Midterm Fantasy - ตอนที่ 100
รถบัสคันใหญ่วิ่งเข้าไปตามถนนและจอดที่ลานจอดรถ เด็กนักเรียนมัธยมต้นกระโปรงกางเกงน้ำเงินหลายคนทยอยเดินลงจากรถกัน รอนและแพทเดินลงมาแล้วมองไปรอบๆ มีรถบัสจากหลายโรงเรียนมาจอดอยู่ นักเรียนจำนวนมากกำลังเดินตรงไปที่อาคารสอบ
เด็กหนุ่มสาวทั้งสองเดินไปตามทางเดินเข้าไปถึงตัวอาคาร เช็คห้องสอบของตนว่าอยู่ห้องไหนแล้วก็นั่งรอเวลา ทั้งสองคนเช็คเครื่องเขียนจากในกระเป๋า
“ปากกาพร้อม ดินสอพร้อม ยางลบ พร้อม” รอนเปิดกล่องดินสอซึ่งเตรียมดินสอปากกายางลบกบเหลามาพร้อมอย่างละ4ชุด
แพทเองก็หยิบถุงเครื่องเขียนออกมา จากนั้นเทของภายในออกมา
แกร๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดินสอ 2B 30แท่ง ยางลบ 10ก้อน ปากกาโหลนึงไหลออกมากองที่พื้น
“คือเรากลัวว่าจะดินสอจะหักน่ะ เลยเอามาเยอะหน่อย” เด็กสาวบอก “ว่าแต่เราขอกบเหลาสักอันได้ไหม”
รอนยิ้มและส่งกบเหลาดินสอพลาสติกให้แพทไป 2 ชิ้น เขารู้ดีว่าการสอบแข่งขันนี้มีความหมายกับแพทมากกว่ากับเขา เพราะด้วยเกรดม.1-3ที่ไม่ดีเอามากๆของแพท มีแต่ต้องสอบแข่งขันให้ได้อันดับดีๆจึงจะมีโอกาสเลื่อนชั้นไปอยู่สายวิทย์ในม.4ได้
“วันนี้มีสอบสองช่วง 8.30 ถึง 11.30 กับ 12.30 ถึง 15.30 พอสอบเสร็จตอนกลางวันเธอมารอเราที่หน้าตึกแล้วกัน จะได้ไปกินข้าวพร้อมกัน” แพทบอก
“ได้สิ ว่าแต่ออกจากห้องสอบก่อนได้ไหม” รอนถาม
“ได้นะ ในนี้เขียนว่าออกจากห้องสอบได้หลังการสอบเริ่มแล้ว 30 นาที” แพทพลิกบัตรประจำตัวดู
“เฮ้ย สองคนนั้นน่ะ ถ้าจะจีบกันไปจีบที่อื่น คนจะอ่านหนังสือ”
รอนและแพทหันไปมองที่ด้านหลัง ตรงนั้นมีเด็กนักเรียนม.ต้นโรงเรียนอื่นนั่งล้อมวงกันอ่านหนังสือท่องสูตรเสียงดังกันอยู่ รอนเอียงคอเล็กน้อย เสียงที่ทั้งคู่คุยกันก็ไม่ได้ถือว่าดังอะไรนี่นา
“งั้นเราไปก่อนแล้วกัน สอบเสร็จแล้วไปรอที่ลานนะ”
“โอเคแพท”
เด็กสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องสอบของตนส่วนรอนก็นั่งพักสายตาอยู่ที่เดิม
การต้องเดินทางข้ามโลกทุกวันทำให้เขาได้นอนวันละ 6 ชั่วโมงทุกวัน ตอนเช้าก็จะง่วงๆนิดหน่อย ดังนั้นรอนจึงเลือกที่จะนั่งพักสายตารอเวลาสอบแทนที่จะนั่งท่องสูตร ยังไงที่ผ่านมาเขาอ่านหนังสือในทั้งสองโลกแบบเต็มเหยียดอยู่แล้ว จะอ่านเพิ่มขึ้นอีก 30 นาทีก่อนสอบคงไม่ได้ช่วยอะไร
“อะไรวะ จะสอบแท้ๆยังไม่อ่านอีก”
“ออกจากห้องสอบก่อนเวลาเรอะ เจ้านี่มันไม่รู้อะไรเลยเหรอไง ข้อสอบ 200 ข้อในเวลา 3 ชั่วโมง อย่าว่าแต่ออกก่อนเลย แค่ทำให้ทันก็ยากแล้ว”
“แต่ก็ไม่แปลกหรอก นักเรียนโรงเรียนxxxส่วนใหญ่มันบ้านรวย ที่มาสอบแข่งขันกันส่วนมากก็แค่สอบเล่นๆไม่จริงจัง ถ้าเห็นว่าทำข้อสอบไม่ได้ก็คงออกจากห้องสอบก่อนแหละ”
