Midterm Fantasy - ตอนที่ 109
บรึม!
เสียงกึกก้องกัมปนาทดังทำลายความเงียบสงัดยามวิกาล เสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า5เสาพร้อมๆกัน
“เกิดอะไรขึ้น” เบรเซอร์วิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับมาเรียและพอล ขณะที่ชาวบ้านที่เฝ้ายามที่หน้าทางออกต่างถืออาวุธมองออกไปอย่างงงงวย
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ชาวบ้านคนนึงบอก
“หรือว่าจะเป็นมอนสเตอร์” ใครคนนึงนึกไปถึงก็อบลินเมจซึ่งใช้เวทไฟได้
“เป็นไปไม่ได้หรอก เวทนั่นมันเวท Fire Pillar เวทเสาเพลิงระดับ3 แถมยังปล่อยออกมา 5 อันพร้อมๆกันอีก ก็อบลินมันทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอก”
ชาวบ้านต่างมาออกันที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน หน่วยป้องกันหมู่บ้านต่างเร่งใส่ชุดเกราะ อาวุธถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนอย่างเป็นระเบียบ
“คุณปู่คะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” โรล่าในชุดเกราะหนังขี่หลังเสือดำตรงมา ดาบและโล่สะพายอยู่ที่ด้านหลัง
“ยังไม่รู้เหมือนกัน” เบรเซอร์ตอบ “ว่าแต่มีใครไปตามคุณรอนกับคุณแพทแล้วหรือยัง”
“เอ่อ หัวหน้าหมู่บ้านครับ อันที่จริงคุณรอนกับคุณแพทออกจากหมู่บ้านไปครับ” คนที่อยู่เวรยามบอก “จุดที่เสาเพลิงปรากฎขึ้นมาก็คือจุดที่ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปครับ”
“หา!”
เบรเซอร์ร้องออกมาได้เท่านั้น ร่างของรอนและแพทก็ค่อยๆเดินตรงมาตามถนนด้านนอก
“บอกแล้วไงว่าให้ถือทีละอัน” รอนว่า
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเวลาปล่อยมานาออกจากมือมันจะออกสองมือ” แพทบ่น
เมื่อกี้ทั้งสองคนคิดว่าจะลองใช้ม้วนเวทแล้วคำนวณปริมาณมานาที่ต้องใช้กับเวลาก่อนที่ม้วนเวทจะทำงาน ซึ่งแพทดันถือม้วนเวทที่จะใช้ในมือขวา 1 แผ่น แต่ดันถือม้วนที่ไม่ใช้ในมือซ้ายอีก 4 แผ่น ซึ่งพอปล่อยพลังเวทเข้าไป กลายเป็นว่ามันไปกระตุ้นม้วนเวททั้ง 5 แผ่นพร้อมกัน
ยังดีที่แพทสังเกตเห็นแสงที่เรืองออกมา ก็เลยทิ้งทั้งหมดแล้ววิ่งหนีทันก่อนท้วนเวททำงาน
“ที่แท้เป็นคุณสองคนไปทดสอบม้วนเวทเหรอครับ”
“ครับ ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้ตกใจกัน”
รอนขอโทษก่อนจะล้วงเอาม้วนเวทที่เหลือในกระเป๋าส่งให้คุณเบรเซอร์
“นี่คือม้วนเวทFire Pillar ครับ เป็นม้วนเวทที่ผมกับแพทช่วยกันทำขึ้นมา” รอนบอก “การกระตุ้นก็ใช้การปล่อยมานาและพูดว่า Activated ตามปกติครับ”
“แต่ว่าเวทระดับ 3 ต้องใช้พลังเวทในการกระตุ้นมาก คนที่จะใช้ได้น่าจะมีไม่กี่คน” เบรเซอร์บอก
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณเบรเซอร์” แพทบอก “เพราะม้วนเวทนี้ทำขึ้นพิเศษ พลังเวทที่ใช้เพื่อกระตุ้นม้วนเวทนี่ใช้น้อยกว่าปกติค่ะ หรือจะใช้แค่ผลึกแกนมอนสเตอร์ระดับที่ 1 ก็เพียงพอแล้วค่ะ”
“โอ้”
“ของมีค่าขนาดนี้”
เบรเซอร์ดูม้วนเวทที่เหลืออีก 15 แผ่นในมือ ถ้าหากตีค่าเป็นจำนวนเงินแล้วก็มากหลายอยู่ เบรเซอร์กำลังจะพูดอย่างเกรงใจออกไป แต่เมื่อค่อยๆคิดถึงเงินที่รอนมอบให้หมู่บ้านเมื่อวันก่อนตั้งมากมายแล้ว เขาก็ค่อยๆสงบจิตใจลง
ดูท่าทางต่อหมู่บ้านนี้จะติดหนี้บุญคุณเด็กหนุ่มคนนี้อย่างชดใช้ไม่หมดสินะ
