ นพูด
“พวกเราไม่ไปหาสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่นกันแล้วหรือ” ซือหม่าโยวฉิงถาม
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าปราณวิญญาณที่นี่เข้มข้นกว่าที่อื่นหรอกหรือ” ซือหม่าโยวหลินถามกลับ
“ดูเหมือนจะเข้มข้นกว่าอยู่พอสมควรเลย” ซือหม่าโยวหรานพูด
“พวกเราเข้ามาที่นี่ตั้งแต่แรกก็เพื่อยกระดับพลังยุทธ์ของตัวเอง” ซือหม่าโยวหลินพูด “อย่างน้อยปราณวิญญาณของ ที่นี่ก็มากกว่าดินแดนอี้หลินถึงสามสี่เท่า ถ้าหากพวกเรารีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ก็อาจยกระดับพลังยุทธ์ได้บ้าง ถ้าหากใช้ร่วมกับค่ายกลวิญญาณ ปราณวิญญาณนี้ยังอาจเพิ่มได้เป็นเท่าทวีคูณด้วย”
“เช่นนั้นพวกเราฝึกยุทธ์กันสักระยะหนึ่งก็ได้ หลังจากนั้นค่อยไปหาพวกโยวเย่ว์ แล้วก็มองหาว่ามีสิ่งล้ำค่าหรือไม ม่ไประหว่างทางด้วย” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“แต่เพราะเหตุใดที่นี่จึงมีปราณวิญญาณเข้มข้นกว่าที่อื่นเล่า” ซือหม่าโยวหมิงถาม
“จะต้องมีเหตุผลอะไรอย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวหรานพูด “ถ้าหากพวกเราหาเหตุผลที่ว่านี้พบ ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับ โอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าก็ได้”
พวกซือหม่าโยวหลินมองไปมาแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปหาเหตุผลกันก่อนดีกว่า”
“ดี”
“พวกเราดูตรงบริเวณที่ปราณวิญญาณเข้มข้นที่สุดของที่นี่กันก่อนดีกว่า จากนั้นก็ตามจากจุดนี้ไป อาจจะพบเหตุผล ที่แท้จริงก็ได้” ซือหม่าโยวหยางพูด
“ข้าจะลองดู” ซือหม่าโยวหลานหลับตาลงรับสัมผัสครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าสัมผัสได้ว่าปราณวิญญาณในล ละแวกนี้ดูเหมือนจะไหลไปทางนั้นทั้งหมดเลย”
นางชี้ไปทางยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“หรือว่าที่นั่นจะมีอะไรกำลังดึงดูดพวกมันอยู่เล่า” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“ไปดูกันเดี๋ยวก็รู้เอง” ซือหม่าโยวหลินพูดจบแล้วจึงเหาะทะยานไปทางนั้นก่อนใคร
ผลปรากฏว่ายิ่งเข้าใกล้ยอดเขาแห่งนั้น ปราณวิญญาณก็ยิ่งเข้มข้น ขณะที่มาถึงตีนเขา พวกเขาก็รู้สึกว่าปราณวิญญาณ ณนี้กำลังจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นบ่อน้ำบ่อหนึ่งแล้ว
ทุกคนหยุดฝีเท้าลง รู้สึกว่าที่นี่แปลกประหลาดอยู่บ้าง เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีปราณวิญญาณเข้มข้น แต่เพราะเหตุใดบริเ เวณใกล้ๆ จึงไม่มีสัตว์อสูรวิเศษอยู่เลย
“มีค่ายกลอยู่!” หลังจากที่ซือหม่าโยวหลินเดินไปรอบหนึ่ง
“ค่ายกลหรือ ที่นี่มีคนอยู่อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวฉีถาม
“ไม่ใช่ ค่ายกลนี้อายุยาวนานมากแล้ว อาจจะเป็นคนในอดีตสร้างเอาไว้ตอนมาถึงที่นี่” ซือหม่าโยวหลินพูด
