Midterm Fantasy - ตอนที่ 103
ปัง!
เสียงสัญญาณปล่อยตัววิ่ง100เมตรดังพอดี นักวิ่ง8คนวิ่งออกตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีเงาร่างบางอย่างพุ่งผ่านพวกเขาไป
“เฮ้ย”
“ใครวะ”
ร่างในชุดนักเรียนวิ่งผ่านทุกคนอย่างรวดเร็วผ่านทะลุเส้นชัยไปทั้งที่ทุกคนยังวิ่งได้ไม่ถึงครึ่งทางก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าต่อโดยไม่สนใจผู้คน
“มีนักเรียนตกน้ำ ไปช่วยกันหน่อย”
“เร็วเข้า ไปช่วยกัน”
เสียงตะโกนดังมาจากในสนาม ตอนนั้นเองที่คนคุมสอบและนักเรียนที่กำลังแข่งถึงจะรู้ตัวและทยอยกันไปช่วย คนวิ่งตัดลงสนามและลู่วิ่งขวางทางรอนที่กำลังพุ่งไปข้างหน้า เขาหักออกด้านข้างและเจอสนามทราย
“ฮึบ!”
ฟ้าวววว
ร่างของเด็กหนุ่มกระโดดข้ามบ่อทรายในคราวเดียว เท้ากระทบพื้น ก่อนจะดีดตัวพุ่งต่อไปข้างหน้า
“แย่ละ คนเยอะเกินไป ลงสนามไม่ได้เลย”รอนมองไปด้านซ้ายที่คนกำลังวิ่งไปตามลู่ในสนามมุ่งไปทางสระน้ำ ส่วนข้างหน้าคือเสากระโดดสูงที่มีคนยืนขวางทางอยู่ “หลบไป หลบไป”
คนที่ยืนอยู่หลบไม่ทัน แต่ครั้นจะเบรกมันก็จะเสียเวลา
“ฮึบบบ”
ฟ้าววววว
“รอนม้วนตัวข้ามหัวเจ้าหน้าที่คุมสอบและนักกีฬา ทั้งหมดเงยหน้ามองตามร่างที่พลิกข้ามศีรษะไปอ้าปากค้าง อุทานออกมาพร้อมกัน
“สองเมตร!”
ตุ้บ ผึง!
รอนหมุนตัวเอาเท้าลงก่อนจะสปรินท์ตัวพุ่งไปข้างหน้า เขาฝ่าผ่านลานยกน้ำหนักจนไปถึงขอบสระเป็นคนแรก กระโดดตูมลงไปในน้ำ ร่างของเด็กเฝ้าของที่พยายามออกแรงช่วยดึงอย่างไร้ผลโผล่พรวดขึ้นมา
“อ้าห์ ไม่ไหว ไม่ไหว มันหนักไป” คนๆนั้นร้องขึ้น
“ลงไปอีกครั้ง ผมจะยกตุ้มน้ำหนัก คุณดึงคนออกมา” รอนบอกก่อนจะดำลงไปใต้น้ำ
น้ำไม่ลึกมากพอถึงคอ แต่ร่างของพิเชฐที่ยังดิ้นอยู่ใต้น้ำนั้นเห็นได้ชัดว่าถูกกดอยู่จนโผล่มาไม่ได้ ตาทั้งคู่มองอย่างสิ้นหวังและตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตัวเองกลั้นหายใจต่อไม่ไหวแล้วและมีคนมาช่วยแค่คนเดียว
“{ฮึบ}”
น้ำหนักที่กดทับหลุดออกจากร่างของพิเชฐ ตามด้วยมือสองข้างที่ดึงกระชากเขาออกมาจากบาร์เบลนั้น
ส่วนรอนคว้าบาร์เบลขึ้นมาจากนั้นลุกยืน อีกมือเหนี่ยวขอบสระไว้ แล้วโยนบาร์เบลลอยไปตกในสนามดังตูม ก่อนจะปีนขึ้นมา
“เอาขึ้นมานอนตรงนี้ก่อน” รอนร้อง ขณะที่คนที่กำลังพยุงช่วยนั้นมองซ้ายมองขวา อุปกรณ์ยกน้ำหนักตั้งมากมายวางกองเกะกะไปหมด จะวางตรงไหน
“ตรงนี้ มาตรงนี้” รอนวิ่งไปที่ข้างๆ จับบาร์เบลที่ถ่วงน้ำหนักแล้วข้างละอันทั้งสองมือแล้วจับโยนไปรอบๆ ทีละอัน ทีละอัน จนเปิดพื้นที่ให้สามารถวางร่างคนได้
