Midterm Fantasy - ตอนที่ 120
“ท่านจัสติน นี่เราจะปล่อยไว้แบบนี้จริงๆเรอะ”
“ใช่ ท่านไม่เห็นรึไงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้สินค้าของร้าน ARMAMENT เริ่มเข้ามาแข่งกับสินค้าของพวกเราแล้วนะ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปรายได้ของพวกเราจะโดนกระทบได้นะท่าน”
ภายในลานกลางบ้านมีคนสิบกว่าคนที่กำลังนั่งประชุมกันอยู่ จากชุดที่สวมใส่อยู่บอกให้รู้ว่าแต่ละคนคือเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงที่สนิทสนมกับวุฒิสมาชิกจัสติน
“เมื่อวานนี้ร้านของเจ้าหนุ่มนั่นเริ่มปล่อยใบชาออกมา แบบนี้ธุรกิจชาของข้าก็พังสิ”
“เอาน่าวุฒิสมาชิกบอสตัน ปริมาณที่ร้าน ARMAMENTปล่อยออกมามันก็ไม่ได้มากมายอะไรนี่นา เอาเข้าจริงมันไม่ได้มีผลอะไรกับรายได้ของท่านมากมายนี่”
“เทอร์เรียน ท่านก็พูดได้สิ ก็ของที่ร้านมันเอามาขายมียาที่ใช้รักษาตาท่านได้นี่นา”
แต่ละคนต่างถกเถียงซึ่งกันและกัน มีเพียงวุฒิสมาชิกร่างอ้วนนั่งมองเพื่อนๆทะเลาะกันอย่างสงบนิ่งแล้วก็ค่อยๆยกมืออวบอูมของเขาขึ้น
“ทุกคนฟังข้าก่อน”
“ข้าเข้าใจดีว่าการมาของร้านARMAMENTกระทบต่อธุรกิจของพวกเรา” จัสตินบอก “แต่ว่าทุกคนลองคิดดูดีๆสิว่าธุรกิจที่ทุกคนบอกว่ากำลังกระทบอยู่มันมีที่มาจากไหน”
“ธุรกิจชาของบอสตันได้มาจากลูเซียส ตอนที่ลูเซียสขอให้เจ้าไปชักจูงคนในตระกูลให้ร่วมรบ”
“สิทธิในการค้าม้วนเวทมนตร์ของข้า การค้าเครื่องเขียนของเทอร์เรียน การค้าหนังสือของแมทเทอร์ ก็ได้มาจากลูเซียส ตอนที่เขาขอให้ตระกูลของพวกเราดูแลรักษาเมืองเอาไว้ตอนที่เขาและพ่อยกทัพไปที่ทุ่งหญ้าเผ่าสัตว์ในการรบครั้งสุดท้าย”
“สิ่งที่เป็นธุรกิจหลักของพวกเราทั้งหมดในที่นี้ล้วนแล้วแต่ได้จากลูเซียสในตอนนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่ได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือในยามสงครามก็ตามทีเถอะ” จัสตินบอกต่อไป “จะว่าไป ในตอนนี้นอกจากภาษีที่ก็ไม่ได้เก็บได้มากมายเท่าไหร่ เจ้านั่นก็ไม่เหลือรายได้อะไรมาใช้หล่อเลี้ยงกำลังทหารเพื่อป้องกันอาณาจักร ถ้าจะมีการค้าขายอะไรมาแข่งกับพวกเราบ้างก็ปล่อยๆไปเถอะ”
แต่ละคนมองไปที่จัสติน ความจริงจัสตินที่คุมการค้าม้วนเวทถือเป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะเป็นสินค้าเฉพาะที่เจอร้านARMAMENTขายตัดราคา ในขณะที่คนอื่นๆแม้จะเจอตัดราคาบ้างแต่ปริมาณสินค้าของร้านARMAMENTไม่ได้มากพอที่จะส่งผลต่อรายได้มากนัก
“จัสติน”
“พวกเราในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก่อนเราเป็นเพียงแค่รุ่นหนุ่มสาวที่ไม่มีปากเสียง การจะชักจูงผู้อาวุโสในตระกูลก็ทำได้ด้วยการเอาผลประโยชน์ที่ได้มาเข้าล่อ แต่ตอนนี้พวกเราเป็นผู้นำตระกูลกันทั้งนั้น” จัสตินบอก “ถ้าหากพวกเราจะตัดสินใจละทิ้งผลประโยชน์บางส่วนส่งคืนแก่เจ้าของที่แท้จริง ก็ไม่มีใครห้ามเราได้แล้ว”
