Midterm Fantasy - ตอนที่ 112
Midterm 112
“ท่านรอน ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ท่านต้องมาเจออะไรแบบนี้ไปด้วย” เจ้าเมืองโซล่าบอกกับเด็กหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับ มันไม่ใช่ความผิดของท่านเลย” รอนบอก “ว่าแต่คนๆนั้นคือใครหรือครับ”
รอนพูดถึงชายร่างอ้วนหัวโล้นคนนั้นที่จู่ๆก็โผล่มาแล้วก็พูดดูถูกถากถางขบวนทหารและชาวบ้าน
“คนเมื่อครู่คือวุฒิสมาชิกจัสตินครับ เป็นสมาชิกสภาสูงแห่งแอสคาลอน” โซล่าบอก “ท่านรอนอย่าเข้าใจผิดว่าเขาเพ่งเล็งหรือคิดร้ายอะไรกับพวกเราเลยครับ ความจริงเขาก็ทำอย่างนี้กับกองทหารของเจ้าเมืองเล็กๆและชาวบ้านทั่วไปอยู่แล้วครับ”
“ทำแบบนี้อยู่แล้ว?” รอนถามแบบสงสัยเข้าไปอีก
“ใช่ครับ ทำแบบนี้อยู่แล้วกับชาวบ้านและทหารจากเมืองเล็กๆอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใดครับ” เจ้าเมืองบอก “แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีการแบ่งชนชั้นอย่างเป็นทางการ แต่ในหมู่ชนชั้นสูงของเมืองหลวงวาเลนเทียจะแบ่งแยกชนชั้นสูงและชนชั้นพลเมือง และบางคนจะถือว่าคนที่ไม่ใช่ชาววาเลนเทียไม่ใช่พลเมืองหากแต่เป็นประชาชน ดังนั้นการที่พวกเราถูกดูถูกแบบเมื่อครู่เลยไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติครับ”
รอนยิ่งฟังแล้วยิ่งรู้สึกว่าเป็นปัญหา ดูเหมือนว่าทัศนคติของชนชั้นสูงพวกนี้จะชำรุดตั้งแต่แรก แบบนี้เห็นทีจะลำบาก
“ธรรมเนียมเก่าคร่ำครึ” มีอาบ่น
“ไม่ว่าจะคร่ำครึหรือไม่ แต่เราอยู่ในสถานะที่ไม่อาจไปต่อล้อต่อเถียงได้ ทนทนไปก่อนก็แล้วกัน พอเสร็จงานนี้เราก็ได้กลับเมืองไม่ต้องทนดูทนฟังคนพวกนี้แล้ว” เจ้าเมืองโซล่าหันไปดุลูกสาว “อย่าทำอะไรให้พระราชาต้องลำบากพระทัย”
“ชนชั้นสูง … จะว่าไปตอนนั้นพวกตระกูลซันเดอร์ ตระกูลซิวเวอร์รอน และตระกูลเซเลนิค สามตระกูลใหญ่นั่นก็เป็นพวกชนชั้นสูงจากวาเลนเทียใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วท่านรอน หลังจากเหตุครั้งนั้นที่ชาวเมืองไม่พอใจจนสามตระกูลนั้นอยู่ไม่ได้จนต้องอพยพออกไป พวกนั้นก็กลับมาที่วาเลนเทีย แต่ว่าฐานะและกำลังก็เล็กลงมาก” ท่านโซล่าบอก “หวังว่าครั้งนี้พวกเราคงไม่ต้องเจอกับพวกนั้นอีก”
รอนฟังแล้วก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนที่นี่จะมีธรรมเนียมบางอย่างคล้ายๆโรมัน มีการแบ่งสถานะระหว่างพลเมืองแห่งเมืองหลวงและประชาชนในเมืองอื่น และในเมืองหลวงเองก็แบ่งชนชั้นระหว่างชนชั้นสูงและชนชั้นพลเมืองอีกทีนึง