เสียงวิจารณ์ดังมาจากกลุ่มนักเรียนกลุ่มนั้น รอนหันไปมองดูไม่ได้พูดอะไร มองจากชื่อโรงเรียนแล้วเขาจำได้ว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่เน้นเรื่องวิชาการมากๆการแข่งขันสูง ดังนั้นนักเรียนทุกคนที่มาสอบวันนี้น่าจะเครียด
เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าการที่คนกำลังเครียดๆอ่านหนังสือแล้วมีคนมานั่งสบายๆไม่ทุกข์ร้อนอะไรมันทำให้เครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นรอนเลยหยิบสมุดจดของตนเองขึ้นมาแล้วอ่านทวนเล่นๆไปไม่ให้คนอื่นเครียด
“ดูมันสิ พอพูดเท่านี้ก็ค่อยนึกได้เอาสมุดจดมาอ่าน แบบนี้จะสอบได้เหรอวะ”
“จะสอบแข่งทั้งทีเอาสมุดจดโรงเรียนมาเปิดอ่าน จะดูถูกการสอบมากไปแล้ว”
คราวนี้รอนขมวดคิ้วชักไม่สบอารมณ์ อะไรของพวกนี้วะ
“เฮ้ย นายสองคนพอได้แล้วน่า คนอื่นเค้าจะอ่านไม่อ่านก็เรื่องของเค้าไปยุ่งอะไรกับเขาด้วย” นักเรียนชายแว่นตากลมขอบดำหนาคนนึงพูดขึ้น “แล้วที่พวกนายอ่านอยู่น่ะมันก็ที่ถ่ายเอกสารจากสมุดจดของเราไม่ใช่เรอะ”
“มันไม่เหมือนกันนี่พิเชฐ สมุดจดนายนี่จดอย่างเทพ อ่านของนายดีกว่าไปอ่านหนังสือเตรียมสอบบางที่ซะอีก จะเอาสมุดจดของใครไม่รู้มาเทียบได้ไง”
“เออๆ พวกเราก็อ่านไปแหละ ใครจะอ่านไม่อ่านก็เรื่องของคนนั้น จะไปยุ่งเรื่องคนอื่นทำไม พอ พอ พอ” เด็กหนุ่มที่ชื่อพิเชฐบอกเพื่อนๆและก้มหน้าก้มตาอ่านต่อ
รอนคลายความฉุนลง วางสมุดของตนเองไว้แล้วพลิกดูนั่นนี่ไปเรื่อยๆ จนเสียงกริ่งดังขึ้น รอนวางสมุดเปิดเอาไว้ หยิบของมาเช็คอีกรอบขณะที่นักเรียนคนอื่นๆลุกและทยอยเข้าห้อง
นักเรียนที่ชื่อพิเชฐเดินผ่านรอนที่นั่งอยู่ ตาเหลือบไปเห็นสมุดจดของรอน สะดุดตากับการจดย่อและสรุปแบบคอร์เนล เด็กหนุ่มคนนั้นหรี่ตามองรอนชั่วขณะนึงก่อนจะเดินต่อเข้าไปในห้องสอบ
รอนเข้าไปลงนั่งประจำที่ เขียนชื่อลงหัวกระดาษ ฝนเลขที่บัตร เมื่อได้รับกระดาษคำถามและสัญญาณเริ่มสอบ เขาก็เริ่มเปิดออกมาก่อนจะเบิกตาอย่างตื่นตะลึง
“มีอะไรรึเปล่านักเรียน” คนคุมสอบถาม
“เปล่าครับ” รอนรีบตอบ
นักเรียนบางคนมองไปที่รอนก่อนจะส่ายศีรษะ แค่เห็นข้อสอบก็ตะลึงแล้ว ดูท่าทางคนนี้คงออกจากห้องสอบทันทีที่ครบ 30 นาทีแน่ๆ
รอนหันไปมองข้อสอบอีกครั้ง เขาเลื่อนสายตาจากข้อ 4 ที่เป็นกราฟอันคุ้นตา เลื่อนไปมองข้อ 1 – 3 ก่อนจะเหงื่อแตก
ข้อ 1 เป็นข้อสอบเก่าปี 2520 ไม่เปลี่ยนช้อยเลย
ข้อ 2 ข้อสอบเก่าปี 2521 เปลี่ยนช้อย
ข้อ 3 ข้อสอบเก่าไม่กี่ปีก่อน แต่เปลี่ยนตัวเลขในโจทย์นิดหน่อย
ข้อ 4 กราฟนี่ของปี253x อะไรสักปี
ข้อสอบเก่านี่หว่า!
