Midterm Fantasy - ตอนที่ 125
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” หยางเทียนถามแพทที่กำลังทำหน้าตกใจ
“คือ รอนเค้า.. เค้าบ้าเลือดไปแล้ว” แพทบอก “ครั้งที่แล้วที่เป็นแบบนี้ไป เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปจนแพทกลัวว่าถ้าเป็นแบบนั้นอีกเขาอาจจะลงมือทำอะไรรุนแรงเกินไปจนเสียใจทีหลังได้”
แพทมองไปยังตึกฝั่งตรงข้ามด้วยความเป็นห่วง
“รอน อย่าเป็นอะไรนะ”
“อย่าเข้ามา อย่าาาาาา”
ฉัวะ!
“มือ มือ มือข้าาา”
“โอ้ย นิ้วหักแล้ว”
“มันบ้าไปแล้ว”
“พวกเราฆ่ามัน” ผัวะๆๆ “อ้ากกก”
เสียงร้องโหยหวนดังไปตามทางเดิน พวกนักเลงที่กำลังถือมีดดาบต่างเข่าอ่อนทิ้งอาวุธและเริ่มออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต คนที่เหลืออยู๋ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เจอรอนเล่นงานไปแล้ว ร่างของนักเลงจำนวนมากนอนเกลื่อนอยู่ที่พื้น ที่โชคดีหน่อยก็แค่เจอซัดจนกระดูกซี่โครงหัก ที่โชคร้ายหน่อยก็เจอตัดมือหรือนิ้ว
“เฮียโต้ง ช่วยด้วยครับเฮีย”
นักเลงต่างวิ่งไปที่ห้องของเฮียโต้งที่อยู่ด้านในสุด หากแต่ประตูภายในล็อค ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในห้อง
“เฮียโต้ง เฮีย เปิดด้วย เปิดให้พวกเราเข้าไปที”
“พวกเรา ห้องเฮียโต้งใช้ล็อคไฟฟ้า พวกเราตัดสะพานไฟเร็วเข้าจะได้ปลดล็อคได้”
บรรดาลูกน้องต่างไปที่สะพานไฟหน้าห้องแล้วสับลง ไฟในห้องดับวูบมืดสนิท แต่ประตูยังปิดแน่นไม่ขยับ(แน่ล่ะ ล็อคประตูแบบไฟฟ้ามันไม่ได้ขึ้นกับไฟบ้าน) ตามด้วยเสียงแน่นๆจากภายใน
ปังๆๆๆๆ
เสียงปืนดังมาจากภายในห้องเจาะผ่านเนื้อไม้พุ่งเข้าหาเพดาน คนสนิทของเฮียโต้งยิงปืนขู่ออกมา
บรรดาลูกน้องที่เหลืออยู่ 40 กว่าคนที่กำลังทุบประตูกันอย่างบ้าคลั่งต่างนิ่งบื้อกันไปหมด ข้างหน้า เจ้านายที่ขังตนเองในห้องและยิงปืนขู่ไม่ให้เข้าไป
ข้างหลัง ชายหน้ากากดำที่กระหายเลือดกำลังเดินมา
“พวกเรา หนีโว้ยยย”
คนที่เหลือต่างแตกฮือกันไปคนละทิศละทาง ต่างคนต่างทุบเปิดประตูห้องที่อยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นวิ่งไปที่หน้าต่าง เปิดออก จากนั้น
“ว้ากกกกก”
“แม่จ๋าาาาา”
ร้อยเอกเฌอมาลย์มองจากฝั่งตรงข้ามอย่างตะลึง นักเลงหลายสิบคนเปิดหน้าต่างกระโดดหนีออกมา
แต่ละคนลอยละลิ่วจากชั้น 3 ลงสู่รถที่จอดอยู่เบื้องล่าง คนที่พลาดตกลงพื้นก็นอนจุกอยู่ที่พื้นก่อนจะค่อยๆถัดตัวกระเพลกพยายามหนีออกห่าง