“โขลกๆๆๆ” พิเชฐไอออกมาชุดใหญ่ น้ำไหลออกจากปากจมูก หน้าอกกระเพื่อมหอบหายใจเอาอากาศที่เมื่อครู่ขาดหายไปกลับคืน
จากนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่คุมสอบก็วิ่งมากันถึง คนที่ทำหน้าที่คุมสอบว่ายน้ำเข้ามาดูอาการและโทรเรียกรถพยาบาล
การันต์วิ่งมาถึงพื้นที่เหมือนกันและโล่งใจไปเมื่อเห็นว่าพิเชฐยังหายใจได้ สายตาเลื่อนไปมองที่รอนอย่างขอบคุณ ถ้ามีเด็กมาตายในงานนี้บริษัทเขาต้องเละแน่ๆ
ขณะที่พวกนักเรียนที่มาแข่งหลายคนมองไปยังพิเชฐที่รอดตายหวุดหวิด อีกหลายคนกลับมองไปที่รอนด้วยความรู้สึกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาวิ่ง100เมตร กระโดดไกล กระโดดสูง และยกน้ำหนัก
“รอน เป็นไงมั่ง” แพทวิ่งตามมาทีหลัง ในมือถือกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือที่รอนทิ้งลงพื้นเอาไว้มาด้วย
“เปียกสิ แต่ก็โอเคแหละ คนปลอดภัย”
“โล่งอกไปที” แพทบอก “ว้ายๆๆ ตุ้มน้ำหนักมันกลิ้งมาอีกแล้ว”
นักกีฬายกน้ำหนักเตรียมจะเดินเข้าไป แต่เด็กสาวเอื้อมลงไปจับบาร์เบลหนัก80กิโลกรัมขึ้นมา จากนั้นเหวี่ยงออกไปอีกด้าน
เชี่ยยยยยยย
แล้วนักกีฬายกน้ำหนักคนนึงก็เดินไปที่บาร์เบลอันนั้น ลองยกดู
“ฮึบบบบบบบบบ หนัก”
ของจริงนี่หว่า ไม่ใช่โฟม
แน่นอนว่ามันคือของจริงไม่ใช่โฟม ถ้าเป็นโฟมคงไม่มีเหตุแบบนี้ขึ้นมาให้ตกใจแล้ว
พวกนักเรียนที่เป็นนักกีฬายืนมองเป็นไก่ตาแตก
อะไรวะนั่น
นั่นมันทำลายทุกสถิตินะ
“ขอบคุณ โขลกๆๆ” พิเชฐขอบคุณรอนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รู้ตัวดีว่าถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อครู่นี้เขาต้องตายแน่ๆ
“ไม่เป็นไร พักก่อนเถอะ” รอนบอกและหันไปหาพวกผู้ใหญ่ “ตามรถพยาบาลหรือยังครับ”
“มาแล้วๆ” การันต์ร้องขึ้น รถโรงพยาบาลสีขาวพร้อมไฟสีน้ำเงินแว้บๆแล่นเข้ามาอย่างเงียบเชียบในสนาม มีหมอและพยาบาลลงมาจากรถเข้ามาตรวจ
“อ้าว นี่เธอ นายรอนนี่” หมอเคร้องทักขึ้นขณะที่พยาบาลเอาเครื่องวัดความดันและชีพจรลงไปตรวจพิเชฐอยู่
“คุณหมอเค สวัสดีครับ” รอนตอบ “ไม่นึกว่าจะเจอกันที่นี่”
“โรงพยาบาลผมเค้าส่งรถโรงพยาบาลมาแสตนบายไว้น่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวผมตรวจคนไข้ก่อน”
หมอเคจัดการตรวจร่างกายของพิเชฐ จากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะต้องเอาตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลและพักรักษาตัวสักวันสองวันเพราะน่าจะสำลักน้ำเข้าไป การันต์ในฐานะผู้จัดงาน จัดการเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายให้ล่วงหน้าอย่างไม่รีรอ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นยังไงก็คงไม่มากเกินกว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากพิเชฐเป็นอะไรไป