เด็กหนุ่มพลิกเปิดดูคำถามทั้ง 200 ข้ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ ข้อสอบนี้เอามาจากข้อสอบเก่าประมาณ 80% โดยส่วนใหญ่มาจากข้อสอบรุ่น 30-40 ปีก่อน ส่วนที่เอามาจากข้อสอบในช่วง 5-10 ปีนี้จะมีการเปลี่ยนโจทย์และช้อยนิดหน่อย
เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนที่จะลงมือติ๊กคำตอบ พอเขามีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นจากการได้ข้ามเลยทำให้มีโอกาสทำข้อสอบเก่ามากขึ้น และยิ่งทำข้อสอบเก่ามากก็ยิ่งทำให้พบว่ามีการเอาPoolข้อสอบเก่ามาใช้ทำข้อสอบใหม่เรื่อยๆ
แต่มันก็ไม่เคยมากเท่ากับปีนี้!
รอนผิดหวังนิดๆ เขาพอจะรู้ว่าการทำข้อสอบมันต้องใช้เงินจ้างครูมาทำข้อสอบ แต่เขาก็ต้องเสียเงินค่าสมัครมาสอบไม่ใช่น้อย พอมาเจอข้อสอบแบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่ได้วัดความรู้จริงๆ กลายเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสได้เห็นเฉลยข้อสอบเก่าๆก็จะได้เปรียบไป
รอนตะลุยติ๊กคำตอบที่ถูกต้องเท่าที่จำได้ลงไปทีละข้อๆ ข้อสอบเก่าที่ทำไปแล้วไม่ต่ำกว่าสองรอบทำให้มั่นใจได้ว่าคำตอบที่เห็นอยู่นั้นไม่ผิดเพี้ยนแน่ จากนั้นเมื่อครบทั้ง 200 ข้อแล้วรอนก็ค่อยย้อนกลับมาเริ่มต้นคำนวณจริงจังอีกครั้งเป็นการเช็คตรวจทาน มีบางข้อที่มีการพลิกโจทย์นิดๆหน่อยๆ รอนก็จัดการแก้คำตอบที่ติ๊กไปก่อนหน้านั้นกลับมาเป็นคำตอบที่คำนวณได้ใหม่
มีคนคุมสอบที่อยู่ในห้อง 2 คน ตอนนั้นเองที่คนที่อยู่หน้าห้องเดินไปหาคนที่อยู่หลังห้อง
“เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อน เราท้องเสีย”
“อืมๆ รีบไปรีบกลับแล้วกัน”
รอนง่วนกับการติ๊กเฉยๆแต่ยังไม่ฝนกระดาษคำตอบ จนกระทั่งในที่สุดก็ทำได้เกือบหมด ขาดอีกเพียง 8 ข้อที่ไม่แน่ใจ
ตอนนี้เองที่รอนคิดว่าได้เวลาฝนคำตอบแล้ว เขาเอื้อมมือไปจับถุงใส่ดินสอจะหยิบกบเหลา ตอนนั้นเองที่ศอกของเขายื่นออกไปแล้วชนกับอะไรบางอย่าง
“โอ๊ค!”