และดูเหมือนจะไม่ใช่ธรรมเนียมที่แข็งแรงมากนักเพราะว่าตอนที่เกิดการดูถูกขึ้นนั้นรอนก็เห็นชัดว่าทหารของท่านโซล่าต่างไม่พอใจ
และประเมินจากคำพูดเมื่อครู่ของท่านโซล่า ดูเหมือนพระราชาแห่งแอสคาลอนจะไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับชนชั้นสูงพวกนั้น
“ท่านโซล่าครับ มีนายทหารเดินทางมาขอเข้าพบครับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาบอก โซล่ามองตามไปเบื้องหลัง สีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที
“โอ้ ท่านบรูตัส เชิญเชิญ” โซล่าเดินตรงไป ยกมือขึ้นทาบที่หน้าอกและโค้งศีรษะให้ “ดักซ์แห่งกาล่า ขอแสดงความเคารพต่อมาร์จิสเตอร์แห่งแอมโบรเซีย”
แม้ปากจะพูดแสดงความเคารพต่อผู้ที่ตำแหน่งสูงกว่า แต่นายทหารทั้งสองก็เดินเข้ากุมแขนและสวมกอดกัน
“ฮ่าๆๆ โซล่า ครั้งนี้ท่านทำความชอบมากนัก กำจัดนักรบมังกรดราซัคได้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด”
“ไม่เท่าไหร่หรอกบรูตัส อันที่จริงความชอบนี้ต้องยกให้กับท่านรอน ถ้าไม่ได้ท่านรอนเข้าช่วยเหลือเมืองกาล่าคงพังพินาศไปแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านนี้ก็คงเป็นท่านรอนสินะ” บรูตัสพูดพลางหันไปทางรอน “ข้าคือบรูตัส แอมโบรเซีย เป็นมาร์จิสเตอร์ผู้ปกครองเมืองแอมโบรเซีย”
“สวัสดีครับ” รอนยิ้มรับให้กับนายทหารตรงหน้าที่ดูเป็นมิตรและใกล้ชิดกับท่านโซล่าในขณะที่บรูตัสเองก็มองจากศีรษะจรดปลายเท้า รอนอยู่ในชุดเกราะตำรวจปราบจลาจลสีดำที่ดูแปลกตาจนทำให้นายทหารคนนี้จ้องอย่างสนใจ
“อ้อ บรูตัส เมื่อครู่นี้พวกเราเพิ่งพบกับวุฒิสมาชิกจัสติน …” โซล่าเอ่ยขึ้น
“ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะเตือนท่านเรื่องนี้นี่แหละ” บรูตัสกล่าว “ตอนนี้เรื่องที่ท่านจะเดินทางมาที่เมืองหลวงพร้อมกับผู้กล้าที่กำจัดนักรบมังกรดราซัคน้ันร่ำลือไปทั่วแล้ว พวกตระกูลชั้นสูงหลายตระกูลถึงกับพูดปล่อยข่าวลือไปทั่ว”
“ข่าวลือเรอะ” โซล่าหน้ามู่ขึ้นทันที ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ใช่แล้ว ที่เมืองกาล่าของท่านเคยมีพวกตระกูลซิลเวอร์รอนใช่ไหม” บรูตัสบอก “พวกนั้นเดินทางอพยพมายังเมืองหลวงและปล่อยข่าวว่าเหล่าตระกูลชั้นสูงที่ร่วมรบป้องกันเมืองจากนักรบมังกร ถูกพวกท่านแย่งเอาความดีความชอบไปและขับไล่ให้ต้องออกจากเมืองมา”
“เจ้าพวกซิลเวอร์รอนเรอะ!”
