Midterm Fantasy - ตอนที่ 115
เสียงเครื่องดนตรีดังคลอไปกับบรรยากาศงานเลี้ยง ผู้คนเดินอยู่ตามจุดต่างๆของห้องโถงจัดเลี้ยง แต่ละคนสวมใส่ชุดที่บ่งบอกฐานะของตนและรวมกลุ่มกัน พวกเจ้าเมืองและทหารต่างใส่ชุดโทกาสีขาวจับกลุ่มคุยกัน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งใส่ชุดสีม่วงยืนแยกตัวไปอย่างชัดเจน
วุฒิสมาชิกจัสตินและพวก ต่างก็อยู่ในชุดสีม่วง พวกเขามองดูรอนและชาวบ้านแห่งโอลเซ่นที่เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย
“จะไม่เกิดอะไรแน่ๆเหรอคะคุณรอน” โรล่าถามอย่างกังวล ตอนที่เจอกันนอกเมือง จัสตินก็แสดงอาการดูถูกพวกชาวบ้านอย่างมากแล้ว และนี่อยู่ในงานแถมพวกเธอก็ใส่ชุดธรรมดาซะด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกโรล่า พวกนั้นไม่ทำอะไรแน่ๆ” รอนตอบอย่างมั่นใจ
โซล่าเดินพาชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นเดินเข้าไป สายตาทั้งหลายต่างจับจ้องโดยเฉพาะพวกวุฒิสมาชิกที่อยู่ในชุดสีม่วง
แน่นอนว่าสายตาที่มองมานั้นแฝงความไม่เป็นมิตรไว้บ้าง แต่ที่ทำให้โรล่าและเบรเซอร์แปลกใจก็คือ ไม่มีสักคนเดียวที่เดินเข้ามาใช้คำพูดแรงๆแบบวันนั้น
ไม่สิ มีหนึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามา
“ฮ่าฮ่า ข้านึกว่าใคร ที่แท้ก็โซล่ากับพวกชาวบ้านสกปรกพวกนี้” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนเดินเข้ามา “อะไรกัน ชุดแบบนี้ยังกล้าใส่เข้ามาในงานอีกเรอะ เฮ้ ข้าพูดกับพวกเจ้าอยู่นะ”
โซล่าเดินพารอนและชาวบ้านผ่านหน้าหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนไปอย่างไม่สนใจ ไปหยุดที่วุฒิสมาชิกท่านหนึ่ง
“ท่านรอน นี่คือท่านโกดิน เป็นวุฒิสมาชิกที่มีกิจการค้าขายสินค้ากับเหล่าจอมเวทและนักบวช” กาล่าบอก “ท่านโกดิน นี่คือท่านรอน ที่ช้าติดต่อไปเมื่อบ่ายนี้”
แพทดึงเอาถุงกาแฟเมื่อบ่ายนี้ออกมาจากแแหวนเก็บของและมอบให้รอน เด็กหนุ่มจัดการชงน้ำร้อน และส่งแก้วให้ โกดินดื่มและทำตาโตขึ้นอย่างประหลาดใจ
“เฮ้ พวกแก ข้าคุยด้วยแล้วคิดจะไม่คุยด้วยรึไง” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนเดินตรงเข้ามา “เจ้าชาวบ้านสกปรก”
“ท่านมีของแค่ไหน” โกดินถาม แทนคำตอบ แพทร่ายเวทดึงสิ่งของออกจากแหวนเก็บของ กาแฟแพ็ค600กรัมในลังบรรจุหนึ่งลังใหญ่หล่นลงมาที่พื้น เด็กสาวเปิดกล่องให้ดู ตาของโกดินวาวเป็นประกาย แต่แล้วรอนก็เข้าไปขวางไว้
“หยุดก่อนแพท เก็บของเข้าไปก่อน” รอนบอกก่อนจะหันกลับไป “ท่านโกดิน ข้าขอถามท่าน ท่านสนิทสนมกับคนๆนี้มากแค่ไหน”
รอนชี้ไปที่หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอน
“กล้าเรียกข้าแบบนั้นเลยเรอะเจ้าหนุ่ม นี่มันจะมากไปแล้…”
“ข้าไม่รู้จักเขา” โกดินตอบ
“ห๊ะ ท่านวุฒิสมาชิกโกดิน”
“คุณรอนอย่าได้คิดเป็นอื่นไป พวกเราอาจจะเคยพบเห็นหน้าในหมู่ชนชั้นสูงกัน แต่คนที่จะเรียกว่าคนรู้จักนั้นมีเพียงส่วนหนึ่ง คนที่สนิทสนมก็นับว่าน้อยกว่านั้น และสำหรับคนผู้นี้ ไม่ได้จัดอยู่ในทั้งสองกลุ่มนั้น” วุฒิสมาชิกโกดินบอกอย่างไม่ลังเล หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนนี้เป็นคนของวุฒิสมาชิกจัสติน เป็นลูกไล่ธรรมดาไม่ได้มีคุณค่าอะไร
“ถ้าเช่นนั้นผมก็วางใจ ท่านคิดว่าถ้าผมขายของในนี้ให้ท่านในราคาถุงละ 2 เหรียญทองจะเป็นอย่างไรบ้าง” รอนบอก “แล้วถ้าในอนาคตผมจะนำกาแฟนี้มาขายผ่านช่องทางของท่านเรื่อยๆจะเป็นไปได้หรือไม่ บอกตามตรงว่าผมไม่อยากทำการค้าเล็กๆกระจัดกระจายเพื่อกำไรเล็กๆน้อยๆ แต่อยากจะทำการค้าสินค้าใดสินค้าหนึ่งกับคนๆเดียวไปเลย มันง่ายกว่ากันมาก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยินดี ยินดี ราคาเท่านี้ไม่แพงเลย ถ้าท่านรอนได้ของมาเมื่อไหร่ก็ให้คนนำมาให้ข้าที่คฤหาสน์ก็ได้”
รอนยื่นลังกระดาษบรรจุกาแฟนั้นให้และบอกลาวุฒิสมาชิกโกดินโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน 50 เหรียญทองอันเป็นค่าสินค้าเลยสักนิดเหมือนกับว่ามันเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย
“กะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนพึมพำกับตนเองก่อนจะมองไปรอบๆ สายตาที่มองมาที่เขามีทั้งสมเพชไปจนถึงหัวเราะเยาะ
“พอได้แล้ว”
“ท่านจัสติน”
“ไม่ได้ข่าวหรือยังไง ข่าวที่ว่าเจ้าหนุ่มนั่นคือเจ้าของร้าน ARMAMENT ที่โด่งดัง แถมมันเพิ่งทำการค้ากับพวกเจ้าเมืองและเหล่าทหารไปแค่การค้าวันเดียวมันทำเงินไปเป็นหมื่นๆเหรียญทอง” จัสตินบอก “ตอนนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่รักษาท่าทีไม่กล้าทำอะไรมันทั้งนั้น”
“แต่ว่า”
“อย่าทำอะไรทั้งนั้น! และในงานนี้อย่าทำตัวสนิทสนมกับวุฒิสมาชิกในกลุ่มของข้า รอให้พ้นสายตาของเจ้าหนุ่มนั่นก่อน”
วุฒิสมาชิกจัสตินตวาดใส่ก่อนจะเดินจากไป
เจ้าหนุ่มนี่ไม่เลวเลย
แรกเริ่มแล้วมีข่าวว่าเจ้าหนุ่มนี่จะเอาอาวุธมาให้ทุกคนในงานชม จากนั้นก็ค่อยให้พระราชาและเหล่านายทหารประจำเมืองซื้อหรือประมูล
แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับเปลี่ยนไปขายอาวุธให้เรียบร้อยก่อน และไม่ปิดบังข่าวสารใดๆ พอบรรดาเจ้าเมืองได้อาวุธมาก็พูดคุยจนข้อมูลหลุดออกมาถึงสินค้าแปลกๆของร้าน ARMAMENT ที่กำลังหาตัวแทนจำหน่ายอยู่