“เอ่อ เราสองคนติดรถโรงพยาบาลกลับไปด้วยได้ไหมครับ” รอนถาม “อย่างที่เห็น เสื้อผ้าผมเปียกเละหมดแล้ว ยังไงโรงพยาบาลก็อยู่ใกล้โรงเรียนอยู่แล้ว”
“แต่ว่า…” พยาบาลกำลังจะแย้งขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงคนไข้ก็อาการปกติ แล้วนายรอนก็เป็นคนที่เห็นเหตุการณ์และลงไปช่วย ไปด้วยกันนี่แหละเผื่อว่าจะได้ซักถามอะไรเพิ่ม” หมอเคบอก
หมอและพยาบาลช่วยกันเอาคนป่วยขึ้นสเตรชเชอร์แล้วเลื่อนเข็นไปเข้าช่องท้ายของรถ จากนั้นหมอเคก็ให้พยาบาลขึ้นไปนั่งหน้าคู่กับคนขับโดยให้เหตุผลว่าจะได้ไม่ต้องเปื้อนน้ำจากชุดของรอนและพิเชฐ
รถพยาบาลเปิดไฟวาบๆออกไปแล้ว พวกผู้จัดงานและนักเรียนที่เหลือมองตามไป
“ไอ้หมอนั่นมันใครวะ”
“คนไหน”
“ก็คนที่ไปช่วยคนตกน้ำเมื่อกี้”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีนักเรียนโรงเรียนเดียวกันกับหมอนั่นมาเลยนี่ สงสัยจะไม่ใช่โรงเรียนกีฬา”
แต่ละคนมองไปมา ไม่มีใครใส่ชุดเหมือนรอนกับแพทเลย
“ก็ดูนั่นสิ แล้วใครจะเก็บวะนั่น”
บาร์เบล 6-7 อันหนัก50-80กิโลกรัมกระจายทั่วพื้นที่
“ถ้าจำไม่ผิด เจ้านั่นใช้มือเดียวขว้าง”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน โยนมือเดียว”
“…”
“เจ้าหมอนั่นกระโดดข้ามลานทรายกระโดดไกลในครั้งเดียวด้วย”
“วิ่ง 100 เมตรใน 6 วินาที”
“กระโดดข้ามบาร์กระโดดสูง 2 เมตร”
ทุกคนมองหน้ากัน
“กล้องอยู่ไหน”
“ใช่ กล้องอยู่ไหน นี่มันต้องมีกล้องแอบถ่ายแน่ๆ”
“นี่เป็นโอกาสแล้ว แสดงฝีมือให้เต็มที่ ถึงจะเป็นรายการแอบถ่ายแต่ถ้าเค้าได้ภาพพวกเราตอนแสดงฝีมือเต็มที่ ต้องเข้าตาใครสักคนแน่ๆ”
“โอ้ววววววว”
“ซ้าสสสส กรรมการ กรรมการมาเร็ว พวกเราพร้อมวิ่งแล้ว”
“ทีมกระโดดสูงพร้อมแล้ว ขอ 2.2เมตรเลย”
การันต์มองดูรอบๆ ไหนกล้อง มีกล้องด้วยเหรอ
แต่ก็นั่นล่ะ ถือว่ารอนช่วยเขาไว้อีกครั้งนึง ดูเหมือนรอนจะอยู่โรงเรียนเก่าที่เขาเคยเรียน ไว้ถามบราเดอร์สมนึกอีกทีก็แล้วกัน
รถพยาบาลแล่นไปช้าๆตามถนนตามปกติไม่เร่งร้อน ไฟกระพริบเปิดแบบไม่มีเสียงเพราะคนในรถไม่ได้อาการหนักมาก คน 4 คนนั่งอยู่ที่ตอนหลังของรถ หมอเคค่อยๆเอื้อมมือไปเลื่อนปิดช่องเชื่อมระหว่างคนขับและด้านหลัง
“ตรงข้อมือนี่โดนอะไรเหรอ” หมอเคถามถึงรอบช้ำสีแดงที่ข้อมือ
“ตอนที่จมน้ำลงไปผมถูกบาร์เบลทับครับ” พิเชฐบอก “ตอนตกลงไปมันกระแทกข้อมือเข้า ตอนแรกมีคนลงไปช่วยแล้วรอบนึงแต่ยกไม่ไหวแล้วดูเหมือนจะตกลงมากระแทกอีกรอบ”