“ใช่ แม้ทางกองทัพจะเห็นหลักฐานความเลวร้ายของพวกสามตระกูลใหญ่นี้ แต่ว่าข่าวลือก็คือข่าวลือ ตอนนี้ในหมู่วงชนชั้นสูงของเมืองหลวงต่างมองพวกท่านในแง่ร้ายกันทั้งนั้น” บรูตัสบอก “วันพรุ่งนี้อันเป็นกำหนดที่พวกท่านจะมาถึง เจ้าพวกนั้นถึงกับป่าวประกาศเกณฑ์ชาวเมืองมาดูพวกท่าน”
“ถ้าอย่างนั้นที่จัสตินพูดกับพวกเราเมื่อครู่ว่าเหม็นสาบเหงื่อไคลพวกเรานั่น”
“ถูกต้องแล้ว พวกนั้นตั้งใจจะให้ชาวเมืองเห็นพวกท่านเข้าเมืองในสภาพที่เหงื่อไคลไหลย้อยเหม็นเหงื่อไคลโทรมที่สุด ให้ประสบการณ์แรกของชาวเมืองต่อพวกท่านไม่ค่อยดี”
มนุษย์เราต่างมีนิสัยที่แปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง สิ่งที่เห็นเป็นครั้งแรกมักจะสร้างภาพลักษณ์ที่ประทับในจิตใจส่วนลึกและมีผลต่อความรู้สึกในครั้งถัดๆไป
“พวกนั้นบอกว่าเหม็นกลิ่นเหงื่อตัวของพวกเราแบบนี้นี่มันน่าจริงๆ” แพทบ่น “พวกเราเดินทางมาตั้งไกล เหงื่อมันก็ต้องออกเป็นธรรมดาสิ ไม่ได้นะคะท่านโซล่า แบบนี้เราต้องอาบน้ำซักล้างชุดทุกคนก่อนเข้าเมืองกันนะคะ”
“คุณแพทอย่าล้อเล่นสิคะ พวกเรามากันเป็นพันๆคน เราจะไปหาน้ำที่ไหนมาอาบมาซักล้างคะ” มีอาพูดขึ้น “และจากเส้นทางนี้ไปที่เมืองหลวงก็ไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่เราจะใช้อาบน้ำด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นก็ใช้เวทมนตร์น้ำเพื่อเอามาอาบน้ำก่อน หรือไม่ก็หาที่พักแรมเพิ่มอีกสักวันก่อนจะเข้าเมือง” แพทเสนอ
“มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ที่ข้าเดินทางมานี่ก็เพื่อจะส่งข่าวให้พวกท่านทราบ” บรูตัสเหลือบไปจ้องมองแพทอย่างไม่วางตา “วุฒิสมาชิกและพวกตระกูลชั้นสูงต่างทูลเชิญพระราชาให้มาต้อนรับพวกท่าน ตอนนี้ทุกคนในเมืองทราบแล้วว่าท่านมาตั้งทัพที่นี่ ทุกคนต่างคาดว่าพวกท่านจะเดินทางอย่างรวดเร็วและไปถึงที่เมืองในพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงวันพอดี”
แต่แรกทั้งหมดคาดว่าจะได้เข้าเมืองไปพักชำระล้างเสื้อผ้าและร่างกายสักวันนึงก่อนจะเข้าเฝ้าจึงได้เร่งเดินทางสามวันต่อเนื่องโดยไม่ได้พักอาบน้ำ กลิ่นสาบเหงื่อไคลส่งกลิ่นอย่างชัดเจน
จะให้ใช้เวทน้ำเรอะ ก็คงทำได้แค่การอาบน้ำ คงไม่เพียงพอที่จะใช้ซักเสื้อผ้าและทำให้แห้ง
จะให้รีบเร่งเสี่ยงเดินทางผ่านป่าที่อาจมีอันตรายในคืนนี้เพื่อไปพักชำระล้างร่างกายเปลี่ยนชุดรึ ไม่อยู่ในความคิดของโซล่าเลย เขาไม่เอาชีวิตของคนของเขาไปแลกกับหน้าตาแน่ๆ
“ถ้าพระราชาเสด็จมารอเช่นนี้ก็คงไม่มีทางอื่น พวกเราคงต้องเร่งเดินทางแต่เช้า” โซล่าบอก
รอนมองดูเจ้าเมืองโซล่าอย่างเห็นใจ ดูท่าทางพวกนั้นตั้งใจจะทำให้ท่านโซล่าถูกหัวเราะเยาะตอนเข้าเมือง
เด็กหนุ่มเองก็ออกจะฉุนๆอยู่
เหม็นสาบเหงื่อเรอะ!
ไม่ได้อาบน้ำเรอะ!
คอยดูเถอะ จะต้องแก้ไขให้ได้
กริ๊งงงงงงง
“รอน แพทว่าจะเอาน้ำหอมไปที่โลกโน้น อย่างน้อยไม่ได้อาบน้ำแต่ถ้าใช้น้ำหอมล่ะก็ต้องช่วยได้แน่ๆ” เด็กสาวบอก
“มันไม่พอหรอกแพท ขบวนของพวกเรามีคนพันกว่าคน ถ้าเธอไม่ได้มีน้ำหอมเป็นแกลลอนก็คงไม่พอใช้หรอก”
“แต่ว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้นะ ท่านโซล่าต้องถูกพวกนั้นดูถูกเอาแน่ๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้เราคิดไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราจัดการเอง”
หลังจากเลิกเรียนรอนแวะไปที่ห้างค้าปลีก ก่อนจะออกมาพร้อมกับลังกระดาษสองลัง เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะไปเอาลังอาวุธที่โกดังอีก 2 ลังไปให้กับแพท ส่วนตนเองขนลังทั้งสองกลับแท็กซี่ไปที่บ้าน
‘วาร์ป!’