“พวกเรา จับมันให้หมด อย่าให้มันรอดไปได้” หยางเทียนพูดกรอกลงไปในวิทยุสื่อสาร
บรรดาลูกน้องของโต้งมิวสิคต่างวิ่งหนีออกจากอาคาร และพบกับชายในชุดนักท่องเที่ยวจีนหลายคน บางคนพยายามหนี แต่ว่าส่วนใหญ่ยอมให้จับไว้แต่โดยดี
โดนคนของหลิวลี่จงจับตัว ยังดีกว่าเจอเจ้าหน้ากากดำนั่น
ในห้องของโต้งมิวสิคที่มืดมิด ราชาแผ่นผีซีดีเถื่อนกำลังตื่นตระหนกอย่างถึงขีดสุด ลูกน้องสามสี่ร้อยคนก็เอาเจ้าหนุ่มนั่นไม่ได้ และแม้แต่ครูชัย ครูกระบี่ของแก๊งค์เมษาสาขาใหญ่ก็ยังพลาดท่า
“เฮ้ย เรามีปืนกี่กระบอก”
“กระบอกเดียวครับเฮีย มีแต่อาก้ากระบอกนี้กระบอกเดียว”
“รอมันมาที่ประตู พอมันจะพังประตูเข้ามาก็กดแม่มเลย”
“ครับ”
ลูกน้องร่างใหญ่ยืนถือปืนจ้องไปที่ประตู ส่วนอีก 3 คนถือเก้าอี้เหล็กไว้ในมือรอรับการบุก ภายในห้องที่ไฟดับมืด มีเพียงแสงรางๆผ่านผ้าม่านเข้ามา บรรยากาศกำลังตึงเครียดอย่างที่สุด
“ไอ้หน้ากากดำ ไอ้รอน แกนะแก ตัวจริงถูกเปิดเผยแบบนี้แล้ว แกไม่กลัวแก๊งค์เมษาจะจัดการเลยหรือยังไง” โต้งด่าออกมา
“เฮียครับ”
“อะไร!”
“คือตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา เฮียยังไม่ได้บอกสาขาใหญ่เลยว่าเจ้าหน้ากากดำนี่เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อรอนอะไรนั่น” ลูกน้องบอก “แบบนี้มันไม่น่าจะกลัวเราแก้แค้นนะครับ เพราะถ้ามันจัดการเราได้ทั้งหมดก็ไม่มีใครไปบอกสาขาใหญ่ว่ามันคือใคร”
เฮียโต้งอึ้งไป จริงสิ ตั้งแต่เกิดเรื่องเขายังไม่ได้รายงานสาขาใหญ่เรื่องกล้องวงจรปิดที่ร้านเป๋งโมบายล์ ดังนั้นตอนนี้สาขาใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “รึว่า!”
มันเดินไปเปิดม่านดูความเคลื่อนไหวด้านนอก
“หนอย ที่แท้พวกมันส่งคนมาดักรอพวกเรา มันกำลังจับพวกเราอยู๋” โต้งร้องขึ้น “มิน่า เจ้านั่นมันถึงปิดประตูขังพวกเราเอาไว้ไม่ให้หนีออกไป”
“แต่มันคงลืมไป ว่าโลกนี้ยังมีสิ่งนี้ สิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์” โต้งยกมือถือขึ้นมา “แค่โทรไปครั้งเดียว ความพยายามทั้งหมดของมันก็ต้องสูญสลาย คอยดูเถอะไอ้เด็กรอน ถึงจับข้าได้เอ็งก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือแก๊งค์เมษาอยู่ดี ฮ่าๆๆๆ” ท่ามกลางความมืดมิด แสงสว่างของโทรศัพท์มือถือสว่างโร่ขึ้น เผยให้เห็นหน้าของโต้งมิวสิคที่กำลังแสยะยิ้มอย่างกับคนเสียสติ
“สมาคมใหญ่ สมาคมใหญ่” โต้งเลื่อนเบอร์ในโทรศัพท์ดู “ฮ่าๆ เจอแล้วนี่ไง”
ผัวะ!