บรรดาชนชั้นสูงเป็นพวกที่ไวต่อเรื่องเงินๆทองๆ พอรู้ข่าวว่าเจ้าหนุ่มรอนนี่กำลังหาตัวแทนจำหน่ายของในเมืองหลวงแถมยังมีเงินหมุนเวียนมาก ทุกคนก็เปลี่ยนท่าทีกันไปจนหมด
“เยี่ยมมากเลยค่ะท่านรอน แบบนี้เหมือนตบหน้าเจ้าหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนคนนั้นที่ทำกับเราไว้ก่อนเลย สมแล้ว ดูถูกพวกเราดีนัก” โรล่าบอก
“อืม แต่ก็อย่าให้มีเรื่องไปมากกว่านี้เลย คนพวกนี้ถ้าไปทำอะไรให้ไม่พอใจมากๆ ก็อาจจะบ้าเลือดได้อย่างคาดไม่ถึงเลยก็ได้” รอนบอก “เราไปหาเป้าหมายอื่นต่อเถอะ”
เด็กหนุ่มเดินตามหลังโซล่าไป คราวนี้มีเพียงแพทและโรล่าที่ติดตามไปด้วย ส่วนคุณเบรเซอร์และชาวบ้านคนอื่นๆนั้นให้ไปยืนรวมกับกับคุณโยฮันและนายทหารของเมืองกาล่า
รอนเดินมาจนถึงจุดที่เหล่าวุฒิสมาชิกอีกกลุ่มกำลังพูดคุยกันอยู่
“ท่านรอน นั่นคือวุฒิสมาชิกเทอร์เรียน คนนี้มีลักษณะตามที่ท่ารอนต้องการพอดีครับ”
เด็กหนุ่มเดินตรงเข้าไป เหล่าวุฒิสมาชิกกลุ่มนั้นต่างหยุดพูดคุยกันและหันมองเด็กหนุ่ม
“สวัสดีครับ ผมชื่อรอน เป็นผู้ที่ติดตามท่านโซล่าแห่งเมืองกาล่ามาร่วมงานเลี้ยงนี้ อยากจะขอพูดคุยกับท่านเทอร์เรียนได้หรือไม่ครับ”
“ว่าไงเจ้าหนุ่ม มีอะไรจะพูดกับข้าเรอะ ฟืด ฟืด”
วุฒิสมาชิกเทอร์เรียนผู้นี้หนวดขาวเฟิ้ม ผมสีขาวนั้นแข็งตั้งขึ้น จอนยาวหนา เสียงร้องดัง นัยน์ตาแดงก่ำเหมือนเปลวไฟ เสียงฟืดๆที่ได้ยินนั่นก็เป็นเสียงคัดจมูกที่ดังตลอดเวลา
“แพท ขอยาหยอดตา”
“อือ นี่”
เด็กสาวส่งยาหยอดตาแก้แพ้ให้รอน รอนยกหลอดขึ้นมา
“ท่านเทอร์เรียนมีปัญหาแสบคันตาคัดจมูกอยู่ใช่ไหมครับ” รอนถาม
“แน่นอน หลายปีมานี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทั้งน้ำตาน้ำมูกข้าไหล ตาแดงคัน ให้หมอที่ไหนมารักษาก็ไม่หาย ใช้เวทรักษาก็ทำได้เพียงรักษาอาการเป็นครั้งคราวไปเท่านั้น” วุฒิสมาชิกคนนั้นมองไปที่หลอดในมืออย่างสนใจ
“นี่เป็นยาที่ใช้หยดลงไปในตาลดอาการตาแดงได้ครับ” รอนพูดขึ้น เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบๆ
“เหลวไหล ไอ้หนู ดวงตาคือสิ่งสำคัญ จะมาล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ถึงแกจะต่อสู้กับดราซัคได้ แต่ก็ใช่ว่าจะมาพูดอะไรพล่อยๆแบบนี้ได้นะ”
เสียงดังมาจากด้านข้าง หัวหน้าตระกูลเซเลนิคและซันเดอร์เดินตรงมาและชี้หน้า เด็กหนุ่มไม่ว่าอะไร หากแต่บิดเกลียวฝายาหยอดตา จากนั้นยกขึ้นหยดลงที่ตาตัวเองให้ทุกคนดู
“นี่ครับ แค่นี้คงจะพิสูจน์ได้แล้วใช่ไหมครับว่ายานี้ไม่อันตราย”
เทอร์เรียนมองหน้าหัวหน้าตระกูลเซเลนิคและซันเดอร์อย่างไม่พอใจ เขาเอื้อมมือไปรับหลอดยาหยอดตามาพลิกไปมาดูก่อนจะหยดเลียนแบบตามทั้งสองตา
แหมะ แหมะ!