ที่ประตูเมืองวาเลนเทีย ประชาชนจำนวนมากเดินผ่านไปมารอคอยการเดินทางมาถึงของกองทหารจากเมืองกาล่า คนที่มารอคอยนั้นมีตั้งแต่คนหนุ่มสาวที่อยากรู้อยากเห็น ไปจนถึงคนสูงวัยที่ได้ยินคำร่ำลือ คำร่ำลือที่ว่าในขบวนที่เดินทางมานี้มีคนที่สามารถกำจัดดราซัค หนึ่งในนักรบมังกรแห่งความมืดที่เคยออกอาละวาดเมื่อ 30 ปีก่อน
และนอกจากชาวเมืองแล้ว ผู้ที่เฝ้ารอการเดินทางของกองทหารกาล่าอย่างใจจดจ่อก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง
“หัวหน้าตระกูลเซเลนิค คนของเจ้าพร้อมรึยัง” วุฒิสมาชิกจัสตินถามจากที่นั่งบนกำแพงเมือง
“พร้อมแล้วครับ คนของข้าไปรอที่ประตูเมืองแล้ว”
“คนของซิลเวอร์รอนก็พร้อมแล้ว”
“คนของซันเดอร์ก็พร้อมเช่นกัน”
“ดีมาก จำเอาไว้ เมื่อพวกทหารของเมืองกาล่าเข้ามา คนของพวกเจ้าจะต้องทำท่าทางเหม็นกลิ่นของเจ้าพวกนั้น และต้องพูดออกมาให้ชาวเมืองที่มารอได้ยินพร้อมๆกัน” จัสตินบอก “เจ้าพวกชนชั้นนักรบที่โอหังพวกนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง”
“ครับ ท่านจัสติน พวกเราจะจดจำเอาไว้”
“พวกมันเร่งเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้อาบน้ำทำความสะอาดแบบนี้กลิ่นกายสาบเหงื่อไคลต้องตลบอบอวลแน่ๆ คราวนี้แหละ ชาวเมืองจะจดจำพวกมันได้ในเรื่องกลิ่นมากกว่าเรื่องผลงานแน่ๆ”
“แต่ถ้าพวกมันแวะหาน้ำอาบก่อนล่ะครับ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ระหว่างทางที่จะมาที่นี่ไม่มีแหล่งน้ำ แถมเจ้าบรูตัสก็ออกไปเตือนมันแล้วว่าพระราชากำลังรอคอยการมาของพวกมัน พวกมันต้องไม่กล้าแวะที่ไหนแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“นั่น กองทหารเดินทางมาแล้ว”
ชาวเมืองชี้ไปเบื้องหน้า ที่ไกลลิบนั้น ทุกคนเห็นธงยอดอินทรีนำขบวนมา ถัดจากนั้นเป็นสีแดงของพู่หมวกทหาร
“ฮ่าฮ่า มันมาแล้ว พวกเจ้าไปสั่งคนของพวกเจ้าให้เตรียมพร้อมกันได้” วุฒิสมาชิกหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หัวหน้าตระกูลทั้งสามรีบลงจากกำแพงเมืองและเข้าไปอยู่ในหมู่คนเบื้องล่าง ขณะที่องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆขมวดคิ้วเพ่งมองไปเบื้องหน้า
“มีอะไรเรอะเนลี่” วุฒิสมาชิกถามคนสนิท
“ข้าจำได้ว่าเมื่อวานนี้ตอนที่พวกเราเดินทางผ่านที่พักของพวกมัน เกราะของพวกมันไม่ได้สีแบบนี้นะครับ” องครักษ์เนลี่บอก “วันนี้สีชุดเกราะของพวกมันดูสะท้อนแสงกว่าปกติ”
วุฒิสมาชิกมองไปข้างหน้า เขาเองก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัยเช่นกัน จริงอย่างที่เนลี่ว่าไว้ เกราะของพวกนี้มันเงาวับเกินไปจริงๆ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสังเกตได้ว่าแสงที่สะท้อนมานั้นมาจากชุดเกราะที่เงาวาว อาวุธที่ถืออยู่ก็เงาวาว สีสรรตัดกับผ้าคลุมสีแดงของทหาร
ชาวเมืองที่มาเฝ้าต้อนรับต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
“สง่างามจริงๆ นี่รึทหารแห่งเมืองกาล่า”
“อาวุธนั่น ดูเหมือนจะเป็นอาวุธพิเศษแห่งร้านARMAMENTสินะ ไม่นึกว่าพออยู่ในมือกองทหารจะงดงามเช่นนี้”
ชาวเมืองทั้งหลายต่างประทับใจในภาพตรงหน้า จนบรรดาหัวหน้า3ตระกูล ซ. ต่างหน้านิ่วไม่พอใจ แล้วตอนนั้นเอง ชาวเมืองหลายคนก็เริ่มทำจมูกฟุดฟิด
“กลิ่นนี่มันกลิ่นอะไรกัน”
ตอนนี้แหละ!
