Midterm Fantasy - ตอนที่ 12
รอนถูกส่งกลับมาที่ห้องของตนเอง เขาถอดเป้สะพายเพื่อเตรียมเปลี่ยนชุด
“อ้าว เฮ้ย! ของหาย”
เขาล้วงมือเข้าไปในเป้ เป้ที่ภายในเต็มไปด้วยอาหาร น้ำ ไม้หนังสติ๊กและผลึกแกนมอนสเตอร์ที่เขาเก็บมา บัดนี้ของข้างในล้วนหายไปหมด เหลือเพียงผลึกสีแดงชิ้นนึงที่ตกอยู่ก้นถุง
“แบบนี้แปลว่า ของที่อยู่ในเป้ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้แค่ชิ้นเดียวเหมือนกันสินะ”
แปลว่าตอนนี้ ของในเป้คงกำลังตกลงพื้นทางฝั่งนั้นแน่ๆ
แต่คงไม่เป็นไร เพราะก่อนที่จะกลับมา เขาไปหลบตรงต้นไม้ต้นนึง วางกระทะและไม้กระบองไว้ที่พื้นรอการส่งตัวกลับมาอยู่แล้ว … จะให้เก็บของเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
เด็กหนุ่มเปลี่ยนชุด จากนั้นไปอาบน้ำใส่ชุดนอนแล้วเข้านอน … พอปิดไฟเตรียมจะเข้านอนเขาก็พบว่า
[ติดเชื้อ Blackdeath : Plague]
[พลังชีวิต -0.1/ชั่วโมง]
ประโยคนี้มันโผล่เป็นสีแดงที่มุมขวาบนตลอดเวลา ยิ่งปิดไฟมืดยิ่งเห็นเด่นชัด
“ปิดคำเตือน” รอนพูดขึ้น สีแดงที่มุมสายตาหายไปทันที … ก่อนที่เด็กหนุ่มจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา
…
เช้าวันถัดมา วันอาทิตย์รอนตื่นเช้าขึ้นมาและพบว่าที่มุมลานสายตาด้านขวามีเหมือนแสงสีแดงเล็กกระพริบตลอด … เขาลองเปิดดู คำเตือนเรื่องโรคBlackdeathยังคงอยู่ …
ว่าแต่มันจะติดต่อไปคนอื่นไหมเนี่ย แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง
รอนลองตั้งสติคิด แต่คำที่แวบขึ้นมาก็มีข้อมูลเท่าเดิมคือชื่อโรคและการลดพลังชีวิต ไม่ยักมีอย่างอื่น
เขาหันไปที่โทรศัพท์เปิดอินเตอร์เนทแล้วลองค้นหาโรคนี้ดู โดยเปิดภาพชาวบ้านป่วยที่เขาถ่ายไว้มาเปรียบเทียบกันด้วย
“อืมเชื้อyersinia ทำให้เกิดอาการได้หลายแบบ แบบBubonicซึ่งติดต่อทางการสัมผัสน้ำเหลืองหรือจากหมัดกัด , แบบPneumonicที่ติดต่อทางการไอได้ , แบบติดเชื้อในกระแสเลือด การรักษาสามารถใช้ยาปฏิชีวนะได้ และบางส่วนหายเองได้ … งั้นชาวบ้านที่เห็นตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้านน่าจะเป็นแบบBubonic”
[ติดเชื้อ Blackdeath : Bubonic Plague]
[พลังชีวิต -0.1/ชั่วโมง]
[สถานะ ไม่แพร่เชื้อ / รักษาแล้ว 5% ]
คำที่ขึ้นตรงมุมลานสายตา เพิ่มข้อความนี้ขึ้นทันทีที่เขาอ่านข้อมูลจบ
“แบบนี้แปลว่าถ้าเรามีความรู้เพิ่ม ข้อมูลที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยสินะ” รอนยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะปิดมือถือแล้วลงไปข้างล่าง เขากินอาหารเช้าฝีมือของแม่จนหมดแล้วเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“ตายล่ะ เงินหมด” รอนเปิดในกระเป๋าเงิน ตอนนี้เหลือเงินอีก1500บาท … ถ้าหมดจากตรงนี้ไปแล้วสัปดาห์หน้าเขาจะกินอะไรเนี่ย
… เขานั่งกลุ้มอยู่พักนึง ก่อนจะสลัดความลังเลทั้งหมดออกไป
“ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย คนทั้งหมู่บ้านนั้นจะต้องตาย … เราจะมาลังเลอะไรวะ”
รอนลองเช็คดูเงินในบัตรเดบิท หลังจากซื้อเสื้อStab Vest ไปแล้ว เขาเหลือเงินในนั้น1000บาท
มองไปรอบๆในห้อง ในลิ้นชัก ในกระเป๋า มีเศษเหรียญและธนบัตรตกอยู่ตามร่องหลืบต่างๆ กะประมาณน่าจะหลายร้อยบาทถ้าจำเป็นจริงๆเขาคงพอเอาตัวรอดต่อได้
รอนคว้าแบงค์ยี่สิบที่พับๆซ่อนไว้เอามาคลี่อย่างทะนุถนอม รวบมาไว้5-6ใบพกติดตัวไปด้วย เป้าหมายแรกคือ”ยา”
“พี่ครับ ผมจะซื้อยาDoxycycline กระปุกนึงครับ” เด็กหนุ่มพูดกับเภสัชกร
“น้องเป็นอะไรเหรอ” เภสัชกรหันมาถาม
“เอ่อออออออ”
“ยาปฏิชีวนะจะใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้นะครับ ผมขอไม่ขายแล้วกัน”
รอนเดินออกมาจากร้านขายยา ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะเอาไงดี ก็เห็นร้านขายยาและอาหารสัตว์เลี้ยงที่กลางซอย … เขาลองเข้าไปดู
“เฮียๆ ผมขอซื้อยาDoxycyclineกระปุกให้หมากระปุกนึงครับ”
“750บาท กระปุก500เม็ด เอาไหม?”