ทุกคนที่ฟังจัสตินพูดต่างก็ก้มลงมองพื้นอย่างรู้สึกละอายแก่ใจของตน ต่างคนต่างก็ค่อยๆคิดถึงสิ่งที่จะทำได้ต่อไปในอนาคต
“เอาล่ะพวกเราเตรียมตัวออกเดินทางได้แล้ว กองทหารม้า ล่วงหน้าออกไปก่อน ส่วนกองทหารราบเดินตรงส่วนกลางและปิดท้ายขบวน” ท่านโซล่าสั่ง “ชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นทุกคนมาพร้อมแล้วใช่ไหม”
บรรดาชาวบ้านต่างจัดการผ้าคลุมรถลากให้แน่นและโบกมือให้ รอนตรวจเช็คดูข้าวของว่าเรียบร้อยดีแล้วก็เตรียมกลับ มีผู้คนมายืนส่งกันพอสมควรรวมไปถึงพวกขุนนางหลายๆคน
รอนมองดูพวกขุนนางเหล่านั้นด้วยความโล่งใจนิดๆ สินค้าที่ขนมาจากโลกเพื่อเอามาขายในชื่อร้านARMAMENTเป็นของที่ทับซ้อนกับสินค้าบางอย่างที่นี่จนเขาเกรงว่าจะเกิดปัญหากับพวกขุนนางที่คุมการค้าขายของพวกนั้น แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ทำให้คนเหล่านั้นไม่ได้คัดค้านอะไร
รอนคิดว่าส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้เอาของมามากพอที่จะรบกวนตลาด ของที่เอามาได้ก็ครั้งละ200กิโลกรัม แม้จะเป็นของคุณภาพดีแต่ก็ไม่ได้มากพอจะแย่งลูกค้ากระมัง
แล้วจะว่าไปพวกขุนนางและชนชั้นสูงหลายคนก็ดูสุภาพและพูดดีกับท่านโซล่ามากขึ้นด้วย แปลกดีแฮะ
เด็กหนุ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“โอ้ เจ้าชายดีโอเสด็จมา”
เจ้าชายหนุ่มเดินผ่านหมู่คนตรงเข้าทักทายท่านโซล่าและมีอา ก่อนจะเดินตรงมาที่รอน
“คุณรอนจะกลับแล้ว” เจ้าชายบอก “เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณแพท เดินทางไกลแบบนี้รักษาตัวด้วยนะครับ เส้นทางมีอันตรายได้ยังไงระมัดระวังให้เต็มที่ด้วย”
“ค่ะ”
“ชุดที่ท่านพ่อสั่งทำชุดนี้ทำโดยช่างที่มีความชำนาญ ถือเป็นชุดเกราะผ้าที่คุณภาพสูง คุณแพทใส่ไว้ให้ตลอดการเดินทางนะครับ”
“ค่ะ”
“แล้วนี่คือขนมที่ขึ้นชื่อของเมืองหลวง เป็นขนมที่เก็บไว้ได้นาน คุณแพทเอาไว้กินระหว่างทางนะครับ” เจ้าชายยกกล่องขนมให้ “เรื่องราวที่คุณเล่าให้ผมฟังตลอดทั้งสัปดาห์นี่สนุกมาก ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสอีกผมอยากฟังคุณเล่าเรื่องพวกนี้อีกจริงๆ”
“ค่ะ” แพทยิ้ม หลายวันมานี้ที่อยู่ในเมืองหลวงระหว่างที่รอนง่วนกับการจัดเตรียมการค้าขาย เธอก็ได้เจ้าชายดีโอนี่แหละที่มาช่วยพาไปสำรวจที่ต่างๆในเมือง
“เจ้าชายดีโอครับ ในนี้เป็นแผ่นข้อมูลวิชาอาวุธจากบ้านเมืองผม มีการฝึกใช้อาวุธในแบบต่างๆกันเผื่อว่าเจ้าชายจะศึกษาเปิดหูเปิดตาได้ วิธีการใช้ก็อย่างที่เคยสอนไว้นะครับ” รอนยื่นแผ่นSD Card ที่ดูดคลิปการใช้อาวุธแบบต่างๆมาให้เจ้าชายดีโอ “ขอบคุณมากครับที่มาส่ง วันหน้าถ้าพวกเรากลับมาจะไปหานะครับ”
“ขอบคุณครับคุณรอน”
“เอาล่ะ ไปกันเถอะทุกคน” รอนกวักมือและหันกลับไปโบกมือ “ไปแล้วนะครับ ลาก่อนครับ”