“นอกจากหยอดตาได้แล้ว ถ้าหากคัดจมูกมากๆแบบนี้ ยานี้ยังหยดไปในจมูกแก้คัดจมูกได้นะครับ”
โดยไม่รีรอ เทอร์เรียนหยดยาเข้าจมูกต่อ
“แสบ!” เขาร้องขึ้น
“ไอ้หนุ่ม แกเอาอะไรให้ท่านเทอร์เรียน”
“ทหารอยู่ไหน”
สองคนนั้นยังไม่เลิกราวี ส่วนเทอร์เรียนกระพริบตาถี่ๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆสูดหายใจลึกๆ
“ฟีด ฟีด” เสียงคัดแน่นจมูกลดลงแบบชัดเจน
“ท่านเทอร์เรียน ตาของท่าน!”
“ตาท่านหายแดงแล้ว!”
“วะฮะฮะฮะฮ่า ในที่สุด ในที่สุดก็ก็รักษาได้ ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบใจเจ้ามากเจ้าหนุ่มรอน” เทอร์เรียนบอก “หลายเดือนมานี้ข้าเข้าหาหลานข้าไม่ได้เลย เข้าหาหลานทีไรเป็นต้องตกใจกลัวตาสีแดงๆกับเสียงฟึดฟัดของข้า จะนอนตอนกลางคืนก็นอนไม่ได้”
“ยานั่นต้องเก็บในที่เย็นนะครับ ใช้ได้แค่ 30 วัน ยังไงผมมียากินที่ใช้ช่วยลดอาการนี้ได้เหมือนกัน กินวันละ 1-2 เม็ด”
รอนหยิบกระปุกยาแก้แพ้ออกมา
“เท่าไหร่” เทอร์เรียนถามทันที
“อย่าเพิ่งพูดถึงราคาเลยครับ ของชนิดนี้เป็นของใหม่ต่อให้ผมนำมาขายก็คงขายลำบาก การใช้งานการเก็บรักษายังต้องทดลองอีกมาก ถ้ายังไงผมอยากให้ท่านเทอร์เรียนทดลองใช้ดูก่อน ถ้าใช้ได้ดีค่อยเอามาขายต่อเนื่องครับ”
รอนขอแผงยาหยอดตาจากแพทมา รับเอาขวดที่ใช้แล้วกลับมา และหยิบแบ่งขวดใหม่ให้ท่านเทอร์เรียนไปอีก 5 หลอด กำชับเรื่องการแช่เย็น ส่วนยากินก็มอบให้ไปอีก 5กระปุกเล็ก
“ว่าแต่ ของมากมายขนาดนี้นี่มัน!”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ลองใช้ดูก่อน ถ้าหากใช้ได้ผลดีแล้วเราค่อยว่ากันอีกทีนึง” รอนบอก “คืนนี้กลับไปลองไปหาหลานดูครับ ให้หลานดูว่ายังน่ากลัวเหมือนเดิมรึเปล่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
วุฒิสมาชิกหลายคนทำท่าอยากจะเข้ามาพูดกับรอนต่อ หากแต่เด็กหนุ่มไม่มีสินค้าอื่นในมือแล้ว เขาเลยรีบขอตัวและเดินออกจากกลุ่มทันที
“น่าเสียดายจริงๆ โอกาสดีๆแบบนี้มาถึงที่แล้วแท้ๆ”
“ทำไมเขาไม่อยู่คุยต่อกันนะ”
แล้วสายตาทุกคู่ก็ค่อยๆเหลือบไปมองหัวหน้าตระกูลซันเดอร์และเซเลนิค ก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆเดินย้ายไปที่อื่น
เห็นได้ชัดว่าพวกตระกูลชั้นสูง3ตระกูลที่อพยพมาจากเมืองกาล่ามีความขัดแย้งกับเจ้าของร้าน ARMAMENT ถ้าหากอยู่ใกล้อาจจะพลอยโชคร้ายไปด้วยก็ได้
“หนอย เจ้ารอน ไอ้เด็กบ้า”
“แกนะแก”
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
{คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร}
