Midterm Fantasy - ตอนที่ 114
“เป็นความจริงเรอะ พระราชาและพวกองครักษ์เก่าพูดแบบนั้นจริงๆรึ” วุฒิสมาชิกจัสตินถามทหารหนุ่ม
“เป็นความจริงครับ กิลเลี่ยนเองก็บอกว่าหน้าตาของเด็กสาวคนนั้นคล้ายกับเท็นท์สไควร์ นักรบมังกรแห่งความมืดที่เคยบุกโจมตีพระราชวัง ถึงกับใช้ลูกแก้วจับเท็จและถามเพื่อตรวจสอบว่าเด็กสาวคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักรบมังกรคนนั้นหรือเปล่า”
“อืม ดีมาก เจ้ากลับไปได้ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมให้รีบมารายงาน”
“ครับ”
องครักษ์เพรเตอร์เรี่ยนผู้นั้นคำนับจัสตินก่อนจะกลับไป
“ท่านจัสติน ช่างสะดวกดีจริงที่มีคนของท่านในหมู่องครักษ์เพรเตอร์เรี่ยนด้วย” วุฒิสมาชิกอีกคนบอก
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา ท่านบรูโนเองก็เถอะ คนของพวกท่านแทรกซึมอยู่ในตำแหน่งหน้าที่อื่นๆในวังกันมิใช่หรือ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ” บรูโนบอก “ถ้าหากเด็กคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับนักรบมังกรเท็นท์สไควร์ล่ะก็ เราอาจจะหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้ก็ได้”
“ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องหรอก” วุฒิสมาชิกอีกคนบอก
“ยังไงรึจาเร็ด” จัสตินถาม “เจ้าองครักษ์กิลเลี่ยนก็พิสูจน์แล้วนี่ว่าเด็กนั่นไม่ได้โกหก”
“ถ้าพระราชาและทหารเก่าๆยังสงสัยขนาดนี้ แปลว่าหน้าตาของเด็กผู้หญิงนั่นจะต้องคล้ายนักรบมังกรมาก ดังนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ขอเพียงแค่เราทำให้คนสงสัยคลางแคลงใจได้ก็เป็นพอ” วุฒิสมาชิกจาเร็ดตอบ
“โอ้ ฮ่าฮ่าฮ่า จริงของท่าน ต่อให้ไม่มีมูลความจริง แต่ถ้าคนสงสัย มันก็กลายเป็นความจริงได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องวางแผนกันดีๆ เราจะต้องใช้โอกาสของงานเลี้ยงคืนนี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดให้ได้ฮ่าฮ่าฮ่า”
แล้วเสียงหัวเราะก็ดังลอดออกมาจากห้องประชุม เหล่าวุฒิสมาชิกในชุดโทกาสีม่วง ต่างหัวเราะอย่างพึงพอใจ
ไกลออกไปในตัวเมืองภายในค่ายทหาร เหล่าทหารต่างจัดแจงอาบน้ำชำระล้างเหงื่อไคลที่สะสมจากการเดินทาง เบรเซอร์และชาวหมู่บ้านโอลเซ่นที่ร่วมทางมาต่างอาบน้ำและพักผ่อนกัน ขณะที่รอนและแพทต่างช่วยกันขนลังอาวุธไปที่กลางค่ายทหาร
“โอ้ว นี่เรอะ อาวุธของร้าน ARMAMENT”
“นี่มัน ดาบนี่มันดาบโอริค่อน นี่ท่านจะขายในราคาแค่ 6 เหรียญทองจริงๆเรอะ”
“นอกจากจะแข็งแกร่งแล้ว ด้ามจับยังปราณีต ตัวดาบเรียบเนียนได้สมมาตร น้ำหนักดาบเหมาะมือ สุดยอดดดด”
รอนนั่งดูบรรดานายทหารระดับเจ้าเมืองที่กำลังล้อมวงกันดูอาวุธในลังอยู่ ดวงตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยประกายอยากได้อาวุธชั้นดีมาไว้ในครอบครอง
อาวุธโอริค่อน ถ้ามี 1-2 ชิ้น ก็เพียงพอที่จะให้นักผจญภัยรับงานจัดการมอนสเตอร์ระดับ 3 ได้สบายๆ
แต่หากมีนับร้อยนับพันชิ้นเช่นนี้และนำไปให้กองทหารใช้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกวาดล้างรังมอนสเตอร์
“ท่านรอน ร้านARMAMENT ของท่านยังมีอาวุธพวกนี้ขายอีกไหม”
นายทหารทั้งหลายต่างหันไปมองด้วยความหวัง เมื่อสัปดาห์ก่อนโซล่าเพิ่งส่งอาวุธชุดแรกให้กับหลายเมืองแต่ด้วยจำนวนที่จำกัดจึงทำให้แต่ละเมืองได้อาวุธไปไม่มาก
ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 ที่พวกเขาเห็นอาวุธชั้นดีเหล่านี้ แม้จะมีถึง 10 ลัง แต่ด้วยเจ้าเมืองที่อยู่ที่นี่กัน 10 คน ก็หมายความว่าทุกคนจะได้สินค้าไปแค่ลังเดียวเท่านั้น
น้อยเกินไป มันน้อยจนเกินไป !
