Midterm Fantasy - ตอนที่ 121
“เชี่ยเอ๊ย ยังติดต่อไม่ได้อีกเรอะ”
“ครับ พวกเราพยายามติดต่อหลายครั้งแล้วแต่ยังติดต่อทั้งสามคนนั้นไม่ได้เลยครับ” ลูกน้องที่กำลังหวาดผวาตอบ “หรือจะให้ผมติดต่อไปที่สมาคมไหมครับ” “จะบ้าหรือไง ตอนที่ข้าให้สามสาวนั่นไปสืบเรื่องเจ้าหน้ากากดำนั่นข้าไม่ได้รายงานสมาคมไป ถ้าหากรายงานไปตอนนี้ว่าสามคนนั้นหายไปเพราะการสั่งโดยพลการพวกเราจะซวยกันหมด” เฮียโต้งตวาดลูกน้อง ขณะที่ลูกน้องแอบคิดในใจว่า คนที่ซวยน่ะไม่ใช่ทั้งหมดหรอกแต่เป็นแค่เฮียคนเดียว
ก็อกๆๆ “เฮียโต้งครับ”
“เออ มีอะไร”
“ตำรวจมาขอพบครับ”
หัวสมองของเฮียโต้งหยุดทำงานไปชั่วขณะก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องพาตำรวจไปรอที่ห้องรับแขก
“สวัสดีครับคุณตำรวจ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” โต้งยกมือไหว้และหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟา “สวัสดีค่ะ ดิฉันร้อยตำรวจเอกเฌอมาลย์ จากหน่วยสืบสวนคดีนักเลงและผู้มีอิทธิพลค่ะ” หญิงสาวยื่นนามบัตรให้ โต้งมิวสิครับไปแล้วพลิกดูสองสามครั้ง
“ไม่นึกเลยนะครับว่าเดี๋ยวนี้หน่วยสอบสวนคดีผู้มีอิทธิพลจะมีตำรวจที่หน้าตาดีแบบนี้ ผมคิดว่าจะมีแต่…”
“เรามาตามหาคนที่ชื่อเจนัส” เฌอมาลย์ถาม “ที่นี่ไม่มีผู้หญิงชื่อนี้ครับ” โต้งตอบเนิบๆ
“แล้วคนชื่อเจนและแจนล่ะคะ” ตำรวจหญิงถาม
“ไม่มีเหมือนกันครับ” โต้งตอบทันที
“ดูคุณมั่นใจจริงๆเลยนะคะ”
“แน่นอนครับ เพราะผมรู้จักลูกน้องทั้งหมดดี แม้ว่าเราจะมีพนักงาน 50 กว่าคนแต่ผมก็จำชื่อได้หมด พนักงานหญิงของเราไม่มีใครสักคนที่ชื่อเจนัส แจน หรือเจน”
“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายความเรื่องนั้น แต่ดิฉันหมายถึงที่คุณบอกได้ทันทีว่าไม่มีผู้หญิงที่ชื่อเจนัสที่นี่” เฌอมาลย์บอก “ปกติชื่อเจนัสเป็นชื่อผู้ชายแท้ๆ แต่คุณกลับมั่นใจว่าเป็นชื่อผู้หญิง”
โต้งมิวสิคยิ้มไม่ว่าอะไร หากแต่ที่หน้าผากกำลังผุดพรายไปด้วยเหงื่อที่กำลังไหลออกมา แล้วสันหลังของเขาก็วาบหนาวขึ้นเมื่อตำรวจหญิงตรงหน้าพูดประโยคถัดไปออกมา
“ดิฉันจะขอค้นดูของใช้จากโต๊ะทำงานตัวหนึ่งได้ไหมคะ เป็นโต๊ะที่อยู่ในห้องๆนึง ไม่เสียเวลานานมากนักหรอกค่ะ แค่10นาทีเท่านั้น”