“มีมานานมากแล้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวหยางพูด “เช่นนั้นทักษะค่ายกลของคนผู้นั้นจะต้องสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ง เนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว ค่ายกลนี้ยังใช้ได้ดีอยู่เลย”
ซือหม่าโยวหลินตรวจสอบค่ายกลนั้นต่อไปแล้วเอ่ยว่า “มิน่าเล่า เขาใช้หินยืมวิญญาณสร้างค่ายกลนี่เอง”
“หินยืมวิญญาณคืออะไรหรือ” ซือหม่าโยวฉิงถาม
“คือหินวิญญาณติดตั้งค่ายกลที่หายากอย่างยิ่ง ค่ายกลที่ติดตั้งด้วยหินยืมวิญญาณ หินวิญญาณจะดูดซับปราณวิญญาณ ณฟ้าดินมาเสริมความต้องการของค่ายกล ดังนั้นขอเพียงแค่ปราณวิญญาณในมิติไม่สลายไป ค่ายกลนี้ก็จะทำงานได้ตลอดไป ” ซือหม่าโยวหลินพูดอธิบาย
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” ทุกคนเข้าใจขึ้นมา “มิน่าเล่าค่ายกลนี้จึงอยู่มาได้เนิ่นนานถึงเพียงนี้”
“นี่คือค่ายกลชนิดใด เจ้าทำลายได้หรือไม่”
“ยุ่งยากอยู่พอสมควรเลย” ซือหม่าโยวหลินมองยอดเขาแล้วเอ่ยว่า “ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลป้องกันที่แฝงการโจมตี ถ ถ้าหากเอาแต่โจมตีเพียงอย่างเดียว ค่ายกลก็อาจจะสะท้อนพลังการโจมตีกลับมา ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่หาวิธีทำลายเ เท่านั้น มิอาจโจมตีได้”
“โยวหลิน เจ้าพอไหวหรือไม่” ซือหม่าโยวหยางถาม
“ข้าลองดูก่อนแล้วกัน” ซือหม่าโยวหลินพูด
สองวันให้หลัง พวกเขาก็ยังคงอยู่ด้านนอกค่ายกล
“ถ้าหากทำไม่ได้จริงๆ พวกเราจะลองติดต่อน้องห้าดูสักหน่อยก็ได้” ซือหม่าโยวหรานพูด
“ใช่แล้ว ทักษะค่ายกลของโยวเย่ว์ก็ไม่เลวเช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจจะบอกแนวทางให้กับเจ้าได้” ซือหม่าโยวหยางพูด
“เช่นนั้นลองดูก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวหลินก็ไม่ฝืน
ซือหม่าโยวหรานหยิบหินแม่ลูกออกมา ก่อนจะใส่ปราณวิญญาณเข้าไปข้างใน แต่ทางด้านนั้นกลับไม่มีการตอบสนองเลยแม ม้แต่น้อย
“ดูเหมือนว่าจะออกนอกรัศมีการติดต่อไปแล้ว” ซือหม่าโยวหรานพูด
“ข้าจะลองดูอีกที” ซือหม่าโยวหลินพูดพลางดีดร่างขึ้นแล้วทะยานไปยังยอดเขาที่อยู่ด้านข้าง เขานั่งบนยอดเขาแ แล้วมองมาทางนี้ หลังจากนั้นจึงก้มหน้าคิดคำนวณอะไรบางอย่าง
ผ่านมาอีกสองวัน เขากำลังคิดคำนวณอยู่ ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งของซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นมาได้
“มีบางทีที่ต้องทำลายค่ายกลจากภายนอก แต่ก็มีบางค่ายกลที่ต้องทำลายจากภายใน ค่ายกลที่ต้องทำลายจากภายในนั นจำเป็นต้องมีใครสักคนเข้าไปจนถึงแกนกลางค่ายกลให้ได้”
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ สองตาของเขาก็เปล่งประกาย เขาทะยานลงมาจากยอดเขา หลังจากนั้นจึงวนรอบค่ายกลสองรอบ
“โยวหลิน เจ้าคิดวิธีทำลายค่ายกลออกแล้วหรือ” ซือหม่าโยวหยางถาม