“อ้อกกกก”
“เฮียโต้ง!”
ลูกน้องทั้ง 4 คนร้องเสียงหลงออกมาพร้อมๆกัน ขณะที่ร่างของเฮียโต้งลอยละลิ่วตามแรงเตะไปจนชนประตู โทรศัพท์มือถือลอยไปในอากาศ แสงสว่างของมันเรื่อๆพร้อมกับตัวเลขบอกเวลาที่บ่งบอกว่าอีกด้านรับสายแล้ว
ผัวะ พล็อค!
เท้าของหมอเคเตะเข้าที่ปลายคางของคนที่ถือปืน แรงสะบัดกระชากให้ซีรีบรัมกระแทกเข้ากับกระโหลกจนร่างกำยำนั้นล้มตึงลงกับพื้น
“แก ตายยย” มีดในมือเสือกแทงเข้าไปหาร่างของหมอหนุ่ม หมอเคเลื่อนมือไปข้างหน้า จับข้อมือของนักเลงเอาไว้แล้วกดลง
ปึด ปึด ปึด
เชือกที่มัดพันธนาการมือทั้งสองของหมอเคขาดออก และก่อนที่นักเลงคนนั้นจะตั้งตัวทัน นิ้วโป้งทั้งสองของหมอเคก็กระแทกเข้าที่เหนือไหปลาร้าทั้งสอง
“Brachial Plexus Attack”
เคร้งๆๆ มีดหล่นออกจากมือที่อ่อนแรง
“แขน แขนข้า ทำไม แขนไม่มีแรง”
นักเลงที่แขนหมดกำลังร้องโหยหวนขณะเพื่อนที่เหลืออีกสองคนพุ่งเข้ามา
“ย้ากกก” มันกระโดดเข้ากอดหมอเคเพื่อที่จะให้เพื่อนที่ตามมาจัดการต่อ หากแต่หมอหนุ่มกลับกอดชายคนนั้นไว้แน่นก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นสูงแล้วกระแทกเข้าไป
“Vertigo Crush”
หมอเคต่อยเข้าไปที่กระดูกMastoidด้านขวา ฉับพลันนั้นเจ้านักเลงที่ถูกต่อยก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบของมันหมุนเป็นวงกลม
“ว้ากกกก ว้ากกกก เกิดอะไรขึ้น”
มันล้มลงที่พื้น ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคนที่ถูกจับปั่นจิ้งหรีด 50 รอบ
นักเลงคนสุดท้ายยืนจังก้า มือสองข้างตั้งเหลื่อมกันตามท่าการต่อสู้แบบมวยจีน และกวักมือท้า “เข้ามา”
หมอเคสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพุ่งเข้าไปพร้อมประกาศชื่อท่า
“หมัดถล่มหัว”
นักเลงคนนั้นยกมือตั้งการ์ดที่ศีรษะเต็มที่
พล็อค!
“โอ๊คคคคคค”
ก่อนที่มือจะเลื่อนลงมากุมไข่อย่างเจ็บปวดรวดร้าวและล้มลงไป หมอเคเดินเข้าไปหาแล้วก็กระทืบอีก 4-5 ทีจนแน่ใจแล้วจึงมองไปประตูอย่างโล่งอก รอนกำลังพยายามพังประตูอยู่ ถ้าเขาช้าไปอีกนิด ความลับของเด็กหนุ่มก็อาจจะถูกเปิดเผย หรือถ้าเขาไม่ต่อสู้ ป่านนี้ปืนอาก้านั่นก็คงยิงรอนจนพรุนไปแล้ว
หมอเคถอนหายใจและเดินไปที่ประตู เขาเปิดให้รอนเข้ามา
แกร็ก!