เบรเซอร์และชาวบ้านคนอื่นๆมองรอนแล้วค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองที่โรล่าพร้อมๆกันโดยมิได้นัดหมาย แต่ละคนแอบหวังให้หนุ่มสาวสองคนนี้ลงเอยกัน เพื่อที่รอนจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไป
“โอ้ นี่คือเสือดำที่โรล่าทำสัญญาไว้นี่” รอนอุทานขึ้นมองไปที่เสือดำตัวเมียตรงหน้า ดูแล้วมันอ้วนสมบูรณ์ขึ้น ขนเป็นเงาดำขลับกว่าแต่ก่อน
“ใช่ค่ะ” เด็กสาวตอบพลางเกาขนคอ “โรล่าตั้งชื่อมันว่าเจนัวค่ะ”
“ว่าแต่ลูกๆของมันอยู่ไหนล่ะ ขอผมไปดูหน่อยได้ไหม” รอนพูดขึ้นอย่างสนใจ
“อ๊าาา คงไม่เหมาะมั้งคะคุณรอน เอ่อ คือเจ้าเจนัวมันเป็นเสือแม่ลูกอ่อน ถ้าคุณรอนเข้าไปมันอาจจะโมโหได้นะคะ”
เด็กสาวพูดแล้วก็ต้องหยุดไปเพราะเจ้าเจนัวกำลังใช้หัวถูไถไปที่รอนและพยายามดึงเสื้อเด็กหนุ่มกลับไปด้วยกัน
“จริงสิ โรล่าเลี้ยงเจ้าเสือและลูกๆไว้ที่โบสถ์ใช่ไหม”เบรเซอร์ว่า “ปู่ขอไปดูหน่อยสิ”
“ใช่ เดี๋ยวเราไปดูพร้อมๆกันเลย” รอนบอก
“อ๊าาาาาาา ไม่น้าาาา”
เด็กสาวร้องออกมาอย่างตกใจ จนทั้งเสือทั้งคนที่อยู่ตรงนั้นหันไปมองอย่างงงๆ
“ไม่ได้นะคะ ค คือตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆค่ะ” โรล่าดึงหูเสือดำทันที “ไปเร็วเจนัว กลับไปหาลูกๆแกเร็วเข้า”
โรล่าขี่เสือดำกลับไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
“เป็นอะไรของเค้ากันนะ” ทุกคนมองตามอย่างงงๆ
เด็กสาวขี่เสือมาจนถึงทางเข้าโบสถ์ ลูกเสือต่างวิ่งออกมาต้อนรับแม่ของมัน โรล่าจัดการปิดประตูโบสถ์ลงกลอนไว้ หายใจถี่กระชั้นจนอกอิ่มยกขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น
“เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว จะให้ทุกคนรู้ไม่ได้”
เด็กสาวเดินไปที่เรือนกระจกของโบสถ์ เปิดประตูเข้าไปในนั้นช้าๆ
“ทำไมกันนะ ทำไมกัน ทำไมน้ำมนต์ถึงไม่ได้ผล” โรล่าหยิบเอาน้ำจากถังน้ำเสกของโบสถ์มารดลงไป
“ทำไมต้นไม้ต้องสาปพวกนี้ถึงทนน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าคุณปู่รู้ต้องโมโหแน่ๆ”
เด็กสาวยังคงตักน้ำราดลงไป ต้นกัญชาชูกิ่งก้านสูงใหญ่ชูช่อดอกสดใสไปทั่วทั้งแปลง
จะให้ใครรู้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
***
ปี๊บๆ ปี๊บๆ ปี๊บๆ
เสียงสัญญาณดังมาจากตู้ยามของหมู่บ้าน แสงสีแดงแวบวาบขึ้นที่กล่องใบหนึ่ง กล่องสื่อสารพลังเวทประจำหมู่บ้านที่เอาไว้ติดต่อเรื่องด่วนดังขึ้นมา พอลรีบวิ่งไปเรียกเบรเซอร์มา พ่อเฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านวิ่งจากบ้านมาที่เครื่องสื่อสารทันที
“เบรเซอร์พูดครับ” หัวหน้าหมู่บ้านพูดเข้าไป
“นี่นายกองโยฮันเอง คุณเบรเซอร์สบายดีนะครับ” เสียงนายทหารแห่งเมืองกาล่าดังเข้ามา “คุณรอนอยู่แถวนั้นไหมครับ”
“อยู่ครับ” รอนที่อยู่ข้างหลังพูดเข้าไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ”
“อันที่จริงไม่รู้จะเรียกว่ามีเรื่องหรือเปล่า” โยฮันบอก “คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาวุธที่ร้านARMAMENTของคุณรอนจัดหาให้เมืองกาล่าน่ะครับ”
“มีปัญหาอะไรเหรอครับ”