“จะกลิ่นอะไรเล่า ก็กลิ่นเหงื่อพวกทหารไง”
“ทหารเมืองชั้นนอกพวกนี้ไร้ระเบียบ ไม่อาบน้ำซักผ้า ก่อนนี้ข้าอยู่เมืองกาล่าเวลาจะไปที่จวนเจ้าเมืองแต่ละทีเหม็นจนลมจะจับ”
“เจ้าพวกเมืองรอบนอกก็แบบนี้แหละ พวกไร้วัฒนธรรม”
คนของสามตระกูลต่างพูดออกมาดังๆตามที่ตกลงกันไว้ ชาวเมืองที่ได้ยินต่างซุบซิบกันเอง
ชาววาเลนเทียก็คล้ายชาวโรมันโบราณ มีโรงอาบน้ำในเมือง ทุกคนต่างอาบน้ำวันละครั้งมีการใช้เครื่องหอมดับกลิ่นกายและรักความสะอาด พอได้ยินว่าทหารกาล่าไม่อาบน้ำต่างก็ทำหน้ามุ่ย
แล้วลมก็พัดมาวูบใหญ่
“!!!!!”
“นี่มัน!”
“หอม หอมเหลือเกิน นี่มันกลิ่นอะไรกัน”
ชาวเมืองร้องขึ้นพร้อมๆกันอย่างประหลาดใจ
กลิ่นหอมนี้ กลิ่นหอมดอกไม้นานาพรรณ กลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนแปลกประหลาดอัศจรรย์ยิ่งกว่าน้ำหอมใดๆ
“รึว่าพวกเขาใส่น้ำหอม”
“เป็นไปได้นะ ที่จริงพวกเราเวลาที่ต้องเดินทางไกลก็ไม่มีใครได้อาบน้ำ ก็ต้องใช้น้ำหอมเพื่อดับกลิ่น” ชาวเมืองคนนึงบอก “ทหารเมืองกาล่าต้องใช้น้ำหอมแน่ๆ”
“แต่หอมขนาดนี้ และใช้กันทั้งกองทัพเนี่ยนะ!” ชาวเมืองอีกคนอุทาน “ต้องรวยขนาดไหนกันถึงจะใช้น้ำหอมแบบนี้ได้”
“ไหนใครกันที่บอกว่าทหารเมืองกาล่าไร้วัฒนธรรม”
“ข้าจำได้แล้ว เจ้าพวกนี้มันพวกตระกูลซิลเวอร์รอนนี่เอง มีข่าวว่าพวกมันเอาแต่กอบโกยเงินทองขณะที่เหล่าทหารและชาวเมืองกาล่าสละชีวิตปกป้องเมืองจนชาวเมืองขับไล่ออกมา”
ชาวเมืองวาเลนเทียต่างหันไปมองคนของสามตระกูลอย่างรังเกียจ หัวหน้าตระกูลทั้ง3คนต่างหน้าซีดอย่างพร้อมเพรียงกัน
นี่มันอะไรกัน
เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงมีน้ำหอมขนาดนี้!
“รอน แล้วน้ำยาขัดเงาบรัสโซพวกนี้จะเอาไว้ไหน” แพทร้องถาม
“เก็บเข้าแหวนไปก่อน ไม่ต้องสนใจแล้ว รีบใช้Foggyก่อน” รอนสั่ง “ทหารที่ใช้เวทลมได้ เร็วเข้า ใช้เวทลมใส่หมอกพวกนี้”
แล้วรอนกับทหารอีกหลายคนก็ช่วยกันบีบFoggyสุดชีวิต ละอองน้ำยาปรับผ้านุ่มลอยขึ้นไปในอากาศก่อนจะถูกเวทลมของหน่วยทหารเวทพัดพาให้ลอยไปทางเมือง