“เป็นยังไงบ้…” หมอเคยังไม่ทันพูดจบ ประกายกระบี่ก็กวาดเข้ามา โดยอัตโนมัติหมอหนุ่มปล่อยหมัดเข้าใส่ข้อมือนั้นจนกระบี่หลุดจากมือ
ผัวะ เคร้ง
“รอ… อั่ค”
ผัวะๆๆๆ
ร่างของหมอเคถอยกลับเข้ามาในห้อง แสงไฟที่ดับสนิมทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นหน้าของอีกคน และหมอเคก็ไม่มีเวลาที่จะทักเอ่ยปากบอกรอนที่กำลังบ้าเลือด
ชิ ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ
“อะต๊ะ อะต๊ะ อะต๊ะ อะต๊ะ อะต๊ะ อะต๊ะ”
หมัดของหมอเคพุ่งเข้าหาร่างของรอนหวังสยบเด็กหนุ่มที่บ้าคลั่ง หากแต่เงาร่างของรอนหลบหมัดได้ทั้งหมด “มีแค่นี้ใช่ไหม งั้นเอานี่ไปกิน” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับหมัดที่รัวกลับไป “อะต๊ะๆๆๆๆ”
“อุ๊คๆๆๆ” หมอเคร้องออกมา เลือดทะลักออกจากปากจมูก
ผัวะๆๆๆๆ เพล้ง ฟ้าวววววววว
“อ้ากกกกกกกก”
ร่างของหมอเคทะลุหน้าต่างชั้น 3 ออกมาลอยละลิ่วตกลงสู่หลังคารถข้างล่างจนยุบลง
“นั่นมันตัวประกัน … พวกเราทุกคน บุกเร็ว”
“แต่ว่าผู้การสั่งไว้ว่าไม่ให้เปิดเผยตัว”
“ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ตัวประกันบาดเจ็บ” เฌอมาลย์ร้องบอกก่อนจะวิ่งเปิดประตูไป “เร็วเข้า ไป ไป ไป”
ตำรวจทั้ง 8 วิ่งออกจากห้องลงบันไดแล้วพุ่งข้ามถนนไปยังอาคารฝั่งตรงข้าม ตำรวจสาวมองไปที่เหนือประตูเหล็ก มีช่องลมเล็กๆอยู่
เธอเหนี่ยวตัวปีนประตูเหล็กนั่นแล้วลอดผ่านช่องลมเล็กๆนั้นได้อย่างพอดีไม่ติดขัด
“นี่มันอะไรกัน” หญิงสาวร้องอย่างประหลาดใจ เสียงโอดโอยที่ดังระงมมาจากในทางเดินยาวนั่น
“ตำรวจ พวกเรา ตำรวจมา”
“ตำรวจเรอะ ไหน ไหน”
ผู้กองเฌอมาลย์ใจหายวาบ จากสายตาในตอนนี้อีกฝ่ายมีปืนวางอยู่ใกล้ๆตัวกันแทบทุกคน เธอหยิบปืนพกออกจากซองเตรียมยกขึ้น แล้วเสียงที่ดังมาก็ทำให้เธองงหนักเข้าไปอีก
“โฮฮฮฮฮฮ ช่วยด้วยครับคุณตำรวจ ช่วยพวกเราด้วย”
“ตำรวจมาแล้ว พวกเรารอดแล้ว”
เฌอมาลย์เดินเข้าไปอย่างงงๆ แต่ก็เดินไปกดสวิทซ์เปิดประตูเหล็กตามที่คนพวกนั้นบอก ตำรวจที่เหลือกรูกันเข้ามา และหยุดนิ่งอย่างงงงันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ฝาท่อที่ปักฝังที่กำแพง ถัง 200 ลิตร ที่บุบบี้ เศษอวัยวะและรอยเลือดที่กระจัดกระจายทั่วพื้นที่ ร่างคน 50 กว่าคนที่จมกองเลือดอยู่ที่พื้น
“เรียกหยางเทียนเข้ามา จับคนของโต้งมิวสิคให้หมดทุกคนอย่าให้หลุดรอดไปได้ จำไว้ว่าถ้าหากรอดไปได้แม้แต่คนเดียวข้อมูลรั่วล่ะก็เกิดเรื่องใหญ่แน่”
“ผู้กองระวังครับ” ตำรวจที่เดินตามมาดึงมือหญิงสาวเอาไว้ เธอเฉียดจะหล่นลงไปในท่อน้ำนี่ซะแล้ว
“ลึกซะด้วย ช่วยกันยกฝาท่อมาปิดไว้ก่อน” เฌอมาลย์สั่ง “เอาล่ะ ตามมา เราจะขึ้นไปที่ห้องของโต้งมิวสิค ยังไงก็ต้องจับมันให้ได้ มา!”