ขบวนเดินทางเคลื่อนออกจากเมืองหลวงอย่างช้าๆเป็นระเบียบ แพทเปิด Battlemap เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนจะปิดไปเมื่อไม่พบมอนสเตอร์ในละแวกใกล้ๆ
“เมืองหลวงที่นี่สวยดีนะ”
“อือ ไม่นึกว่าจะได้เจอวัฒนธรรมโรมันกับตาตัวเอง แปลกดีเหมือนกัน”
ทั้งคู่เดินต่อไปเงียบๆไม่ได้ว่าอะไร เสียงฝีเท้าและอาวุธกระทบกันเบาๆดังอยู่เบื้องหลัง
“รอน จะว่าไปเธอก็กล้าขึ้นมากเลยนะ อีกฝ่ายเป็นถึงพระราชาของอาณาจักร แต่เธอก็กล้าเข้าไปคุยเจรจาธุรกิจด้วย แถมยังจัดการดำเนินการจนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ” แพทชม
‘ก็ที่นี่มีคนที่เราอยากจะปกป้อง’
เป็นสิ่งที่รอนคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
“อือ ก็คุยกับท่านโซล่าแล้ว เห็นว่าก่อนที่ท่านลูเซียสจะขึ้นเป็นเพรเตอร์ของอาณาจักร ก็เคยเป็นสหายร่วมรบกันมาน่ะ ตอนคุยกันเลยไม่ได้รู้สึกเกร็งมาก”
“ก็ดีแล้วแหละ มันก็เป็นการพัฒนาตนเองที่ดี” แพทบอก “อ้อ แล้วเธอคิดว่าเจ้าชายดีโอเป็นยังไงบ้าง”
“เราว่าเค้าก็ดูมีมนุษยสัมพันธ์ดีนะ เห็นมาชวนเธอคุยทุกวันเลย” รอนบอก
“ใช่ เราก็ว่าเค้ามีมนุษยสัมพันธ์ดี พอเห็นว่าเราอยู่ที่เมืองหลวงแล้วไม่มีอะไรทำก็เลยมาชวนเรากับคุณมีอาไปดูโน่นดูนี่”แพทชม
“แพทว่าบุคลิกรูปร่างการแต่งตัวแบบเจ้าชายดีโอเป็นยังไงบ้าง” เด็กหนุ่มถามต่อ
“เราว่าก็ดีนะ เรื่องหน้าตากับบุคลิกนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ดีไปหมด” แพทชม “แต่เรื่องที่เราชอบมากก็เรื่องการวางตัวนี่แหละ”
“อันนี้ถามนอกเรื่องนะ ถ้ามองในแบบผู้หญิงมองผู้ชายล่ะ แบบเจ้าชายดีโอนี่เป็นไงมั่ง”รอนถามเจาะต่อ
“นอกจากเรื่องความเด็ดขาดไหวพริบหรือความกล้าหาญอะไรนั่น การเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ” แพทตอบ “อย่างที่เห็นชัดๆก็เรื่องการทำดีกับทุกคน ใส่ใจกับทุกคนแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ”
“คือบางครั้งผู้ชายบางคนใส่ใจ ทุ่มเท แต่ว่าไม่แสดงออกเลย คนอื่นก็ไม่มีทางรู้ และผู้ชายบางคนก็ใส่ใจแต่กับผู้หญิงที่จีบแต่ไม่ใส่ใจคนรอบข้างคนอื่น แบบนั้นผู้หญิงเค้าก็อาจจะไม่แน่ใจได้ว่าเกิดต่อไปโมโหทะเลาะอะไรขึ้นมาจะไม่ใส่ใจเค้าแบบที่ไม่ใส่ใจคนอื่นเลยไหม”
รอนพยักหน้าหงึกๆ ฟังแพทบอกแบบนี้เขาก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาละ จะว่าไปช่วงที่ผ่านมาเขาก็มัวแต่คิดแต่เรื่องหาเงินกับป้องกันหมู่บ้านจนกระทั่งไม่ได้ให้เวลากับคนรอบๆข้างเลยนี่นา แถมอะไรที่รู้สึกอยู่ก็ไม่ได้แสดงออกเพราะคิดว่าการหาเงินกับป้องกันหมู่บ้านมันจะทำให้เป้าหมายของเขาเป็นจริง
“ขอบใจนะแพท” รอนยิ้ม
“อื้อ?” เด็กสาวตอบรับอย่างงงๆ
ทั้งสองเดินทางต่อไปตามถนนจนตกเย็นจากนั้นก็นั่งล้อมวงกับชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นเพื่อกินอาหารกัน