กร๊อบๆๆๆ
ศอกของรอนไปกระทุ้งที่เป้าของคนคุมสอบชายที่กำลังเดินมาจากหลังห้องอย่างรีบเร่ง ถุงดินสอร่วงลงไปที่พื้นก่อนที่ชายที่กำลังเจ็บปวดจะเตะเท้าเข้าไปในถุง ก้าวเซไปข้างหน้า5-6ก้าว
“นี่ ถุงดินสอเธอ อูยยยย”
คนคุมสอบคนนั้นหน้าดำหน้าแดงก้มลงหยิบถุงดินสอส่งคืนให้รอนก่อนจะรีบพุ่งดิ่งตรงไปห้องน้ำ
รอนหยิบเอาถุงดินสอมาดู
“ฉิบหายละ”
ดินสอ 4 แท่งหัวหักหมด นอกจากนั้นไม่พอ หัวที่หักออกมายังเจอเหยียบต่อจนแตกเละ กบเหลาดินสอที่เตรียมมา ก็บังเอิญเจอเหยียบจนแตกหมด
รอนยกมือทันที
“อะไร”
“ดินสอผมหักหมดเลยครับ”
“เธอไม่ได้เตรียมกบเหลาดินสอมาเลยเหรอ”
“ผมเตรียมกบเหลามา 2 อัน ก็แตกหมดเหมือนกันครับ”
“มีใครมีดินสอสำรองให้เพื่อนยืมบ้างไหม”
ทุกคนเงียบ
คนคุมสอบคนนั้นส่ายหน้าเตรียมจะเดินไปหารอนแล้วก็นึกขึ้นได้
ปีสองปีก่อนมีเหตุคล้ายๆกันแบบนี้ จากนั้นคนคุมสอบที่เหลือในห้องแค่คนเดียวเลยเดินไปหานักเรียนคนนั้น จนพอผลสอบประกาศออกมา มีผู้ปกครองของนักเรียนบางคนในห้องนั้นร้องเรียนว่ามีการทุจริต อ้างว่าเหตุเกิดขึ้นตอนที่ครูคุมสอบเดินไปและมองไม่เห็นการทุจริตที่เกิดขึ้นด้านหลัง เรื่องราวใหญ่โตจนกระทั่งคนคนนั้นเจอสอบสวนหลายครั้ง จิตตกกันไป
จะว่าไปมันก็แปลก รอนชูดินสอตั้ง 4 แท่ง กบเหลา 2 อัน มันจะบังเอิญถูกเหยียบแตกหมดเลยรึไง แปลก มันแปลกจริงๆ!
“เธอรอไปก่อน รอให้คนคุมห้องสอบอีกคนกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
คนคุมห้องสอบคนนั้นพยักหน้าให้กับตนเอง แบบนี้แหละเหมาะแล้ว ถ้าทำแบบนี้จะได้ไม่เสี่ยงหากมีคนไปร้องเรียนว่ามีการทุจริตในการสอบ
ขณะที่รอนนั่งงง เดี๋ยวสิ แล้วให้นั่งรอแบบนี้เนี่ยนะ
รอนนั่งรออยู่ 5 นาที ครูอีกคนก็ไม่มีท่าทีจะกลับมา
เอาไงดี …นึกออกแล้ว
เวลาหักกลางดินสอ ไส้ดินสอมักจะโผล่เกยกันออกมาไม่เท่ากัน ถ้าเราหักกลางดินสอก็น่าจะมีส่วนที่ใช้เขียนได้โผล่ออกมา
แป็ก!
หืม?
แป็ก!
หืม?
รอนหักสองแท่ง ปรากฎว่าดินสอหักกลางแบบราบเรียบพอดี เขาหยิบแท่งที่สามและแท่งที่สี่มาหัก ก็ยังคงหักได้แบบราบเรียบ
แล้วรอนก็นึกขึ้นได้
ฉิบละ! ใช้แรงเยอะไป!
เขาลืมนึกไปว่าเขามีพลังจากศิลานักปราชญ์จนมีกำลังมากกว่าคนปกติ พอออกแรงหักเร็วๆทั้งไส้ทั้งไม้ก็เลยหักขาดตรงกลางพอดี เอาไงดี เอาไงดี
รู้แล้ว กระเทาะไม้ออกเอาไส้ตรงกลางออกมา
คนคุมสอบมองดูรอนอย่างหวาดระแวง เจ้าเด็กนั่นทำอะไรของมัน รึว่ามันพยายามส่งสัญญาณอะไรให้เพื่อน
ปึง!
