Midterm Fantasy - ตอนที่ 117
พระราชาส่ายศีรษะเมื่อเห็นสภาพของงานเลี้ยง งานเลี้ยงที่หวังว่าจัดเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารและฝ่ายการเมืองนั้น กลับกลายเป็นเวทีละครให้สองฝ่ายงัดข้อกันเองไปซะได้
เริ่มจากพวกชนชั้นสูงและวุฒิสมาชิกบางคนที่แสดงความไม่พอใจที่คนของฝ่ายทหารก่อการร้ายภายในงานเลี้ยงของพระราชา
ไปจนถึงการกล่าวหาหนักไปอีกว่าคนที่ฝ่ายทหารพามาคือคนของนักรบมังกรฝ่ายความมืด
พระราชาลูเซียสมองไปยังแพท เด็กสาวที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับนักรบมังกรเท็นท์สไควร์ ความจริงพระองค์ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คนจะเข้าใจผิดเพราะว่าหน้าเหมือนกันจริงๆ
ที่พระองค์แปลกใจก็คือ เหตุการณ์ที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดนั้นดูเหมือนจะเป็นการจงใจ
“เจ้าพวกนี้นี่มันน่านัก ให้คนออกไปซื้อชุดเด็กเล่นของเท็นท์สไคว์ที่ตลาดกับผ้าคลุมสีดำมาเตรียมไว้ จากนั้นแกล้งหาเรื่องให้ต้องคลุมผ้าและสวมหมวกเพื่อให้คนที่เคยเห็นนักรบมังกรเห็นว่าหน้าคล้ายกัน” พระราชาบ่น
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งโกรธไปครับ เรื่องนี้เราค่อยๆฟังความจากสองข้างก่อน” เจ้าชายดีโอบอก
พระราชาและเจ้าชายเดินไปจนถึงบัลลังก์ พระราชาขึ้นนั่งบัลลังก์กวาดสายตามองไปรอบๆ
“ข้าแต่พระราชาที่เคารพ ข้าเป็นตัวแทนของวุฒิสมาชิกมีเรื่องจะรายงาน” จัสตินเดินเข้าไป “วันนี้ในงานเลี้ยงที่ท่านประทานให้กับพวกเรา กลับปรากฎว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งบังอาจลอบพกพาอาวุธเข้ามาในงานเลี้ยงและทำร้ายชนชั้นสูง”
“ใครกันที่โดนทำร้าย และเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทอะไรขึ้นมาก่อน” พระราชาถามแม้จะรู้ข้อมูลอยู่แล้ว
“คนของข้า หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอน เขาบังเอิญไปชนเด็กชาวบ้านคนหนึ่งเข้าจนทำเหล้าหกใส่ แม้จะช่วยเอาผ้าคลุมมาคลุมให้แต่ปรากฎว่าเจ้าหนุ่มนั่นกลับไม่พอใจ ใช้มีดที่ลอบนำเข้ามาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ” จัสตินบอก “มาสิ มาแสดงแผลของเจ้าให้ดู”
หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนเดินเข้ามาช้าๆ และแสดงแผลที่แขนให้พระราชาดูด้วยท่าทีโงนเงนไปมา
“นอกจากแผลแล้วเจ้าได้รับบาดเจ็บที่อื่นอีกเรอะ ทำไมถึงดูโงนเงนแบบนั้น” พระราชาถาม
“มิได้พระองค์ ข้า …ข้าคิดว่าข้าคงดื่มเหล้าในงานเลี้ยงมากไป ถึงได้รู้สึกมึนงงเช่นนี้” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนพูด ก่อนที่จะโก่งคออ้วกและทรุดลงไปที่พื้น
“อ้วกกกก” คนที่สองที่เลื่อนตัวล้มลงไปคือหัวหน้าตระกูลซันเดอร์
“จัสติน คนของเจ้าทั้งสองคนดูเหมือนจะดื่มเยอะไปหน่อยนะ ไม่น่าเลยจริงๆ ทั้งที่เกิดเรื่องจนบาดเจ็บแบบนี้แล้วแท้ๆยังดื่มกันแบบนี้ซะได้” เจ้าชายดีโอว่า “พาไปให้นักบวชช่วยรักษา”