“คุณมีหมายค้นไหม”
“ไม่มีค่ะ แต่คุณจะอัดคลิปขณะค้นด้วยก็ได้” โต้งมิวสิคเหงื่อแตกท่วมปกเสื้อ เขาลังเลว่าจะทำยังไงต่อดี ค่อยๆเลื่อนมือไปจับโทรศัพท์มือถือและยกขึ้นพูด
“เฮ้ย ไปเชิญคุณตำรวจคนอื่นๆที่รออยู่ให้เข้ามาก่อน”
มันต้องการประเมินว่ามีใครมากับตำรวจคนนี้หรือไม่ หรือว่ามาเพียงคนเดียว
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ข้างนอกมีตำรวจรออยู่ 8 นาย และทั้งหมด และก่อนออกมาจากหน่วยสืบสวน พวกเราแจ้งไว้แล้วว่าจะมาที่นี่และจะกลับไปทันทีที่เสร็จธุระ”
โต้งมิวสิคกัดฟันกรอด ตอนที่เขาดึงตัวสามสาวนั้นมา เขาจัดการตั้งโต๊ะทำงานเอาไว้ให้ในห้องๆหนึ่งที่แยกออกไปเป็นสัดส่วนให้เหมือนกับพนักงานปกติ ถ้าตำรวจหญิงคนนี้รู้เรื่องโต๊ะทำงานนั่นก็มีความเป็นไปได้ว่า 3 คนนั้นอาจจะเปิดปากบอกอะไรไปแล้วและในนั้นอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่
ไม่ได้ จะยอมให้ค้นไม่ได้
“ผมคงให้ค้นไม่ได้ครับ” “ทำไมคะ”
“ถ้าคุณไม่มีหมายค้นแต่ต้องการใช้กำลังรังแกประชาชน ผมก็คงต้องตามทนายมา” โต้งมิวสิคยกโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง แต่ผู้กองเฌอมาลย์กลับลุกขึ้น
“งั้นดิฉันขอตัวลากลับก่อนค่ะ สวัสดีค่ะ”
โดยไม่พูดอะไรต่อ หญิงสาวลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปท่ามกลางความโล่งใจของโต้ง เขาเดินไปดูที่หน้าต่าง ก็เห็นตำรวจสาวเดินขึ้นรถตำรวจ จากนั้นรถตำรวจทั้งสองคันก็แล่นออกไป จากนั้นเขาจึงกดอินเตอร์คอมเรียกลูกน้อง
“เฮ้ย ไปที่ห้องทำงาน 1801 เคลียร์เอกสารในโต๊ะนั้นให้หมด” โต้งสั่งเข้าไป “แล้วตามระดับหัวหน้าทีมมาให้หมด ให้ไปที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้”
แล้วโต้งก็เดินออกจากห้องไป โดยไม่ทันสังเกตว่าที่กระถางต้นไม้ตรงโซฟาที่ตำรวจสาวเคยนั่งอยู่นั้น มีอุปกรณ์สีดำตกอยู่ด้านใน
“เป็นอย่างไรบ้างครับผู้กอง”
“ไม่ได้ผล ดูเหมือนว่าไอ้โต้งมิวสิคมันจะเรียกคนไปประชุมที่อีกห้องนึง”
เฌอมาลย์จัดการปิดเครื่องเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ของเครื่องดักฟังที่อีกด้านหนึ่ง
“เอาล่ะ จับตาดูไว้ที่นี่ ถ้ามีความเคลื่อนไหวในห้องนั้นก็ค่อยเปิดเครื่องดักฟัง”
“ครับกัปตัน!”
