สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 85 ผลอสรพิษทองคำสุกงอม
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบจมูกตนเองแล้วเอ่ยประโยคที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เชื่อออกมา
“แค่กๆ คนบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างข้าจะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า”
พอพวกเจ้าคำรามน้อยที่อยู่ในมณีวิญญาณได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็พากันกลอกตา
เว่ยจือฉีมองเธอด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าเจ้ากำลังหลอกลวงผู้อื่นอยู่ หากมิใช่เพราะรู้พลังยุทธ์ของเธออยู่แล้ว พวกเขาก็คงจะเชื่อ แต่ผ่านการผจญภัยที่เทือกเขาผู่สั่วในครั้งนี้ พวกเขาก็ได้รู้ว่าเธอมิได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขาเลย หรืออาจจะร้ายกาจกว่าพวกเขาเสียอีก ไม่มีทางหลอกพวกเขาได้หรอก!
“ไม่ว่านี่จะใช่ฝีมือเจ้าหรือไม่ ฟังความหมายของพวกน่าหลานหลานแล้ว กลับไปคราวนี้จะต้องไปหาเรื่องตระกูลซือหม่าแน่” เจ้าอ้วนชวีพูดอย่างกังวลใจอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้เขาไม่ใส่ใจเรื่องราวระหว่างตระกูลซือหม่ากับตระกูลน่าหลานเลย แต่ตอนนี้เขาเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เป็นพี่น้อง ก็ต้องเห็นเรื่องของเธอเป็นเหมือนเรื่องของตนอยู่แล้ว
“เรื่องที่เจ้าทำให้น่าหลานหลานถูกไล่ออกในคราวนั้น ตระกูลน่าหลานย่อมต้องมีความคับแค้นเจ้าอยู่ในใจ ข้าได้ยินมาว่ายังคอยกดดันครอบครัวเจ้าตลอดหลายเดือนมานี้อีกด้วย หากมิใช่เพราะท่านแม่ทัพซือหม่ามีอำนาจกองทัพอยู่ในมือ พวกเขาจะต้องลงมือแล้วอย่างแน่นอน” เว่ยจือฉีพูด “ถึงแม้ว่าน่าหลานฉีผู้นั้นจะเป็นคนไม่เอาไหน แต่ก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของน่าหลานเหอ ถ้าหากรู้ว่าเจ้าสังหารเขา พวกเขาจะต้องใช้มาตรการที่รุนแรงยิ่งขึ้นอีกอย่างแน่นอน”
สำหรับเรื่องที่เว่ยจือฉีบอกว่าเธอสังหารน่าหลานฉีนั้นเธอก็มิได้ปฏิเสธเลย เธอเองก็นึกถึงความกังวลใจที่พวกเขามีต่อเธอเช่นกัน
“ในเมื่อเขาบอกว่าจะกลับไปหาเรื่องท่านปู่ เช่นนั้นพวกเราก็ฆ่ารัดคอเสียแต่เนิ่นๆ เลยไม่ดีกว่าหรือ”
เมื่อได้ฟังคำพูดอันไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยของซือหม่าโยวเย่ว์ ในใจของทุกคนก็สั่นสะท้าน
“จุ๊ๆ เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าตนเป็นคนบริสุทธิ์อยู่หยกๆ ตอนนี้กลับพูดวาจานี้ออกมาอย่างง่ายดายเสียได้” เจ้าอ้วนชวีเอ่ยเหน็บแนมเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองค้อนเขาปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “ความบริสุทธิ์นี่ก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายด้วย มังกรมีเกล็ดย้อนกลับ ใครกล้าสัมผัสล้วนต้องวางวาย หากใครหน้าไหนกล้าแตะต้องครอบครัวข้า ข้า ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่มีทางปล่อยให้มันตายดีแน่!”
คนทั้งสี่ล้วนอ่อนไหวเพราะคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์ มังกรมีเกล็ดย้อนกลับ ใครกล้าสัมผัสล้วนต้องวางวาย พวกเขาจะมิใช่ได้อย่างไรกัน!
“โฮก…”
เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธเสียงหนึ่งดังลอยมาจากหุบเขาฝั่งตรงข้าม ทำเอาผู้คนที่กำลังรอให้ผลอสรพิษทองคำสุกงอมพากันสะดุ้งตัวลอย
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”
“ไม่รู้สิ เหตุใดจู่ๆ เจ้าสัตว์อสูรเทพนี่จึงเดือดดาลขึ้นมาอย่างฉับพลันเล่า”
“ดูเหมือนว่าจะมีใครเฉียดเข้าใกล้ผลอสรพิษทองคำแน่!”
“เป็นสัตว์อสูรวิเศษตนหนึ่ง สวรรค์เอ๋ย นั่นมันสัตว์อสูรทิพย์ขั้นเก้า!”
“พวกเขาสู้กันแล้ว!”