ร่างของหัวหน้าตระกูลทั้งสองถูกยกพาไปที่พักท่ามกลางสายตาอันสงสัยของคนเกือบทุกคนในห้องโถงนั้น
จะมีเพียงหนึ่งสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น นั่นคือ หัวหน้าตระกูลเซเลนิค
และอีกหนึ่งสายตาที่เกิดประกายขึ้นมา นั่นคือวุฒิสมาชิกจัสติน เขาคิดขึ้นได้ว่ายาพิษที่ยัดเข้าไปในห้องขังนั่นก็ทำให้เกิดอาการแบบนี้ได้เหมือนกัน
จริงสินะ ใส่ร้ายได้นี่นา
“ข้าแต่พระราชา เจ้าหนุ่มรอนคนนั้นมีความแค้นกับตระกูลเซเลนิค ซิลเวอร์รอน และซันเดอร์ เหตุที่เกิดวันนี้ก็เพราะความแค้นส่วนตัวทำให้เด็กนั่นทำร้ายคน แถมหัวหน้าตระกูลสองคนนี้ก็มาบังเอิญป่วยกระทันหัน ข้าคิดว่าเราต้องค้นตัวเด็กหนุ่มนั่นว่ามันซ่อนยาพิษเอาไว้ไหม”
“ใช่แล้ว ใช่ พวกเราไปดูกันด้วยตาของเรา”
“เราจะให้คนพวกนี้มาทำลายความสงบสุขของเมืองหลวงไม่ได้”
บรรดาชนชั้นสูงหลายคนร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันอย่างฮึกเหิม
“แต่เป็นไปไม่ได้ ท่านรอนไม่ใช่เจ้าของสร้อยเก็บของต่างมิติเส้นนั้นแน่ๆ”ท่านโซล่าพูดแย้งขึ้น
“รึเจ้าจะบอกว่าเจ้าเป็นเจ้าของ” จัสตินบอก “ข้ารู้แล้ว นี่คงเป็ฯความตั้งใจของเจ้าสินะ พวกทหารไม่พอใจพวกเราชนชั้นสูงและวุฒิสมาชิก คงต้องการให้เกิดความวุ่นวายใช่ไหม”
“นี่เจ้า!”
“พอ พอ พวกเราไปที่ห้องคุมขัง ทั้งฝ่ายทหาร วุฒิสมาชิก และชนชั้นสูง ส่งตัวแทนไปฝ่ายละ 10 คน ตามข้ามา” พระราชาตัดบทและเดินลงจากบัลลังก์
พระราชาเดินไปตามทางเดินโดยมีคน 30กว่าคนเดินตาม
“สองคนนั่นไม่สบายขนาดนั้น แต่เจ้าไม่เป็นอะไรเลยรึ” จัสตินถามหัวหน้าตระกูลเซเลนิค จนอีกฝ่ายขนลุกพอง
“ม ม ไม่ครับ”
คำถามนี้ยิ่งทำให้เขาสงสัยในคำพูดของเจ้าหนุ่มรอนนั่น หรือว่าจัสตินต้องการจะวางยาเขาทั้ง 3 คน เพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยปรักปรำเจ้ารอน
พระราชาเดินตามทหารยามเข้าไปในห้องควบคุมนักโทษ คน 30 กว่าคนยืนออกันที่หน้าลูกกรง
“เราพบกันอีกแล้ว” พระราชาบอก
“ครับ” รอนตอบ
“เจ้าหนุ่ม บอกมาซะว่าเจ้าพกอาวุธเข้ามาในวัง มีจุดประสงค์อะไร” จัสตินชี้ถาม มืออูมๆของมันสั่นระริก
“ผมไม่ได้พกอาวุธ ก็บอกแล้วว่าสร้อยเส้นนั้นมันไม่ใช่ของผม” รอนบอก
“ยังจะมาเถียงอีก ก็เห็นอยู่ว่าสร้อยสวมคอแกอยู่” จัสตินตวาด “เมื่อครู่ทหารรักษาการณ์เปิดดูภายในแล้ว มีมีดที่เปื้อนเลือดอยู่ภายในจริงๆ แกยังปฏิเสธอีกเรอะ”
“ก็ผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ไม่มีมานาในตัว แล้วผมจะใช้สร้อยนั่นได้ยังไง”
ชิ้ง~
เสียงเงียบกริบถึงขนาดหากเข็มตกก็ได้ยินฉาบไปทั่วห้อง จัสตินเหวอไปครู่หนึ่ง