โต้งมิวสิคเดินไปที่ห้องประชุม เหล่าหัวหน้าทีมในสังกัดเดินเข้ามาในห้องประชุมกันทีละคน แต่ละคนล้วนรูปร่างกำยำสูงใหญ่ ผิวหยาบกร้าน ดูดุดัน เนื่องจากธุรกิจหลักของโต้ง มิวสิค ก็คือการเรียกค่าคุ้มครองจากผับบาร์ การไถเงินเรียกค่าลิขสิทธิ์แบบเถื่อนๆ ไปจนถึงการขายแผ่นผี
4-5 ปีหลังมานี้วงการแผ่นผีเสียหายมากจากการเข้ามาของการโหลดเถื่อน ทำให้ฐานะในสมาคมเมษาของโต้งเริ่มสั่นคลอน หัวหน้าในระดับกลางเช่นมัน แทนที่จะได้มือปืนที่มีประสบการณ์มา กลับได้มือปืนของสมาคมมา 3 คน ที่แม้จะฝีมือดีแต่ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน
ยิ่งคิดโต้งยิ่งโมโห ผู้หญิงสามคนนั่นคงจะไปเปิดเผยอะไรเข้า ตำรวจเลยสงสัยเขาจนตามมาถึงที่ “เอาล่ะ ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว นั่งลงก่อน เรามีข่าวร้าย”
โต้งบอกกับทุกคนอย่างตรงไปตรงมา
“มือปืนที่เบื้องบนส่งมา ถูกตำรวจจับไปแล้ว และตำรวจก็กำลังสงสัยพวกเราอยู่”
“นั่นไงว่าแล้ว นังผู้หญิงพวกนั้นมันไม่มีฝีมือหรอก”
“หาเรื่องให้พวกเราจนได้” ชายฉกรรจ์ทั้งหลายทุบโต๊ะก่นด่าทันที แต่เดิมพวกมันก็รู้สึกแย่อยู่แล้วที่ตำแหน่งในแก๊งค์ต่ำกว่าผู้หญิง พอเกิดเรื่องแบบนี้ก็ยิ่งโมโหไปกันใหญ่
“พอก่อน พอก่อน นี่ไม่ใช่เวลาจะมาโมโหแบบนั้น ตอนนี้พวกเราต้องหาทางแก้ไขปัญหากัน” เฮียโต้งบอกลูกน้องจากนั้นค่อยๆเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องที่เขาได้คลิปวงจรปิดวันที่ร้านของเป๋งโมบายล์เจอถล่มโดยเด็กหนุ่มลึกลับ
ไปจนถึงการที่ลูกน้องสองคนในแก๊งค์ไปเจอเด็กหนุ่มที่’น่าจะเป็นคนเดียวกัน’ กับเด็กหนุ่มหน้ากากดำ
“เอ๊ะ แบบนี้เราก็แค่ไปตามจากหมอที่โรงพยาบาลก็ได้นี่เฮีย โรงพยาบาลต้องมีบันทึกประวัติเด็กนั่นอยู่แล้ว”
“นั่นแหละปัญหา เพราะว่ามือปืนทั้งสามคนนั่นก็ใช้วิธีนั้น แล้วตอนนี้ก็หายไปกันหมดทั้งสามคนเลย” โต้งบอก “เป็นไปได้ว่าหมอคนที่ว่านั่นจะร่วมมือกับเด็กหนุ่มนั่นล่อให้สามสาวนั่นไปติดกับ”
“งั้นพวกเราต้องเป็นฝ่ายเลือกสถานที่เองสินะ” เฮียโต้งพูดขึ้นมา
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ บรรดาลูกน้องของโต้งมิวสิคก็แยกย้ายกันออกไป แต่ละคนเรียกลูกน้องระดับล่างลงไปให้พร้อม สำหรับอาวุธนั้น ครั้งที่แล้วเป๋งโมบายคือบทเรียนแล้วว่าการใช้อาวุธประชิดไม่ใช่ทางเลือกที่ดี โต้งเลยสั่งลูกน้องให้ไปหาปืนมา
“เฮ้ย คืนนี้จัดการปิดทางเข้าออกอื่นให้หมด ให้เหลือแต่ทางเข้ายาวหน้าตึกเท่านั้น”
“หน้าต่างชั้นสองทั้งหมดปิดให้หมด อย่าให้ใครขึ้นมาได้”
โต้งสั่งการอย่างเฉียบขาด บทเรียนจากกรณีของเป๋งบอกให้มันรู้ว่าถ้าหากมันปล่อยให้อีกฝ่ายบุกเข้ามาข้างในได้มันจะเสียเปรียบอย่างมาก ดังนั้นต้องจัดการให้ได้ตรงทางเดิน
ทางเข้าของตึกสำนักงานของมันเป็นทางตรงยาว 30 เมตร ไม่มีบันได ซอกหลืบใดๆ ความกว้างพอให้รถยนต์เข้ามาได้ แต่ว่าที่พื้นก็มีแท่งเหล็กที่สามารถยกกั้นรถได้ เป็นระบบที่สร้างเพื่อป้องกันการบุกตรวจค้นของตำรวจหรือบุกถล่มจากแก๊งค์อื่น ขอเพียงคุมทางเข้าออกนี้ได้ เจ้าเด็กนั่นบุกเข้ามายังไงก็ไม่รอดแน่
“ไอ้หมอชั่ว เอ็งร่วมมือกับเจ้านั่นต่อต้านเราแก๊งค์เมษา เอ็งต้องได้รับบทเรียนที่สาสม”
รถตู้สีขาวสองคันวิ่งออกจากตึกมุ่งหน้าไปตามถนน ตำรวจที่ซุ่มอยู่ในตึกฝั่งตรงข้ามมองตามไป
“จะให้ติดตามไหมครับ ดูเหมือนในนั้นมีคนหลายคน”
“ไม่ต้อง พวกมันอาจจะกำลังไปพาตัวใครมา รอดูให้แน่ชัดก่อน”
แล้วรถตู้สองคันนั้นก็มุ่งหน้าออกไป
ที่โรงพยาบาลห่างออกไป
ตุ้บ! ผัวะ ผัวะ พลั่ก !