ตำรวจช่วยกันยกฝาท่อที่หนักอึ้งกลับมาปิดเอาไว้ก่อนจะติดตามเธอไป ขณะที่คนของหยางเทียนทยอยบีบตีวงเข้ามาแล้วปิดทางเข้าออกอาคารทั้งหมด และทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ล้วนอยู่ในสายตาของชายชุดขาว 2 คน
“อาคารดนตรีของโต้งมิวสิคถูกจู่โจม ตำรวจร่วมมือกับแก๊งค์ของหลิวลี่จง” มันพูดเข้าไปในโทรศัพท์ “ตอนนี้ตำรวจวิ่งจากตึกตรงข้ามเข้าไปในนั้นแล้ว”
มันหมุนกล้องแอบถ่ายแพนไปรอบๆ เก็บภาพทุกอย่างไว้โดยเฉพาะที่อาคารที่ตำรวจเพิ่งวิ่งออกมา มันแพนกล้องไปที่หน้าต่างที่เปิดออกก่อนที่จะปิดลงอย่างรวดเร็ว
“ยืนยันบุคคล หยางเทียน มือขวาของหลิวลี่จงอยู่ในตึกฝั่งตรงข้ามที่ตำรวจออกมา”
“โอเค กลับมาก่อน เอาภาพทั้งหมดกลับมาวิเคราะห์ที่สมาคมก่อน ไม่ต้องเฝ้าแล้ว”เสียงจากปลายสายสั่งมา ชายชุดขาวทั้งสองพยักหน้า จัดการหมุนกล้องแอบถ่ายรวบรวมข้อมูลจนครบและค่อยๆถอยออกจากที่เกิดเหตุ
เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากในอาคาร คนของหยางเทียนนับร้อยเข้าเคลียร์พื้นที่ทุกซอกมุม ไม่ว่าใครจะซ่อนอยู่ไหน ในหลังคา ฝ้าเพดาน หรือห้องน้ำก็ไม่สามารถรอดการตรวจจับจากกล้องจับความร้อนไปได้
“หืม”
“อะไรเรอะ”
“เหมือนมีอะไรข้างล่างใต้พื้น” “หนูล่ะมั้ง ท่อน้ำตั้งใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องมีหนูแหละ”
“พวกเราไม่ลองค้นดูหน่อยเหรอ” “ไม่ต้องหรอก ฝาท่อก็ปิดดี ฝาหนักขนาดนี้ถ้ามีใครหนีลงไปก็ต้องเปิดโล่งโจ้งแล้ว มันปิดเองไม่ได้หรอก”
“เออจริง”
แล้วคนของหยางเทียนก็ถือเครื่องตรวจจับความร้อนผ่านไป โดยไม่ได้สนใจไอ้แมนไอ้วุธที่กำลังหนีออกจากอาคารไปตามท่อระบายน้ำเบื้องล่าง