“ใช่ ข้าก็สงสัยเหมือนกันว่าพ่อหนุ่มรอนจะใช้สร้อยที่ว่าได้ยังไง เพราะรายงานลับที่ท่านโซล่าส่งให้ข้าระบุว่าสาเหตุหนึ่งที่ท่านรอนชนะดราซัคได้ เป็นเพราะเขาไม่มีมานาในร่างกายจนกระทั่งเวทของดราซัคย้อนเข้าตัวเอง”พระราชาบอก “อ้อ ข้าลืมไปว่าพวกท่านไม่รู้ เพราะมันเป็นรายงานลับ”
จัสตินหน้าเหวอ เหงื่อโง่เริ่มไหลออกท่วมตัวก่อนจะแวบสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้
“อ้อ ข้ารู้แล้ว ความจริงเจ้าหนุ่มนี่ต้องมีมานาแต่แค่ปริมาณน้อยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นมันจะโดนล็อคในห้องขังแบบนี้ได้ยังไง และก็เรื่องยาพิษอีก ไม่ว่าเรื่องมีดจะจริงหรือไม่ แต่ถ้ามันมีอาวุธในตัวหรือมียาพิษในตัวก็เท่ากับจบ” จัสตินร้อง “ทหาร ค้นตัวมันเลย มันต้องมียาพิษซ่อนเอาไว้แน่ๆ”
แอ๊ดดดดด
รอนเดินเปิดประตูห้องขังออกมายืนเฉยๆ
“เฮ้ย!”
“ก็บอกแล้วว่าผมไม่มีพลังเวทในตัวเลย” เด็กหนุ่มบอก
“จะเป็นไปได้ยังไง ก็ตะกี้ที่ข้าลงมา ประตูห้องขังมันล็อคอยู่ไม่ใช่เรอะ” จัสตินร้องออกมา
“หืมมมมมมมมมม” ทุกสายตาในห้องมองไปที่จัสติน ขณะที่รอนไม่สนใจ
“ทหาร ค้นเลย ในห้องต้องมีอาวุธที่มันซ่อนไว้แน่ๆ”
ทหารมองพระราชาแวบหนึ่ง แต่พระราชาไม่ได้ว่าอะไร หากไปขัดอะไรในตอนนี้อาจจะเป็นช่องให้อีกฝ่ายโจมตีได้ นอกจากนี้พระองค์ยังมองเห็นแววตาของรอนว่าไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย
ทหารยามเข้าไปค้นในห้องอย่างถี่ถ้วน ทั้งพลิกเตียงยกตู้เลื่อนหาของข้างใน
“ไม่พบอะไรเลยครับ”
“ทั้งเนื้อทั้งตัวพบแต่ของสองสิ่งนี้ครับ”
ทหารยามชูโทรศัพท์มือถือของรอนและยาหยอดตาให้ดู จัสตินงงเป็นไก่ตาแตก เข็มขัดมีดล่ะ ยาพิษล่ะ
จัสตินไม่รู้ว่าตอนเที่ยงคืนที่ผ่านมา รอนวาร์ปกลับไปโลกพร้อมกับเอาของทั้งสองชิ้นกลับไปด้วยแล้ว
“หลอดขาวๆนั่นอะไร ใช่ ใช่ นั่นต้องเป็นยาพิษแน่ๆ”
“หืม เดี๋ยวนะ หลอดนั่นมันเหมือนของในมือของท่านเทอร์เรียนไม่ใช่เรอะ” พระราชาชี้ไปที่วุฒิสมาชิกเทอร์เรี่ยนที่กำลังหยอดยาหยอดตาอยู่
“เฮ้ย จัสติน นี่ท่านกำลังจะบอกว่าข้ากำลังใช้ยาพิษหยอดตาตัวเองอยู่เรอะ มันจะไม่มากไปหน่อยรึไง”
จัสตินแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือดสดๆ จริงอย่างที่เทอร์เรี่ยนบอก ใครจะเอายาพิษมาหยอดตา
รอนรับเอายาหยอดตาและโทรศัพท์มือถือของตนกลับไป จากนั้นหยอดตาให้ทุกคนดูเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่ยาพิษ
คนบนโลกนี้ไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้น ไม่มีทางเคยได้ดูฉากที่ตัวเอกเอายาหยอดตาแก้แพ้ไปวางยาเพื่อนหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า
“ถ้า ถ้าอย่างนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด งั้นเราต้องสอบสวนเจ้าหนุ่มนี่และหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนไปพร้อมๆกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” จัสตินรีบชิงพูด ถ้าหลักฐานที่สร้างขึ้นหลุดไปแบบนี้หมดแล้วเรื่องมันจะยุ่งได้ จัสตินไม่อยากเอาตัวเข้าไปเกี่ยวด้วยแล้ว