ร่างของยามโรงพยาบาลและบรรดาคนไข้หลบคุดคู้ที่ข้างเตียง เศษแก้วกระจายเกลื่อน ถาดเครื่องมือและอุปกรณ์ตกอยู่ทั่วพื้น ร่างของคนหลายคนนอนจมกองเลือดอยู่
“จัดการมัน ใครขวางจัดการมันให้หมด” นักเลงคนนึงร้องขึ้น ยกไม้ในมือชี้ไปด้านหน้า
“จัดการไอ้หมอ จับตัวมันให้ได้”
“จัดการ …อ้ากกกกก”
เจ้าของเสียงนั้นลอยละลิ่วไปกองที่พื้นรวมกับเพื่อนๆ
“หมดไป 6 เหลืออีก 2” เสียงคำรามดังมาจากโต๊ะตรวจ ร่างของหมอหนุ่มเดินออกมา เสื้อกาวน์ขาวที่คลุมร่างท่อนบนอยู่ขาดเป็นริ้วๆเผยให้เห็นมัดกล้ามอันตึงเครียด กำปั้นทั้งสองชุ่มไปด้วยเลือด
“คนต่อไป เข้ามา!”
“ไม่น่าเลย ไอ้บ้านั่นไม่น่าไปยุ่งกับพยาบาลนั่น้ลย”
“ก็ใครจะไปรู้เล่าว่านั่นเป็นแฟนมัน”
เมื่อครู่พวกนักเลง 8 คนนี้เข้ามาในโรงพยาบาลแล้วก็ขับไล่ทำร้ายยามกับคนไข้ จะบีบให้หมอเคบอกที่อยู่ของรอนออกมา แต่ขณะที่หมอเคกำลังโทรศัพท์จะเรียกรอนออกมานั้น ก็เกิดความผิดพลาดขึ้น เพราะเจ้านักเลงคนนึงไปลวนลามพยาบาลเข้า มันตรงเข้าไปจับหน้าอกและพยายามเปิดกระโปรงพยาบาลสาวคนนั้นและนั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงที่สุดของทีม เพราะหมอเคที่กำลังจะยอมแพ้ จู่ๆก็บ้าเลือดกระโดดเข้าไประดมต่อยเจ้านักเลงนั่นจนใบหน้าเละเลือดกลบท่วมไปหมด จากนั้นหมอเคก็เข้ามาลุยกับพวกมัน
“เอาไงดีลูกพี่”
“สู้มันสิวะ ข้าโทรเรียกคนมาแล้ว เดี๋ยวพวกเราก็มาช่วย” มันบอก “มึงอย่าเข้ามา กูมีมีด เฮ้ยยยย”
ผัวะ ผัวะ ผัวะ ตุบ ตุบ ตุบ โครมมมม
เก้าอี้เหล็กประจำห้องตรวจถูกยกขึ้นมามาแล้วฟาดลงไปอย่างไม่ยั้ง มีดในมือของนักเลงทั้งสองหลุดกระเด็นไปเหมือนกับเศษกระดาษ ข้อมือทั้งสองข้างของทั้งคู่หักลงเหมือนเศษไม้
“พวกแกจำไว้ อย่ามายุ่งกับแฟนกู”
โครม!