รอนรีบจ่ายเงินด้วยความดีใจ เพราะไม่คาดว่าจะซื้อได้ง่ายแบบนี้ เขาจ่ายเงินและรับกระปุกยามา
[Doxycycline 500pt : Purity 90%]
สถานะของยาขึ้นมาตรงหน้าเขา รอนรับยาแล้วเก็บลงกระเป๋าก่อนจะเดินไปร้านขายข้าวสาร
รอนยืนดูข้าวสารที่มีหลากหลายชนิดปักราคาต่างๆกันและกระสอบข้าวสารที่วางตั้งอยู่ เขากะไว้ว่าจะซื้อกระสอบใหญ่ที่สุดเท่าที่เงินพอ แต่ก็ต้องไม่หนักจนขนไปไม่ไหว
“ไงรอน จะซื้อข้าวเหรอ” ชายวัย20กว่าๆเดินมาจากในร้าน
“ครับเฮียเสริฐ” รอนตอบ “ผมว่าจะเอาอันนั้นครับ “รอนชี้ไปที่ข้าวที่อยู่มุมที่สุดของห้อง ป้ายเขียนไว้ว่าข้าวหักปลายข้าว 49 กิโลกรัม
“จะเอาทั้งกระสอบเลยเหรอ แบ่งซื้อไม๊” พี่ประเสริฐถาม เขารู้ว่าบ้านของรอนไม่ได้ทำอาหารขาย ไม่ได้มีความจำเป็นต้องซื้ออะไรมากขนาดนั้น
“เอาทั้งกระสอบเลยครับพี่ … แล้วตอนพี่เอาไปส่งอยากให้วางไว้ที่ในสวนตรงทางเข้าบ้านผมพอนะครับ ไม่ต้องเอาเข้าบ้าน”
เฮียประเสริฐตาเป็นประกาย “ได้เลยรอน ถ้าตอนพี่ไปแล้วแม่รอนอยู่แถวหน้าบ้าน เดี๋ยวพี่วนรถรอให้เข้าบ้านไปก่อนก็ได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอบคุณมากครับ” รอนยื่นเงินค่าปลายข้าว49กิโลให้700บาท ก่อนที่ทั้งสองจะมองอย่างรู้กันแบบเหล่าผู้ชายวัยหนุ่มที่เริ่มมีความลับกับพ่อแม่
รอนเดินกลับจากร้านขายข้าวสาร เปิดกระเป๋าเงิน ตอนนี้เหลือ50บาท กับอีก120ที่กวาดมาจากลิ้นชัก เขาเข้าร้านขายของ20บาทแล้วเลือกมีดทำครัวสีเงินสองด้ามที่บรรจุห่ออยู่มา จากนั้นไปปิดท้ายที่ร้านขายของชำหน้าซอยบ้าน
“อาม่าครับ ขอซื้อมาม่าแพ็คนึง …. ” เด็กหนุ่มบอกพลางสอดส่ายสายตาหาแพ็คที่ดูเก่าที่สุด … เขากลัวจะไปเจอห่อใหม่ๆ แล้วพอเดินทางข้ามไปฝั่งโน้นของข้างในจะไม่ไป ไปได้แต่ซองเปล่า
“อารอน..อาม่าว่าเอามาม่าแพ็คนี้ดีกว่า มาม่าแพ็คนั้นอาม่าว่าน่าจะใกล้หมดอายุแล้ว” อาม่าบอก
“ไม่เป็นไรครับ เอาอาม่าอันนี้แหละมาม่า” รอนตอบแล้วยื่นเงินให้แบบงงๆกับมาม่าของอาม่า
เมื่อกลับถึงบ้าน รอนเดินเข้าเขตรั้วบ้าน
“ไปซื้อของเหรอลูก” พ่อถาม
“ครับพ่อ ไปตลาดมาครับ” รอนถาม
“ร้านข้าวสารเปิดใช่ไหม เมื่อกี้พ่อเห็นประเสริฐขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไปแวบๆ”
เฮ้ย เฮียเสริฐมาแล้วเรอะ แล้วเฮียวางไว้ไหนวะ ถ้าพ่อเห็นล่ะจบกันเลยนะ รอนคิดในใจพร้อมมองซ้ายขวาอย่างรวดเร็วแต่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
“เปิดครับพ่อ”
“ดีเลย ข้าวสารเราหมดพอดี เดี๋ยวพ่อไปซื้อก่อนดีกว่า”
พ่อเดินออกไปจากบ้านทิ้งให้รอนยืนอยู่ข้างๆรถ … เขาไปเปิดตู้โรงรถก็ไม่มี ในสวนก็มีแต่เครื่องมือขุดดิน สายยางรดน้ำ ปุ๋ย มองไปข้างกำแพงก็ไม่เห็นอะไร … เดี๋ยวนะ ปุ๋ย …
โอ้โห เฮียเสริฐ วางกระสอบข้าวไว้ปนกับกระสอบปุ๋ยเลยเรอะ!