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ …“ เด็กหนุ่มบอกอย่างลังเล “สำหรับอาวุธคุณภาพระดับนี้ ของที่อยู่ตรงหน้าคือชุดสุดท้ายครับ ถ้าจะมีใหม่อีกก็ต้องหลังจากนี้อย่างน้อยก็ 1-2 เดือนครับ”
ทุกคนทำหน้าผิดหวัง แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะตอนที่สั่งซื้อจาก SleeplessInCanton ครั้งสุดท้าย ทางนั้นก็บอกมาแล้วว่าถ้าเป็นสินค้าที่บรรจุรวมเป็นลังๆรวมกันเกินกว่า 1 เดือนนี้ ของในลังเหล่านี้คือชุดสุดท้ายแล้ว
“ท่านรอน พวกเราต้องการอาวุธจริงๆ พวกเรายอมจ่ายในราคาที่สูงกว่านี้ ขอเพียงแต่ท่านรอนจัดหามาให้ ต่อให้แพงกว่านี้อีก 50% พวกเราก็ยอมจ่าย”
เจ้าเมืองคนหนึ่งเสนอขึ้นมา ด้วยราคาที่รอนเสนอขายในปัจจุบัน ต่อให้เพิ่มขึ้นอีก 50% ก็ยังราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาดอยู่ดี
“สำหรับเรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกครับ” รอนบอก “ร้าน ARMAMENT ของผมไม่ได้ต้องการค้ากำไรขนาดนั้น จุดมุ่งหมายของผมก็คืออยากให้ทุกเมืองได้อาวุธที่ดีในราคาถูก สำหรับเงินส่วนต่างที่เหลืออยู่ พวกท่านจะได้เอาไปใช้ในการพัฒนาเมืองและใช้กับการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อป้องกันชาวเมืองจากมอนสเตอร์”
“สร้างสิ่งก่อสร้างป้องกันมอนสเตอร์?” เจ้าเมืองคนหนึ่งพูดขึ้นงงๆ
“ไม่ต้องการค้ากำไรขนาดนั้น?” เจ้าเมืองอีกคนพูดทวนแบบสงสัย มีด้วยหรือพ่อค้าที่ไม่ต้องการค้ากำไร
“ทุกท่านไม่ต้องกังวลไป ความจริงแล้วท่านรอนได้ช่วยเหลือเมืองของข้าแล้ว กำไรที่ได้จากการขายสินค้าในชุดแรก ท่านรอนก็แบ่งให้เมืองของข้าไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้ทำแผนป้องกันมอนสเตอร์” ท่านโซล่าบอก “ในแผนป้องกันเมืองนี้ จะมีการสร้างสิ่งก่อสร้าง ป้อม ค่าย ที่พัก และหอสังเกตการณ์ตามถนนที่เชื่อมต่อเมือง จะช่วยให้พวกเราจัดการกับมอนสเตอร์ได้เร็วขึ้นกว่าที่ผ่านๆมา”
เจ้าเมืองทั้งหลายต่างอึ้งไปตามๆกัน ทุกคนคิดว่าการค้าในครั้งแรกก็ทำกำไรให้กับร้าน ARMAMENT ไปมหาศาล ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับแบ่งรายได้ให้กับเมืองกาล่าไป
แต่แม้จะดูเป็นเรื่องดี แต่ว่าด้วยประสบการณ์ของการเป็นเจ้าเมืองและทหารมาหลายปีทำให้บางคนยังลังเลว่ารอนจะต้องการอะไรอย่างอื่นแอบแฝงหรือไม่
“ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ได้ต้องการกำไรจากการค้าขายอาวุธใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มชิงถาม เจ้าเมืองแต่ละคนพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว
“เพราะกำไรที่ได้จากการค้าขายอาวุธ มันน้อยเกินไปครับ”
“เห? น้อยเกินไป!”