ทุกคนในห้องสะดุ้งหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ขณะที่รอนเองก็มองไปที่โต๊ะของตนอย่างเซ็งจิต … เขาดันใช้แรงมากเกินไป ดินสอที่ถูกทุบแหลกสลายกลายเป็นผงไม้และแกรไฟต์บดละเอียดไม่อยู่ในสภาพฝนคำตอบได้
“เธอพยายามทำอะไรของเธอ จะทุจริตสอบเรอะไง”
“เปล่านะครับ ก็ดินสอผมหักหมด ผมก็เลยกะจะกระเทาะไส้ดินสอออกมาใช้ฝนกระดาษคำตอบ”
“ก็บอกแล้วไงว่าให้รอก่อน อดทนน่ะรู้จักไหม”
“แต่ว่า…”
“พอได้แล้ว นั่นที่ของเธอไป รอให้คนคุมอีกคนกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเธอทำอะไรอีกจะถูกกาหัวกระดาษทุจริต”
คนคุมสอบที่หวาดระแวงสุดๆตัดสินใจแล้วว่าจะใช้คำขู่นี้ … เขาทำงานเป็นคนคุมสอบให้กับบริษัทมาหลายปี เขาไม่อยากเอาอาชีพของตนเองไปเสี่ยง
ถ้าเกิดในห้องสอบมีใครร้องเรียนว่าเขาละเลยหน้าที่จนเกิดการทุจริต เขาอาจจะซวย
แต่ถ้าเจ้าเด็กนี่ทำข้อสอบไม่ทัน ฝนคำตอบไม่ได้ เขาก็อ้างว่าทำตามกฎ หรือไม่ก็แย้งไปว่าเด็กคนนี้ทำข้อสอบไม่ได้อยู่แล้วเลยส่งกระดาษเปล่าก็ได้
“เอาดินสอผมให้เขาก็ได้ครับ” เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนดังขึ้น รอนหันไปมอง เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อพิเชฐแว่นหนาเตอะคนนั้นนั่นเอง
“ไม่ได้ ห้ามให้ยืมของ ห้ามลุกจากที่นั่ง ห้ามทำอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นจะถือว่าทุจริต”
เด็กนักเรียนในห้องทั้ง 60 คนขมวดคิ้ว เกือบทั้งหมดคิดในใจว่าคนคุมสอบคนนี้ประสาทกินหวาดระแวงสุดๆ และแม้จะเห็นใจรอนแต่ก็ไม่มีใครกล้าให้ยืมของ
ขณะที่มีอีก 2 คนเหงื่อแตก
“เฮ้ย เปิดคำตอบหน่อยสิวะ เอ็งรับเงินไปแล้วนะเว้ย”
“จะบ้าเรอะไง คนคุมสอบระแวงขนาดนี้ขืนเปิดไปก็เจอจับได้สิวะ”
แม้แต่คนที่คิดจะทุจริตสอบจริงๆก็พลอยซวยไปด้วยจากเหตุการณ์นี้
รอนนั่งรอแล้วรอเล่าอีก 5นาที จนนาฬิกาบอกเวลาการสอบว่าผ่านไป35นาที แต่ครูคุมสอบอีกคนก็ยังไม่กลับจากห้องน้ำ รอนมองดูกบเหลาที่ตอนนี้แหลกเหลือแต่ใบมีด … จริงสิ จะว่าไปยังมีใบมีดก็น่าจะเหลาดินสอได้นี่
รอนหยิบใบมีดเล็กๆขนาด 5มม.ขึ้นมา
{คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง}
ดูเหมือนคนคุมสอบจะหวาดระแวงเข้าขั้นสูงสุด ถ้าเหลาธรรมดาต้องเจอกาหัวกระดาษแน่ๆ
เด็กหนุ่มค่อยๆขยับมืออย่างช้าๆเคลื่อนไปจับดินสอ จากนั้นขยับนิ้วที่คีบใบมีดค่อยๆเลื่อนไปเหลาดินสออย่างแผ่วเบา ช้าๆ ช้าๆ อย่างไม่ให้ใครสังเกตเห็น
เสียงไม้ถูกเฉือนตัดดังลอดออกมาเบาๆ รอนใช้สัมผัสที่มือค่อยๆหมุนดินสอและเหลาช้าๆ ช้าๆ จนกระทั่งไส้ปรากฎขึ้นมายาวพอที่จะใช้ฝนได้
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นวางใบมีดลง
กิ๊ง!
Battle Technique learned!
[Conceal weapon : Lv 1 15/100]
เอ๊ะ!!