Midterm Fantasy - ตอนที่ 126
รถตำรวจมาจอดที่อาคารดนตรีของโต้งมิวสิคหลายคัน แถบเทปสีเหลืองถูกขึงเพื่อป้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องจากการเข้าไปในพื้นที่
“ขณะนี้ค่ะคุณผู้ชมคะ เรากำลังอยู่ที่บริเวณทางเข้าของอาคารดนตรีของ ‘โต้งมิวสิค’ ผู้กว้างขวางในธุรกิจบันเทิง ซึ่งเมื่อบ่ายวันนี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นนั่นคือมีแก๊งค์ต่างชาติทำการโจมตีและลักพาตัวคนภายในอาคารแห่งนี้ทั้งหมดไปอย่างอุกอาจ” นักข่าวพูดก่อนที่จะแหวก เทปสีเหลืองเข้าไป “ตามดิฉันเข้ามากันค่ะ”
“ตรงนี้คือจุดที่มีการต่อสู้กัน ท่านผู้ชมจะเห็นร่องรอยของการต่อสู้อย่างรุนแรง มีร่องรอยการใช้อาวุธปืน มีรอยกระสุนและรอยเลือดมากมาย” นักข่าวเดินต่อไป “และตรงจุดนี้คือจุดที่เราได้ข้อมูลมาว่าเป็นปุ่มกดปิดประตูฉุกเฉินของอาคาร แต่ดูเหมือนตอนที่มีการปิดประตูลงนั้นแก๊งค์ต่างชาติได้ทำการบุกเข้ามาเสียก่อน”
“พวกคุณเข้ามาได้ยังไง” ตำรวจเดินเปิดประตูด้านในออกมา
“พวกเราเป็นนักข่าวค่ะ” นักข่าวสาวยกบัตรสื่อให้ดู
“ออกไปก่อนครับ พวกเรายังต้องเก็บหลักฐานกัน” ตำรวจรีบตรงเข้ามา จากนั้นกล้องก็ปัดหมุนออก มีเสียงเอะอะโวยวายเล็กน้อยก่อนที่ภาพจะตัดไปที่ห้องส่ง
“ความรุนแรงและการขัดขวางการทำหน้าที่สื่อที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันนี้นอกจากจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจแล้ว ยังทำให้เกิดข้อสงสัยต่อข่าวลือที่ว่าขณะเกิดเหตุการลักพาตัวขึ้นนั้น มีตำรวจกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในที่เกิดเหตุ ซึ่งเราจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปค่ะ”
ภาพตัดไปที่โฆษณา ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ทำไมเหรอคะหมอ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผมได้รับบาดเจ็บ ตำรวจกลุ่มนั้นก็คงไม่ต้องบุกเข้าไปจนเกิดเรื่องราวแบบนี้” หมอเคบอก “นี่เลยทำให้พวกเขาต้องตกที่นั่งลำบากเลย”
“มันก็ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็คุณตกลงมาจากชั้นสามแบบนั้น ถ้าไม่รีบเข้าไปช่วยสิคะแปลก”
“แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมากนี่ แค่ข้อเท้าเคล็ดกับรอยช้ำตามตัวเท่านั้นเอง” หมอเคเปิดเสื้อให้ดูรอยหมัดของรอนที่ประทับตามตัว “นี่ไม่รู้ว่าตอนนี้เด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง”