“ใช่ครับ น้อยเกินไป ทุกท่านคิดดีๆสิครับว่าเมืองของทุกท่านจะสั่งซื้ออาวุธจากผมได้สักกี่ครั้ง” รอนเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเครื่องคิดเลข “หอก ดาบ มีดสั้น ธนู ถ้าซื้อเมืองละ 1000 ชุด ถ้าผมขายในราคาเต็มอย่างมากผมก็ทำเงินได้30,000 เหรียญทองต่อเมือง และด้วยจำนวนเงินแบบนี้ แต่ละเมืองก็คงต้องใช้เวลา2-3ปีกว่าจะซื้ออาวุธจากผมได้หมด ซึ่งมันน้อยเกินไป”
เจ้าเมืองแต่ละคนมองหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วสูดหายใจลึกๆ เพราะแค่ 10 เมืองที่อยู่ตรงนี้ ก็หมายถึงเงิน 300,000 เหรียญทอง เงินเท่านี้ใน 3 ปี แต่รอนกลับบอกว่าน้อยเกินไปเรอะ
“ลองคิดในมุมกลับกัน ถ้าหากแต่ละเมืองซื้ออาวุธจากผมในราคาถูก และใช้เงินส่วนต่าง 10,000 เหรียญทองนี้ไปใช้ในการพัฒนาและป้องกันมอนสเตอร์ จะเกิดอะไรตามมาครับ” รอนหยิบกระดาษม้วนเวทออกมาแผ่นนึง พลิกด้านหลังแล้ววางลง วาดรูปแผนที่คร่าวๆลงไป
บรรดานายทหารที่ยืนอยู่ต่างตาแทบถลน ม้วนเวทเป็นของที่มีราคาสูง แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับเอามาใช้วาดภาพแบบไม่เห็นค่าเลยเรอะ
“ถ้าเมืองกาล่าทำการกำจัดมอนสเตอร์สำเร็จเพียงเมืองเดียว อาจจะไม่มีอะไรแตกต่างกว่าเดิม แต่ถ้าหากเมืองกาล่า แอมโบรเซีย ไอดาเรด แกรนนี่ อัมไพร์ 5 เมืองนี้สร้างแนวป้องกันและกำจัดมอนสเตอร์พร้อมๆกัน จะเป็นอย่างไรครับ”
เมืองทั้ง 4 ที่รอนวาดลง เป็นเมืองที่ล้อมรอบเมืองกาล่าอยู่
“ถ้าเป็นแบบนั้น เมืองกาล่าจะไม่มีมอนสเตอร์อาละวาดอีก” เจ้าเมืองอัมไพร์อุทาน
“แบบนี้เมืองกาล่าก็จะไม่ถูกโจมตีจากมอนสเตอร์”
“ครับ แล้วถ้าหากไม่ใช่แค่ 5 เมืองนี้ หากแต่เป็นทั้งอาณาจักรแอสคาลอนล่ะครับ” รอนถามยิ้มๆ
“แบบนั้นเมืองที่อยู่ด้านในก็จะไม่มีมอนสเตอร์?” เจ้าเมืองคนนึงพูดอย่างงงๆ ก่อนจะมองหน้ากัน มันไม่น่าจะตื้นๆแค่นั้นสิ
“เดี๋ยวสิ ไม่สิ มันไม่ใช่แค่นั้น!”