และนั่นทำให้หัวหน้าตระกูลเซเลนิคจ้องจัสตินเขม็ง …
พอหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้ง
หรือว่าเรื่องยาพิษนั่น
“คุณ ตอนนี้สบายดีแล้วใช่ไหมครับ” รอนถามหัวหน้าตระกูลเซเลนิค โดยไม่ทันตั้งตัว เขาตอบกลับโดยพลัน “อ๊ะ ส สบายดีแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้จัสตินหันไปมอง
จริงสิ คนที่พิสูจน์ว่าลูกกรงทำงานอยู่ ก็คือเจ้านี่ซึ่งเอาตัวเข้าไปจับ
แถมตอนจะออกมา เจ้านี่มันยังรั้งท้ายและกลับเข้าไปคนเดียวอีก รึว่าจะเป็นมันที่ช่วยเอาของออกจากห้องขังให้ แล้วทำไมเพื่อนมัน2คนป่วยขนาดนั้นแต่มันไม่เป็นอะไรเลย
ในขณะเดียวกัน หัวหน้าตระกูลเซเลนิคก็เริ่มสงสัยในตัวจัสตินเพิ่มขึ้น ทั้งการโยนขี้ให้ลูกน้อง แถมการป่วยหนักหลังจากดื่มเหล้านั่นอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาฉุกคิดถึงคำพูดของรอนขึ้นมาแล้วใช้เวทสลายพิษ ป่านนี้เขาคงมีสภาพเหมือนสองคนนั่นก็ได้
คนทั้งสองจ้องตากันเขม็งอย่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้าตระกูลเซเลนิค ทั้งคู่หันขวับไปมอง โทรศัพท์มือถือของรอนกำลังแสดงภาพที่แอบถ่ายให้ทุกคนดู
“เครื่องมือชิ้นนี้สามารถบันทึกภาพและแสดงซ้ำได้ จากภาพนี้จะเห็นว่าหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนเป็นคนดึงมีดออกจากสร้อยเก็บสิ่งของเพื่อเฉือนแขนตัวเอง ก่อนจะเก็บมีดแล้วเอาสร้อยมาคล้องคอผม” รอนบอกพลางเอียงภาพให้ทุกคนดู เหตุการณ์เป็นดังว่าจริงๆ และภาพก็กำลังตัดไปเป็นในห้องขัง และมีเสียงคนกำลังเดินเข้ามา
“ว้ากกกกกกกกกกก”
พลั่ก ปั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทุกคนต่างตกตะลึงเพราะวุฒิสมาชิกร่างอ้วนตรงหน้านั้นพุ่งโถมเข้าไปหารอนแล้วปัดโทรศัพท์ตกลงสู่พื้นอย่างจัง ก่อนจะใช้เท้าอันใหญ่โตระดมกระทืบลงไป
“นี่แน่ะ นี่แน่ะ ของแบบนี้ ของแบบนี้มันเป็นของต้องสาปแน่ๆ ต้องทำลายๆ”
จัสตินเหยียบจนหน้าจอแตกกระจายแม้เท้าของมันอาบไปด้วยเลือดจากเศษกระจกก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด …เพราะถ้าปล่อยให้เล่นต่อไปจะต้องมีฉากที่มันเดินเข้าห้องขังมาแน่ๆ
“ความจริงเครื่องนี้เป็นเครื่องบันทึกภาพชั้นสูง สามารถบันทึกภาพและเล่นซ้ำได้อย่างคมชัดโดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์ช่วย ข้อเสียหนึ่งก็คือราคามันสูงมากถึง 500 เหรียญทอง” รอนพูดอย่างเสียดาย “แต่ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อเก็บข้อมูลไว้แล้วแม้เครื่องจะถูกทำลายก็ยังสามารถใช้SD Card เอาไปใส่เครื่องอื่นได้”
รอนหยิบSD Cardออกจากเศษซากโทรศัพท์มือถือของตน ก่อนจะเรียกแพทที่ยืนอยู่ด้านหลัง แพทรับเอาSD Cardไปใส่มือถือของตนเองแล้วกดเล่น จัสตินถลึงตาแล้วพุ่งเข้าไปหาแพท
พลั่ก!