รอนและแพทมองหน้ากัน ดูเหมือนสามคนนั่นจะแค้นเขาไปกันใหญ่
แต่ก็ช่วยไม่ได้ รอนไม่ได้กะจะทำอะไรเลย สามคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องเอง
“ต้องเอาคืนให้ได้ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้พวกเราต้องแย่แน่”
“ใช่ แค่นี้พวกผู้นำตระกูลใหญ่ๆหลายคนก็ไม่ยอมคุยกับเราสามคนแล้ว”
“ข้าคิดออกแล้ว เราก็ใช้เรื่องนั้นสิ” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนพูดขึ้นก่อนจะซุบซิบกันสามคน ก่อนจะไปเรียกคนรับใช้ของตนให้ออกไปหาบางสิ่งมา
รอนและแพทเดินไปมาในงานทักทายพูดคุยกับหลายๆคน
แพทกำลังเดินตามรอนอยู่ในตอนที่มีเสียงดังขึ้นในหัว
{คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง}
เด็กสาวหยุดและเตรียมหันมองดู แล้วก็ถูกชนจากด้านหลัง
“ว๊าย!”
ไวน์ราดรดลงบนศีรษะและไหลลงเปื้อนเสื้อ
“โอ้ ขอโทษๆ”หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนนั่นเอง เขาหันไปที่บริกรที่เดินอยู่และกวักมือเรียก
“เปื้อนหมดแล้ว ไหนขอผ้าคลุมกับอะไรมาสวมผมไว้ก่อนซิ”
บริกรเดินเอาผ้าที่เตรียมไว้มาให้ หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนหยิบผ้าคลุมสีดำผืนนั้นมาคลุมลงไป และหยิบหมวกสีดำมาสวมทับซับน้ำลงไปที่ศีรษะของแพท
“เอ๊ะ นั่นมัน”
“อิ๊!”
“เทนท์สไควร์!”
ไม่ว่าทหาร ขุนนาง ชนชั้นสูงที่มีอายุต่างตกใจ เพราะพอถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำกับสวมด้วยหมวกใบนั้น มันทำให้ทุกคนอดนึกไปถึงนักรบมังกรที่เคยบุกปราสาทไปไม่ได้ ในสมัยนั้น มันก็ใส่ชุดสีดำและสวมหมวกแบบนี้
รอนเดินไปหยิบหมวกใบนั้นออกและโยนทิ้งไป เรียกขอผ้าผืนใหม่ เด็กหนุ่มมองไปที่หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนอย่างโมโห หมวกแบบนี้เพิ่งถูกซื้อมาแน่ๆ แปลว่ามันจงใจทำให้เกิดเรื่องขึ้น
“นี่ ไม่คิดจะขอโทษกันบ้างหรือไง”
ไม่มีคำตอบใดๆนอกจากการหัวเราะ จากนั้นหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนก็เดินลับเข้าไปที่มุมห้องตรงช่องทางเดินเล็กๆ รอนขมวดคิ้วแต่ก็เดินตามไปอย่างฉุนๆเพียงคนเดียว
ฉับพลันที่เด็กหนุ่มก้าวเข้าไป ไม่ถึงชั่วอึดใจ เสียงร้องตะโกนก็ดังออกมา
“อ้ากกกก ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
ทุกคนหันไปมองที่ทางเดินนั้น หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนวิ่งหนีออกมาโดยที่กุมแขนอันชุ่มโชกเลือด
“จับมันไว้ มันมีอาวุธ”
ทหารที่เฝ้ายามอยู่ต่างยกอาวุธในมือขึ้น มุ่งเข้าหารอนที่เดินเกาหัวแกรกๆออกมาจากทางเดินนั้น