“คุณเบรเซอร์ครับ เรื่องการป้องกันหมู่บ้านโอลเซ่นที่จะเริ่มทำกันเมื่อเรากลับไป ผมคิดว่าอยากจะขอความเห็นเพิ่มเติมสักหน่อย อยากจะถามความเห็นจากทุกคนเลยครับ”
รอนนั่งคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านรวมไปถึงชาวบ้านที่เดินทางมาด้วยกัน หลังจากคุยเพิ่มเติมกันจนได้ความเห็นแล้วทั้งเบรเซอร์และชาวบ้านคนอื่นก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ คุณรอนกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
“ใช่ๆ ช่วงหลังๆมานี่เห็นคุณรอนดูยุ่งๆเงียบๆไป พวกเราก็เกร็งๆกันไม่รู้ว่าจะถามยังไงดี นี่เป็นเหมือนเดิมแล้ว”
ชาวบ้านทั้งคู่บอก
“ช่วงหลังนี่เครียดๆน่ะครับ ต้องคิดอะไรหลายอย่างเลย” รอนบอกไป จริงอย่างที่แพทบอก ถ้าไม่พูดไม่แสดงออกไป อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้
“เอาเถอะ นี่ก็เย็นแล้ว คุณรอนไปพักเถอะ”
ทุกคนวางจานชามลงและเตรียมแยกย้ายไปพักผ่อนและจัดเวรเฝ้ายาม โรล่าเดินมาเงียบๆค่อยๆเก็บจานชามของทุกคนเพื่อนำไปล้าง รอนตาลุกวาวหันไปหาเด็กสาว
“มา โรล่า ผมช่วยล้างเอง”
“แต่ว่า..”
“ไม่ต้องแต่หรอกน่า พวกเราไม่ได้อยู่เฝ้ายามกัน ก็ช่วยกันล้างนี่แหละจะได้เสร็จเร็วๆ” รอนบอก “โรล่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง จานชามก็ตั้งเยอะช่วยล้างกันแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“ค่ะ” โรล่านิ่งไปแล้วก็ยิ้มขึ้น “คุณรอนกลับมาเป็นเหมือนเดิมสักที ช่วงนี้ดูยุ่งๆนิ่งๆไปจนโรล่าไม่กล้าคุยเท่าไหร่เลยเพราะกลัวจะไปรบกวน”
“เรื่องนั้น … คือผมก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าช่วงนี้ทำตัวเครียดๆเกินไป” รอนเกาหัวแกรกๆ
“นี่น้ำยาล้างจาน” แพทเดินมาจากด้านหลัง “ช่วยกันล้างจะได้เสร็จไวไวไง”
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” โรล่าบอก จากนั้นทั้งสามคนก็ไปล้างจานกัน
เที่ยงคืน รอนและแพทวาร์ปกลับมาที่โลกแล้ว ทั้งสองเตรียมตัวเปลี่ยนชุดเข้านอน แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“มีอะไรเหรอรอน” แพทถาม “เรื่องเหรียญทองเหรอ”
“อ๋อ เปล่าๆ แค่จะขอบใจที่เธอช่วยบอกวันนี้” รอนบอก “เรื่องให้ใส่ใจกับทุกคนและเรื่องการแสดงออกน่ะ ช่วงหลังๆนี่เราเอาแต่สนใจหาเงินจนลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปเลย ถ้าไม่ใช่วันนี้เธอบอกออกมาเราคงไม่รู้”
“อ๋อ เรื่องนั้นเหรอไม่เป็นไรหรอก”แพทบอก
“อือ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน หลับฝันดีนะ” รอนว่า
“ฝันดี”แพทตอบ
เด็กสาวรอจนอีกฝ่ายวางสายไป จากนั้นก็กางแขนทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ตามองเพดานด้วยใบหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึก ปากพึมพำเบาๆ
“คนบ้า บ้าๆๆๆๆๆ”