“ไม่ได้มีปัญหาหรอกครับ คืออาวุธที่ขนส่งไปมันคุณภาพดีมาก ดีจนบรรดาดักซ์ มาร์จิสเตอร์ เจ้าเมืองทั้งหลายต่างแย่งกันซื้อ ทีนี้พอแย่งกันซื้อแล้วเกิดทะเลาะถกเถียงกันมาก ข่าวลือเลยไปถึงเมืองหลวง” โยฮันบอก “และพอทราบว่าคุณรอนคือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการกำจัดนักรบมังกรดราซัคทางเมืองหลวงก็เลยส่งคำสั่งมา ขอให้เชิญตัวคุณรอนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับร้านARMAMENTไปพูดคุยที่เมืองหลวงครับ”
“เชิญตัวเหรอครับ”
“คุณรอนไม่ต้องกังวลหรอกครับ แม้จะบอกว่าเชิญตัวไปคุย แต่ความจริงเป็นเหมือนเชิญไปร่วมงานเลี้ยงเสียมากกว่า” โยฮันบอก “ท่านโซล่าและท่านมีอาก็จะเดินทางไปด้วยดังนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ”
รอนหันมองเบรเซอร์ ดูเหมือนเขาก็ไม่ได้มีสีหน้ากังวลอะไรและตกลงที่จะไป ดังนั้นรอนจึงตอบตกลงไป โยฮันจึงนัดแนะวันเพื่อเดินทางกัน ขบวนทหารจะเดินทางจากเมืองกาล่ามาแวะที่หมู่บ้านก่อนจะเดินทางต่อเพื่อไปเมืองหลวง
“ดูคุณรอนจะกังวลเรื่องที่ทางเมืองหลวงเรียกตัว” เบรเซอร์พูด “แต่ว่าไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ พระราชาแห่งแอสคาลอนของเราเป็นผู้ทรงธรรม การเรียกตัวครั้งนี้ไม่น่ากังวลอะไรแน่นอน”
“อย่างนี้ก็เบาใจลงหน่อย”
“แต่อันที่จริงก็ไม่น่าวางใจซะทีเดียว” เบรเซอร์พูดต่อ
“อ๊ะ”
“คุณรอนน่าจะจำได้ถึงตอนที่คุณรอนมีปัญหากับสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองกาล่า” เบรเซอร์บอก “ในเมืองหลวงเองมีกลุ่มตระกูลแบบนี้จำนวนไม่น้อยแบ่งเป็นฝักฝ่าย คุณรอนต้องระวังคนพวกนี้ไว้ให้มากครับ”
คนที่จะเดินทางไปด้วยกันมีเบรเซอร์ โรล่า พอล รอน และแพท ส่วนมาเรียซึ่งตอนแรกว่าจะเดินทางไปด้วยนั้นถูกโรล่าขอร้องให้ช่วยดูแลเสือดำและโบสถ์ ให้ช่วยให้อาหารและรดน้ำต้นไม้ในเรือนเพาะชำ
“จะว่าไปพวกเราเดินทางไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” แพทว่า “มันตรงกับเป้าหมายของพวกเราเลย”
“หืม?” รอน
“ก็ถ้าเราสองคนอยากจะใช้หมู่บ้านโอลเซ่นสงบสุข เราก็ต้องทำให้เมืองกาล่าสงบสุข ต้องวางแผนการจัดการเรื่องการเดินทางอาวุธ การป้องกันตนเอง” แพทบอก “แต่มอนสเตอร์มันไม่ได้อยู่ประจำที่ ถ้าหากมอนสเตอร์ไปทำให้เมืองอื่นเดือดร้อน เมืองกาล่าก็จะเจอผู้อพยพหรือไม่ก็ถูกขอให้ไปช่วยอยู่ดี ดังนั้นเราควรใช้โอกาสนี้หาทางทำให้เมืองอื่นๆมีระบบป้องกันตัวเองที่ดีขึ้นไปด้วย ต่อไปเราสองคนจะได้อยู่ที่นี่ได้สบายๆไม่ต้องกังวลอะไร”
“อืม ฟังดูแปลกๆดี แต่แพทว่าไงก็ว่าตามนั้นแล้วกัน” รอนบอก “แต่ก็ดีเหมือนกัน แบบนี้น่าจะเป็นโอกาสที่จะเจรจาซื้อขายอาวุธได้มากขึ้น จะได้หาเงินได้มากขึ้น”
แพทมองหน้ารอนโดยไม่พูดอะไร ความจริงเหตุผลที่เธอพูดออกไปเมื่อกี้นี้ก็ตรรกะวิบัติจริงๆนั่นแหละ เพราะถ้าใช้เหตุผลนั้นก็แปลว่าต้องขยายอำนาจของอาณาจักรไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
เหตุผลจริงๆของเธอก็เพื่อที่จะให้ร้าน ARMAMENT ของรอนขยายตลาดไปได้มากขึ้น ถ้าหากเข้าถึงเมืองหลวงได้ล่ะก็ โอกาสที่จะผูกขาดการค้าก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
เด็กสาวยิ้มให้กับตัวเอง เธอไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วรอนมีเหตุผลอะไรที่จะต้องหาเงินมากๆ แต่ถ้ามันคือความต้องการของเขา เธอก็จะสนับสนุนให้เต็มที่