เก้าอี้เจอเหวี่ยงฟาดลงไปอีกครั้ง
“แพรวเป็นอะไรไหมครับ”
“ไม่ค่ะเค แพรวไม่เป็นอะไร”
พยาบาลสาวหน้าแดงใจเต้นรัว วันนี้ตอนที่พวกกุ๊ยนี่เข้ามาเธอยังกลัวว่าหมอเคจะปิดบังพวกนั้นและดึงปัญหามารับไว้เอง
แต่พอพวกนั้นทำท่าไม่ปล่อยเธอและเขา หมอเคก็ไม่ลังเลที่จะเปิดเผยข้อมูลของเด็กหนุ่มคนนั้น
และก่อนที่ใครจะคิดว่าที่หมอเคยอมปริปากนั้นเป็นเพราะว่าห่วงความปลอดภัยของคนรอบๆหรือว่าเพราะขี้ขลาด เจ้านักเลงคนนึงก็ลวนลามเธอ แล้วหมอเคก็ลุกขึ้นมาต่อสู้
คนที่เลือกครอบครัวคนใกล้ชิดก่อน และกล้าหาญมีกำลังแบบนี้ คิดไม่ผิดที่จะฝากชีวิตไว้จริงๆ
“หมอ หมอ ช่วยด้วย เพื่อนผมหัวใจหยุดเต้นครับ ช่วยด้วย”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากหน้าห้องฉุกเฉินจนทุกคนหันไปมอง วัยรุ่นสามคนเข็นเปลที่มีร่างชายอีกคนนอนอยู่ตรงเข้ามา
“เตรียมห้องรีซัส ทุกคนประกาศโค้ดบลู ยกเลิกโค้ดบราวน์” หมอเคบอกก่อนจะวิ่งไปที่คนไข้ “คุณครับ คุณ เป็นยังไงอ้ากกกกกกกกกกกกก”
ร่างกำยำของหมอล้มลงเกร็งกับพื้น ส่วนร่างของคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นนั่นก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับเครื่องช็อตไฟฟ้า
“ยำมัน”
แซดดดดด
“อ้ากกกกก”
พลั่กๆๆๆๆๆๆ
“เฮ้ย พวกเรากลับเว้ย พาคนเจ็บกลับไปด้วย มึง อีพวกนี้ ปฐมพยาบาลพวกกูด้วย ทำให้ดีนะมึงไม่งั้นเจอตบ”
พยาบาลที่ตื่นกลัวต่างพากันปฐมพยาบาลเหล่านักเลงที่บาดเจ็บจากฝีมือหมอเค
“เค คุณเป็นยังไงบ้าง กรี๊ด” แพรวเข้าไปหาหมอเคที่จมตีนอยู่แต่เจอเตะออกมา
“อย่าทำ คุณแพรว” หมอเคร้องขึ้นเอื้อมมือไปจับขาของหมอนั่นไว้
“ฤทธิ์มากนักนะมึง เอาไฟฟ้าไปกินซะ อ้ากกกกกกกก”
แล้วนักเลงนั่นก็ล้มพับไปเนื่องจากช็อตคนที่กำลังจับขาตัวเองอยู่
หลังปฐมพยาบาลเสร็จ ร่างของหมอเคเจอจับมัดขึ้นรถไปโดยมีนักเลงที่บาดเจ็บ8คนแยกย้ายขึ้นรถตู้ทั้งสองคันในสภาพยับเยิน บ้างดามแขนขา บ้างพันผ้าพันแผลเต็มหน้า บ้างใส่ปลอกคอ
“บอกไอ้เด็กนั่น ถ้าไม่อยากให้ไอ้หมอนี่เป็นอะไรไปให้ไปขอขมาโต้งมิวสิคซะ พวกเรา กลับ!”
รถตู้ออกไปแล้วทิ้งไว้แค่ความยับเยินของห้องฉุกเฉินและความสับสนว่าจะทำอะไรต่อไปดี
“ว้ายยยย”
“อะไรยัยแพรว”
พยาบาลสาวร้องชี้ไปที่ร่างจมกองเลือดที่หลังเคาเตอร์พยาบาล รอยที่พื้นบ่งว่าถูกลากมาจากที่อื่น แถมเสื้อผ้าทั้งหมดถูกถอดจนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว
“เดี๋ยวนะ เจ้าคนนี้นี่มันคนที่ลวนลามแพรวนี่” หญิงสาวมองร่างนักเลงที่ใบหน้าเละจากหมัดหมอ “แล้วถ้ามันอยู่นี่ แล้วคนที่พันหน้ากลับไปกับพวกนั้นคือใครล่ะ”
พยาบาลทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่ทันสังเกตเสื้อและกางเกงนักเรียนที่ถูกพับวางไว้ที่เก้าอี้