“อืม” ซือหม่าโยวหลินพยักหน้า “พวกเจ้าขยับห่างออกไปหน่อยสิ”
พอพูดจบเขาก็มาที่เบื้องหน้าหินยืมวิญญาณอันไม่สะดุดตาก้อนหนึ่ง เขาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกระทืบลงไป
“หายตัวไปแล้วหรือ” ซือหม่าโยวหยางเห็นซือหม่าโยวหลินหายตัวไปจากตรงหน้าเขาจึงเอ่ยอย่างตกใจ
อีกราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ซือหม่าโยวหลินจึงออกมาจากภายในนั้นอีกครั้ง
“โยวหลิน ทำลายแล้วหรือยัง” ซือหม่าโยวฉิงถาม
ซือหม่าโยวหลินเอ่ยด้วยสีหน้ายินดียิ่งว่า “ไม่ต้องทำลายเลย พวกเราใช้ค่ายกลนี้เป็นที่กำบังได้พอดี ข้าจะพา าพวกเจ้าเข้าไป พวกเจ้าต้องตามหลังข้ามาติดๆ เลยนะ ห้ามก้าวพลาดเลยแม้แต่ก้าวเดียว”
“ได้เลย”
ซือหม่าโยวหลินหมุนตัวเข้าไป ทุกคนตามฝีก้าวของเขาไปติดๆ สิบกว่านาทีหลังจากนั้น พวกเขาจึงเข้าไปกันหมด
“สวรรค์เอ๋ย ปราณวิญญาณที่นี่เข้มข้นกว่าข้างนอกเสียอีก!” ซือหม่าโยวฉิงตะโกนออกมาอย่างอดมิได้
“ข้างในยังมีสิ่งที่ทำให้พวกเจ้าตกใจยิ่งกว่านี้อีก” ซือหม่าโยวหลินพูด
ตอนที่เขาเข้ามาเมื่อครู่ ได้ดูที่นี่อย่างคร่าวๆ รอบหนึ่งแล้ว ตอนนั้นก็พรั่นพรึงจนเกือบจะดึงสติกลับคืนมามิ ได้เลยทีเดียว
“ภายในถ้ำแห่งนั้นมีสิ่งล้ำค่าอันใดอยู่หรือไม่” ซือหม่าโยวฉิงพูดพลางยิ้มตาหยี
“เข้าไปดูก็รู้เองนั่นแหละ” ซือหม่าโยวหลินพูดพลางพาพวกเขาเข้าไปในถ้ำ
นี่คือถ้ำที่ลาดเอียงลงไปเบื้องล่าง ยิ่งเดินลึกเข้าไปด้านในก็ยิ่งกว้างขวาง ไม่นานนักก็ไปถึงก้น
“เหตุใดที่นี่จึงมีทะเลสาบอยู่ด้วยเล่า” เมื่อเห็นทะเลสาบที่ก้นถ้ำ ทุกคนต่างตกใจกันเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าดูให้ดีๆ สิ” ซือหม่าโยวหลินพูด
ทุกคนไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางลึกลับของเขาแล้วต่างก็ก้มตัวไปมองน้ำในทะเลสาบนั้น
“นี่… นี่คือ…” ซือหม่าโยวหรานเข้าใจก่อนเป็นคนแรก ความพรั่นพรึงในแววตามิอาจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
คนอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาเช่นเดียวกัน แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “หรือว่าที่นี่เกิดจากปราณวิญญาณทั้งหมดเลย!”
“ถูกต้อง ถ้าหากพวกเราดูดซับปราณวิญญาณเหล่านี้ไปได้ พลังยุทธ์จะต้องรุดหน้าขึ้นไม่น้อยแน่นอน” ซือหม่าโยวหลิน เองก็ตื่นเต้นอยู่พอสมควร มิได้มีท่าทีเรียบเฉยเช่นก่อนหน้านี้
“แต่ว่าที่นี่มีทะเลสาบปราณวิญญาณเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวหมิงถาม
“บางทีเมื่อพวกเราดูดซับปราณวิญญาณเหล่านี้เข้าไปภายในร่างกายจนหมดก็คงเข้าใจเองแหละ”
“เช่นนั้นจะมัวรออะไรกันอยู่เล่า ลงไปบำเพ็ญกันให้หมดเลยสิ!” ซือหม่าโยวหยางกระโดดลงไปเป็นคนแรก แน่นอนว่า ามันมิได้กระเซ็นขึ้นมาเหมือนน้ำปกติทั่วไป
คนอื่นๆ มองหน้ากันไปมาก่อนจะกระโดดตามกันลงไป หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นฝึกยุทธ์