“จริงด้วย ถ้าหากทุกเมืองในอาณาจักรแอสคาลอนปราศจากมอนสเตอร์อย่างทุกวันนี้ ชาวบ้านก็จะทำไร่นาได้ปลอดภัยขึ้น พ่อค้าจะเดินทางได้ง่ายขึ้น ประชาชนก็ไม่ต้องเสียเวลาป้องกันตนเองจากมอนสเตอร์อีกต่อไป”
รอนล้วงมือไปในกระเป๋าหยิบกาแฟผงห่อใหญ่ออกมาหนึ่งห่อ ตอนนั้นเองที่เจ้าเมืองทุกคนระลึกขึ้นมาได้ทันทีว่าร้านARMAMENTไม่ได้ขายแค่อาวุธหากแต่ขายสินค้าอื่นๆด้วย
รอนฉีกห่อกาแฟผงออก กลิ่นหอมกรุ่นโชยออกมาไปทั่วทั้งห้อง
“นะ นะ นี่มัน”
“กลิ่นนี้ ข้าจำได้ไม่ผิดแน่ นี่คือกาแฟ! เครื่องดื่มสูงค่าขนาดนี้ แล้วก็ปริมาณขนาดนี้”
เจ้าเมืองทั้งหมดตื่นตะลึงลนลาน กาแฟเป็นพืชลึกลับที่ตามปกติแล้วมีเพียงนักบวชชั้นสูงหรือจอมเวทที่จะใช้ โดยจะนำมาคั่ว บด และชงน้ำร้อนดื่มเพื่อให้ความคิดปลอดโปร่งแจ่มใส ราคาต่อแก้วหนึ่งตกอยู่ที่ 20 เหรียญเงินเลยทีเดียว
“<กรูเม่><Aqua>” โรล่าที่ยืนเงียบๆอยู่ด้านหลัง ใช้เวทน้ำและเวทความร้อนทำอาหารออกมา ได้น้ำร้อนออกมาแก้วหนึ่ง รอนรับเอาถ้วยน้ำนั้นมาแล้วใส่กาแฟลงไปหยิบมือหนึ่ง คนจนเข้ากันและส่งให้เจ้าเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดรับไปดื่ม
“กาแฟ กาแฟจริงๆ แถมนี่มันอะไรกัน ที่ข้าเคยดื่มเมื่อครั้งทำพิธีตอนนั้นเป็นกาแฟที่เจือจางกว่านี้ทั้งยังมีกากให้บ้วนทิ้งออก หากแต่กาแฟนี้ทั้งเข้มข้น กลิ่นหอม และละลายได้หมดจดปราศจากกากใดๆ”
“พวกท่านคิดอย่างไร หากผมขายกาแฟถุงนี้ในราคา 1 เหรียญทอง”
“ห๊า! 1 เหรียญทอง” เจ้าเมืองทั้งหมดลืมตาโต ประมาณจากปริมาณมากที่รอนใช้ชงเมื่อครู่นี้ ถุงใหญ่นี้น่าจะชงได้อย่างต่ำๆ 200-300แก้ว ถ้าคิดกลับเป็นราคาปกติก็ควรจะอยู่ที่ 40-60เหรียญทอง แต่นี่เขากลับขายในราคา 1 เหรียญทอง
แล้วทุกคนก็ระลึกได้ขึ้นมา
เงิน 1 เหรียญทองนั้นน้อยกว่าเงินค่าจ้างปราบมอนสเตอร์ที่ชาวบ้านต้องจ่ายให้กิลด์
ถ้าหากบ้านเมืองปราศจากมอนสเตอร์ ชาวบ้านมีเงินเหลือ สินค้าพวกนี้จะขายได้อย่างไม่ต้องสงสัย
และถ้าหากประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆซื้อสินค้าที่ราคาถูกเหล่านี้ขึ้นมาล่ะก็ แม้จะซื้อแค่คนละเล็กละน้อย แต่ทุกบ้านทุกครอบครัวซื้อกันขึ้นมา เงินที่ได้จะมากมายมหาศาลแค่ไหนกันนะ
อาวุธชั้นดีของเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขา สั่งซื้อครั้งเดียวและก็คงใช้ไปนับสิบปี
แต่สินค้าตรงหน้านี้ ใช้แล้วหมดไป ต้องซื้อใหม่เรื่อยๆ
เจ้าหนุ่มนี่มองการณ์ไกลจริงๆ
แต่ว่ามันมีเหตุผลแค่นี้จริงๆรึถึงได้ทำอะไรขนาดนี้
“เดี๋ยวโรล่าเก็บให้ค่ะ” เด็กสาวเดินเข้ามาหาและยื่นมือมารับแก้ว
“ขอบใจครับโรล่า” รอนส่งแก้วให้ มือของทั้งสองสัมผัสกันเล็กน้อย เด็กสาวแก้มแดงเรื่อๆขึ้นก่อนจะหันกลับไป
“เด็กคนนี้คือใครเรอะโซล่า?”