“……”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นยืน ปีนขึ้นไปบนก้อนหินแล้วมองไปทางหุบเขา ก็เห็นสัตว์อสูรวิเศษสองตนต่อสู้กัน การต่อสู้นั้นยังกระทบไปถึงสัตว์อสูรวิเศษที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ด้วย ทำให้พวกมันถอยไปด้านหลังเป็นระยะทางไม่น้อย
“สัตว์อสูรทิพย์ตนนั้นร้ายกาจจริงๆ ต่อสู้กับสัตว์อสูรเทพได้เลยทีเดียว” เจ้าอ้วนชวีเห็นการต่อสู้ด้านล่างแล้วอดจุ๊ปากมิได้
“นั่นเป็นเพราะว่าสายโลหิตของมันสูงกว่าสัตว์อสูรเทพตนนั้นมากพอสมควรเลยน่ะสิ” เว่ยจือฉีพูด “สายโลหิตสัตว์อสูรวิเศษนี้เมื่อไปถึงระดับขั้นหนึ่งก็จะสามารถขจัดแรงกดดันจากระดับขั้นได้แล้ว แต่จะเอาชนะได้หรือไม่ก็ต้องดูความสามารถของแต่ละคนด้วย”
“สัตว์อสูรเทพตนนั้นซ่อนเร้นความสามารถของตัวเองเอาไว้ สัตว์อสูรทิพย์จะแพ้แล้ว!” เป่ยกงถังพูด
คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเป่ยกงถังรู้ได้อย่างไร แต่หลังจากที่นางเพิ่งเอ่ยวาจาออกไปไม่นาน สัตว์อสูรทิพย์ตนนั้นก็ถูกโจมตีจนล้มลงไปกองกับพื้น หายใจรวยริน
“วานรตนนั้นไปถึงระดับสัตว์อสูรเทพขั้นสองแล้วนี่นา!”
ผู้คนที่ชมดูอยู่รอบๆ แต่ละคนพากันตื่นตะลึงกับพลังยุทธ์ที่สัตว์อสูรเทพแผ่ออกมาในท้ายที่สุด จึงวุ่นวายขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“ท่านแม่ทัพขอรับ คิดไม่ถึงว่าวานรตนนั้นจะเป็นถึงสัตว์อสูรเทพขั้นสอง เช่นนั้นการช่วงชิงผลอสรพิษทองคำของพวกเราย่อมทวีความยากขึ้นอย่างมหาศาลแล้ว!” ทหารติดตามด้านหลังซือหม่าเลี่ยคนหนึ่งพูดขึ้น
เดิมทีสัตว์อสูรเทพขั้นหนึ่งกับราชันวิญญาณขั้นสองมีพลังยุทธ์พอๆ กัน บวกกับความช่วยเหลือของคนอื่นๆ การที่ซือหม่าเลี่ยจะชิงผลอสรพิษทองคำนี้มา ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าวานรเลื่อนไปถึงระดับสัตว์อสูรเทพขั้นสอง พลังการต่อสู้จึงเทียบเคียงได้กับราชันวิญญาณขั้นสี่ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วสูงกว่าเขาอยู่สองระดับ คิดจะเอาชนะมันนั้นความหวังช่างเลือนรางยิ่งนัก
“ผลอสรพิษทองคำนี้ดึงดูดใจคนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เจ้าวานรนี่ก็เลื่อนระดับขึ้นมาอย่างเงียบๆ เสียแล้ว ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้หาจังหวะเหมาะค่อยลงมือ อย่าหุนหันพลันแล่น” ซือหม่าเลี่ยมองดูค่ายพักของตระกูลน่าหลานที่อยู่ห่างออกไปปราดหนึ่ง น่าหลานเหอกำลังสนทนากับผู้ติดตามอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อยู่เช่นเดียวกัน
ก้อนหินใหญ่ที่ซือหม่าโยวเย่ว์และคนอื่นๆ ซ่อนตัวกันอยู่นั้นอยู่ไม่ห่างจากค่ายพักแรมของตระกูลซือหม่าสักเท่าใดนัก เมื่อได้ฟังคำพูดของซือหม่าเลี่ย หัวใจที่ลอยคว้างอยู่ของเธอจึงค่อยคลายลง เธอกลัวแต่ว่าซือหม่าเลี่ยจะเป็นลมเป็นแล้งไปเพราะเรื่องของสิ่งล้ำค่านี้ แล้วจะไปช่วงชิงผลอสรพิษทองคำกับเจ้าวานรด้วยวิธีการที่ประมาทเลินเล่อ ตอนนี้ได้รู้ว่าเขามิได้มีความคิดเช่นนี้จึงค่อยสงบจิตใจลง
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าความกระหายอยากของพวกเขาที่มีต่อผลอสรพิษทองคำ สำหรับผู้อื่นแล้วเป็นการไม่รู้จักประมาณตน
ยามราตรีค่อยๆ คืบคลาน ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ส่องสว่างอย่างน่าประหลาด มันลอยสูงอยู่กลางท้องฟ้าเบื้องบนราวกับจานหยก แสงสีเงินยวงอาบไล้ไปตามหุบเขา
บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกได้ว่าผลอสรพิษทองคำกำลังจะสุกงอมแล้ว ทั้งบรรดาสัตว์อสูรวิเศษในหุบเขารวมถึงเหล่ามนุษย์บนภูเขาล้วนมิได้พักผ่อนกันเลย ทุกคนต่างคอยเฝ้าระวังสภาวการณ์ของผลอสรพิษทองคำกันอย่างตื่นเต้น
ซือหม่าโยวเย่ว์จ้องต้นผลอสรพิษทองคำเขม็ง เพราะมีความรู้ความเข้าใจมากกว่าผู้อื่นอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจุดที่เธอให้ความสนใจจึงแตกต่างกัน
คนทั่วไปเห็นเพียงว่าผลอสรพิษทองคำกำลังดูดซับแสงจันทร์ ผลที่ยังมิได้เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามกำลังค่อยๆ สุกงอมอย่างช้าๆ ส่วนเธอกลับเพ่งสายตาอยู่บนลำต้นผลอสรพิษทองคำ
ลำต้นของผลอสรพิษทองคำเปล่งประกายสีขาวจางๆ คล้ายกับถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเส้นด้ายเงินบางๆ ชั้นหนึ่ง ภายใต้การปกคลุมของแสงจันทร์ หากไม่พินิจดูอย่างละเอียดก็ย่อมไม่มีทางมองออกได้เลย
“นั่นคือไอพลังฟื้นฟูวิญญาณใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเห็นเจ้าวานรนั่งอยู่ข้างต้นผลอสรพิษทองคำ กำลังดูดซับไอที่ผลอสรพิษทองคำแผ่ออกมาอย่างขะมักเขม้น ดูท่าทางว่าการที่มันสามารถเลื่อนไปถึงระดับสัตว์อสูรเทพขั้นสองได้นั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับไอพลังนี้อย่างแน่นอน
ครึ่งคืนต่อมา ในขณะที่ทุกคนกำลังง่วงเหงาหาวนอนกันอยู่นั้น หมัวซาก็ส่งเสียงเอ่ยว่า “ผลอสรพิษทองคำกำลังจะสุกงอมแล้ว!”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองลำต้นของผลอสรพิษทองคำมาตลอด ก็ย่อมพบเห็นความเปลี่ยนแปลงของผลอสรพิษทองคำแล้ว ผลไม้เจ็ดผลนั้นเปลี่ยนกลายเป็นสีเหลืองทองอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผลไม้แผ่กลิ่นหอมอันเข้มข้นขจรขจาย เป็นเหตุให้สัตว์อสูรวิเศษในที่นั้นบ้าคลั่งขึ้นมา
สัตว์อสูรวิเศษเหล่านั้นรีบพุ่งตัวไปยังริมผา หมายจะไปเด็ดผลไม้ แต่กลับพบว่าผลไม้ถูกแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ ตัดขาดจากสัมผัสของทุกคน
“ยังขาดส่วนสุดท้ายอยู่เล็กน้อย” หมัวซาพูด
“ผลอสรพิษทองคำสุกงอมแล้ว ทุกคนรีบไปเด็ดเร็วเข้า!” ไม่รู้ว่าใครสักคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาบนภูเขา ฝูงชนพุ่งเข้าใส่ผลอสรพิษทองคำในทันใดโดยไม่แยแสฝูงสัตว์อสูรเบื้องล่าง ราวกับถูกผลอสรพิษทองคำผลนั้นล่อลวงจิตใจ
หลังจากที่ปรมาจารย์วิญญาณไปถึงระดับราชาวิญญาณแล้วจะเหาะเหินเดินอากาศได้ ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับราชาวิญญาณขึ้นไปของแต่ละสำนักกันทั้งสิ้น
ปรมาจารย์วิญญาณเหล่านั้นเหาะตรงไปยังหน้าผา แต่กลับถูกลมจากหมัดที่เจ้าวานรต่อยออกมาทำเอาลอยกระเด็นกันไปไม่น้อย เมื่อคนเหล่านั้นร่วงลงสู่พื้น ก็ถูกสัตว์อสูรวิเศษตีวงล้อมเข้ามา
สัตว์อสูรกับสัตว์อสูร มนุษย์กับมนุษย์ ทุกคนตะลุมบอนกันอุตลุด ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยความอลหม่าน
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเห็นซือหม่าเลี่ยเหาะตรงไปยังเจ้าวานรเช่นกัน จึงหยิบเอายาผงขวดหนึ่งออกมาวางลงบนมือเป่ยกงถังแล้วพูดว่า “ข้าจะไปชิงผลอสรพิษทองคำ เจ้าช่วยข้าโปรยของสิ่งนี้ลงบนร่างของคนตระกูลน่าหลานทีสิ ถ้าหากข้าชิงผลอสรพิษทองคำมาได้ก็จะแบ่งให้เจ้าด้วยส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน!”
………………