ร่างอ้วนฉุของวุฒิสมาชิกลอยละลิ่วไปกระแทกลูกกรง หมัดที่ยกของได้150กิโลกรัมของแพทตุ๊ยเข้าที่ท้องของมันเต็มๆ และจังหวะนั้นเองที่คลิปเลื่อนไปด้านหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“พระราชาหน้าโง่นั่น!”
เสียงของจัสตินในคลิปดังฟังชัดไปทั่วห้อง
เจ้าชายดีโอหน้าเปลี่ยนสี แววตาโกรธเกรี้ยวปรากฎขึ้นมาทันที ขณะที่พระราชาลูเซียสขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองภาพในคลิป
“ทำไมมีคน 4 คน แต่เห็นหน้าแค่ 3 คน”
ในคลิปเห็นหน้าของจัสติน หัวหน้าตระกูลซันเดอร์ และซิลเวอร์รอนชัดเจน ขณะที่อีกหนึ่งคนนั้นหน้ามีโมเสกบังตลอดเวลา
รอนไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม
แล้วทหารยามก็วิ่งเข้ามาในห้องขัง
“รายงานครับ เราพบเข็มขัดมีดสั้นกับขวดยาอะไรบางอย่าง คาดว่าจะเป็นยาพิษถูกวางไว้ที่โต๊ะในงานเลี้ยงครับ”
รอนสบตาแพทแล้วยิ้ม …พอเขาวาร์ปกลับโลกพร้อมเข็มขัดมีดสั้นและยาพิษ เขาก็เอาของมอบให้แพท ให้แพทวาร์ปกลับมาพร้อมของแล้วฝากไว้ที่โรล่าเพื่อให้วางทิ้งไว้ในงานเลี้ยง
จัสตินมองตามก่อนจะหันขวับไปที่หัวหน้าตระกูลเซเลนิค
ชัดเลย ของเหล่านี้ถูกทิ้งเอาไว้ในห้องขัง ต่อให้รอนออกจากกรงได้แต่ข้างนอกก็มียามเฝ้าตลอด
แบบนี้แปลว่าเจ้านี่ที่รั้งท้าย เป็นคนพกของออกมาให้
แบบนี้ก็อธิบายว่าทำไมมันไม่ป่วยอยู่คนเดียว
และแบบนี้ก็อธิบายได้ว่าทำไมในคลิปไม่มีภาพของมันทั้งๆที่อยู่ด้วยกันในห้อง
“แก ไอ้คนทรยศ”
“เดี๋ยวๆ ข้าไม่รู้เรื่อง ข้าไม่รู้เรื่อง” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคฉุกคิดได้หันไปหารอน “แก แกอีกแล้วใช่ไหม”
แล้วหัวหน้าตระกูลที่น่าสงสารก็คิดขึ้นมาได้ ตอนที่พวกมันทั้ง 3 ตระกูลต้องระเห็จจากเมืองกาล่า ก็เพราะเจ้าหนุ่มนี่วางแผนให้สามตระกูลแตกคอกันเองด้วยวิธีนี้
ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกครั้งด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!!!!!
แล้วรอนก็หันหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ฟังเสียงอัพเลเวลของ Deception skill ที่ดังขึ้นในหัวรัวๆ