“อ๋อ โรล่า เป็นชาวหมู่บ้านโอลเซ่นคนที่จัดการกับพวกแม่ทัพออร์คนั่นไง” โซล่าบอก “หมู่บ้านโอลเซ่นที่ตอนนี้ท่านรอนมาอาศัยอยู่ไง”
อ๋อ ที่แท้มันเป็นแบบนี้นี่เอง ที่แท้ติดหญิงนี่เอง!
“แต่ก็น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าหากมีอาวุธมากกว่านี้ก็น่าจะดี เราจะได้จัดการกองทัพได้ดีกว่านี้” เจ้าเมืองแอมโบรเซียบอก
“เอาอย่างนี้ดีไหมคะ” แพทเสนอขึ้นมา “ถ้าหากเป็นอาวุธโอริค่อนที่คุณภาพทัดเทียมกันแต่อาจจะไม่สวยงามเท่ากับชุดนี้ ทางทหารจะรับได้ไหมคะ”
“ได้สิ พวกเราต้องการอาวุธเพื่อการใช้งาน ถ้าแกร่งเท่าๆกันก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“รอน เธอเอาอาวุธอีกชุดนึงนั่นมาขายสิ”
“มีดชุดไหนนะแพท”
“พวกที่ขายในร้านข้างทางไง”
แพทหมายถึงพวกมีดพร้าที่ขายตามถนนข้างทางตามต่างจังหวัด เป็นพวกมีดดาบเหล็กที่นิยมใช้ทำการเกษตรซึ่งมักถูกเก็บรวมไว้ในกล่องลังเป็นเดือนๆก่อนเอามาขาย เหมาะกับการเอาข้ามมิติมา
“แต่นั่นเป็นของที่เรากะว่าจะขายให้พวกนักผจญภัยไม่ใช่เหรอ” รอนถาม
“เราก็เปลี่ยนเอามาขายให้ทางทหารไง อย่างแรกเลย เราจะได้ลดราคาลงได้ อย่างที่สอง อาวุธที่ดีต้องขายให้ทางทหารก่อนเพื่อไม่ให้ของคุณภาพสูงไปตกในมือของคนทั่วไป และุสดท้ายเธออย่าลืมว่าถ้าเรายึดตลาดทั้งฝ่ายทหารและนักผจญภัย มันจะส่งผลกระทบต่อช่างอาวุธของที่นี่ด้วยนะ”
บรรดานายทหารเจ้าเมืองฟังแล้วต่างยกนิ้วให้แพทที่หาทางออกเรื่องอาวุธให้ทุกคน
รอนเองก็คิดได้ว่าถ้าทำแบบนี้ก็จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับช่างอาวุธได้ แถมยังหาอาวุธมาป้อนพวกทหารได้มากขึ้นอีก
“งั้นก็ตกลงครับ ผมจะรีบสั่งคนให้หาอาวุธมาป้อนเมืองต่างๆให้เร็วที่สุดครับ”