หมอเคตรวจรอยบนข้อมือแล้วทดสอบดู เมื่อเห็นว่าไม่หักก็ถามต่อ
“แต่ตรงนั้นไม่มีบาร์เบลนี่นา มันไปไหนแล้วล่ะ”
“ตอนรอนเค้าช่วยผมเสร็จ รู้สึกเค้าจะเหวี่ยงมันทิ้งไปในลานครับ”พิเชฐตอบโดยไม่ได้คิดอะไร เขาไม่รู้ว่าบาร์เบลอันนั้นมันหนักแค่ไหนเลยไม่ได้แปลกใจนักตอนที่เห็นรอนโยนมันทิ้งไปด้วยมือเดียว
“โยนทิ้งเรอะ”
“ครับ แต่ข้อมือผมคงไม่หักใช่ไหมครับหมอ บาร์เบลในลานนั่นไม่ได้หนักอะไรเท่าไหร่นี่นา ตอนที่ผมนอนอยู่ยังเห็นคุณแพทใช้มือเดียวเหวี่ยงมันทิ้งทีละอันสองอันอยู่เลย”
ชิ้ง~ เสียงในรถเงียบลงมีเพียงเสียงแอร์เป่า
“อ้อ พิเชฐ เราเพิ่งนึกได้เลยว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้ว นายรู้จักชื่อเราได้ยังไงกันทั้งๆที่เรายังไม่ได้แนะนำตัวอะไรเลย”
กิ๊งๆ เสียงดังในหัวของแพทและรอนขึ้นมาพร้อมๆกัน
{คุณรับรู้ได้ว่ามีคนกำลังสงสัยคุณอยู่}
รอนเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ดูเหมือนถ้าใช้มุกที่ตื้นเกินไป สกิล deception ก็ไม่ช่วยอะไรสินะ ส่วนพิเชฐก็ตอบโดยไม่ทันได้รู้อะไรด้วย
“อ๋อ เรารู้จักนายจากในเกมไง”
“เกม?”
“เราใช้ชื่อว่า Nirvana Sword ไง”
“เฮ้ย! จริงดิ”
รอนร้องอุทานขึ้น Nirvana Sword เป็นผู้เล่นเบอร์ระดับกลางค่อนไปทางสูงในเกมออนไลน์ที่เขาเคยเล่น อันที่จริงเคยTagทีมกันมาแล้วหลายครั้งด้วยซ้ำไป
“แล้วนายรู้จักหน้าเราได้ยังไง”
“คือเพื่อน ไม่สิคนที่เคยร่วมทีมกับนายที่ชื่อกวินกับเอกชัย มันเอารูปของนายไปลงในฟอรั่ม แล้วบอกว่านายขี้โกง” พิเชฐบอก “มันบอกว่าพอรวมทีมกับนายแล้วไปแข่งวางเดิมพันกัน นายก็แกล้งแพ้ให้อีกฝ่ายได้เงิน”
“เอ่อ เรื่องนี่มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่” รอนถาม พยายามมองในแง่ดีว่าอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เขามีเรื่องกับสองคนนั้นใหม่ๆ
“เกิดเมื่อสัปดาห์ก่อน”
รอนถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกว่าขนาดเขายอมยกโทษไม่เอาเรื่องราวอะไรกับสองคนนี้แล้วแท้ๆ แต่ทั้งคู่ยังตามมาแทงข้างหลังเขาได้อย่างไม่หยุดหย่อน
“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพราะพอสองคนนั่นลงภาพคุณไปสักพัก พวกที่เคยเล่นด้วยกันกับคุณรอนก็เข้ามาช่วยกันรุมถล่มมัน คนที่เคยเล่นร่วมทีมกับพวกคุณรู้กันดีแหละว่าใครที่เชื่อได้เชื่อไม่ได้” พิเชฐบอก “แล้วเรื่องภาพก็ยิ่งไม่ต้องห่วง พอมีคนเข้าไปร้องเรียนมากๆ แอดมินก็แบนสองคนนั้นทิ้งเรียบร้อยแล้ว”
รอนโล่งใจไปอีกเปลาะหนึ่ง จากนั้นรถก็ค่อยๆเลี้ยวโค้งเข้าโรงพยาบาลไป