“เฮ้อ คุณก็เป็นซะแบบนี้ ตอนนี้คนที่น่าห่วงที่สุดไม่ใช่ตำรวจหรือเด็กหนุ่มคนนั้น แต่เป็นหมอเองต่างหาก” พยาบาลแพรวถอนหายใจขณะที่โฆษณาบนทีวีจบลงกลับมาเป็นรายการข่าวอีกครั้ง ภาพข่าวเป็นภาพโรงพยาบาลที่หมอเคทำงานอยู่
“ผู้บริหารและคณะตัวแทนเข้ามอบกระเช้าดอกไม้ให้กับผู้บาดเจ็บจากเหตุหมอทำร้ายร่างกายผู้มารับบริการจนกระทั่งทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัส ” ผู้ประกาศบอก “ทางผู้อยู่ในเหตุการณ์ปฏิเสธที่จะให้ข่าว ขณะที่ผู้เสียหายระบุว่าเขาเดินชนพยาบาลคนหนึ่ง ก่อนที่จะถูกเข้าใจผิดและถูกทำร้ายอย่างทารุณ”
“ทางเราจะทำการสืบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่เบื้องต้นคาดว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน ไปจนถึงความผิดพลาดทางการสื่อสารซึ่งเราจะได้สอบสวนตามขั้นตอนและระเบียบต่อไป” ผู้บริหารพูดทิ้งท้าย “ขณะนี้เราจะทำการพักงานแพทย์คนดังกล่าวไปก่อน”
“ความผิดพลาดทางการสื่อสาร…” แพรวพูดทวน “ทั้งที่จริงๆเป็นนักเลงมาบุกโรงพยาบาลแท้ๆ”
“เอาเถอะแพรว ผมเข้าใจผอ. โรงพยาบาลนี้ถูกพวกนักเลงระรานมานาน ผอ.คงกลัวว่าจะเจอพวกนั้นแก้แค้น”
“หมอ! ยังจะเข้าข้างคนแบบนั้นอีก”
“เปล่าครับ ผมแค่บอกว่าผมเข้าใจผอ.” หมอเคถอนหายใจ “แต่ผมไม่โอเค พูดออกไปแบบนั้นมันไม่ต่างอะไรกับบอกว่าฝั่งเราผิด”
“การมอบกระเช้านั่นก็เหมือนกัน ขณะที่สายงานของพวกเราชอบสอนว่าหากเกิดเหตุอะไรขึ้น ขอให้ขอโทษและบรรเทาไว้ก่อนแม้ไม่ได้ผิด เพื่อให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลง แต่ว่าสังคมรอบข้างเค้าไม่ได้มองแบบนั้น”
หมอเคเลื่อนโทรศัพท์มือถือดู ในโลกโซเชียลเรื่องของเขาก็เป็นเรื่องพอสมควรอยู่
“เรื่องมันเป็นยังไงไม่รู้ อย่าเพิ่งตัดสินกันเลย”
“จะไม่รู้ได้ไง กระเช้าขอโทษขนาดนั้นมันก็ชัดอยู่แล้ว ไม่ผิดจะขอโทษทำไม”
“ต่อให้อีกฝ่ายเริ่มก่อน แต่จรรยาบรรณน่ะมีไหม ตอบโต้ได้ยังไง”
“ฝากร้านด้วยค่ะ”
หมอเคถอนหายใจอีกครั้ง ตาเหม่อมองน้ำเกลือที่ไหลหยดลงทีละหยด ละหยด
“ตุ่งตุงตุงตุ๊ง อุบัติเหตุหมู่ที่ห้องฉุกเฉิน อุบัติเหตุหมู่ที่ห้องฉุกเฉิน จำนวนผู้เจ็บมากกว่า30ราย ขอให้เจ้าหน้าที่ไปรายงานตัวที่จุดรวมพล”
พยาบาลที่อยู่เวรในวอร์ดผู้ป่วยมองหน้ากันก่อนจะแบ่งคนลงไปครึ่งหนึ่ง อุบัติเหตุหมู่ที่คนเจ็บมากขนาดนี้ในตอนกลางคืนต้องแบ่งคนจากทุกแผนกลงไป
“แพรวคุณไม่ไปเหรอ” ชายหนุ่มถาม
“แพรวลงเวรแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างฉุนๆ แต่ก็ทำหน้าลังเลเมื่อเห็นเพื่อนพยาบาลทยอยลงไปกัน
“ตุ่งตุงตุงตุ๊ง โค้ดบลู แพทย์ศัลยกรรมที่ห้องฉุกเฉินจำนวน2ราย ย้ำ2ราย”
หมอเคเงยหน้าขึ้น
“คุณบาดเจ็บอยู่นะคะ แถมโดนพักงานอยู่ด้วย”
“แต่เวลาแบบนี้โรงพยาบาลเรามีหมอศัลยกรรมเหลือแค่1คนนะแพรว แล้วคนไข้หนักขนาดประกาศโค้ดหัวใจหยุดเต้น2คนแบบนี้ หมอตงคนเดียวไม่ไหวหรอก” หมอเคบอก “ช่วยผมoffน้ำเกลือหน่อย แล้วเอาเสื้อกาวน์ให้ผมด้วย ผมจะลงไปช่วย”
“โอเคค่ะ” แพรวถอนหายใจ แล้วลุกไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลหยิบกาวน์พยาบาลผ่าตัดมาสวมและยื่นเสื้อกาวน์แพทย์เวรประจำวอร์ดให้ “ไปค่ะ เราไปช่วยพร้อมกัน”
หมอเคโขยกเขยกไปตามทางเดินโดยมีแพรวพยุง ตามทางเดินมีพยาบาลและหมอที่อยู่เวรตามแผนกต่างๆวิ่งมุ่งหน้าไปห้องฉุกเฉิน
“เฮ้ย ไอ้เค วันนี้เวรกู” เสียงดังมาจากข้างหลัง
“ประกาศโค้ดบลู2ราย มึงคนเดียวไม่ไหวหรอกสัส”
“ไอ้ห่าน ขาเป๋แบบนี้ยังจะไปช่วยอีก”
“ขาเป๋แต่มือยังใช้ได้น่า” หมอเคบอก “เอาเหอะไอ้ตง รีบไปกัน”
“ฮ่าๆๆ ทิ้งทวนก่อนโดนไล่ออกสินะ”หมอตงแซว
“ปากเสีย กูโดนพักงานเฉยๆยังไม่โดนไล่ออกโว้ยสัส”
แล้วหมอศัลย์ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปตามทางเดินจนถึงประตู จากนั้นทั้งคู่ก็ผลักบานประตูเข้าไป
“ศัลยกรรมรายงานตัวครับ” หมอตงร้องจากทางซ้าย
“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ” หมอเคตะโกนถามจากทางขวา
ก่อนที่ทั้งสองคนจะนิ่งค้างไป มองไปเบื้องหน้าห้องฉุกเฉินที่มีคนอยู่เต็ม พยาบาลและหมอต่างเดินไปตามจุดต่างๆอย่างเงียบๆไม่วุ่นวาย และคนไข้ที่ว่านั้นต่างเป็นหุ่น
“ซ้อมแผน?” หมอเคพูดขึ้นอย่างงงๆ
“โอ้ นั่นไงครับหมอศัลยกรรมของเรามาแล้ว อย่างที่คุณเห็นแหละครับ ถึงเราจะเป็นโรงพยาบาลรัฐที่มีหมอศัลยกรรมแค่2คนและเจอพักงานไปคนนึง แต่ว่าคนที่เหลือก็ยังทำงานได้ ต่อให้เกิดอุบัติเหตุหมู่ขึ้นก็ยังมีศักยภาพในการรักษา” ผอ.ชี้ไปทางหมอตง “นี่ไงครับหมอตง อ้าวเฮ้ย หมอเค”
นักข่าวที่มาทำข่าวหันไปมองหมอเคเป็นตาเดียว
“ไหนท่านบอกว่าที่ซ้อมแผนวันนี้จะพิสูจน์ศักยภาพโรงพยาบาลว่ารับมือได้แม้ขาดหมอผ่าตัดไปคนนึง”
“แล้วนี่มันอะไรกันครับ ไหนบอกว่าพักงานไปแล้วไง”
“ที่แท้ก็ช่วยเหลือกันเอง พูดอย่างทำอย่างใช้ได้ที่ไหน”
นักข่าวต่างถ่ายภาพหมอเคกันเป็นพัลวัน
“พบหมอฉาวทำร้ายคนไข้ ไม่ได้ถูกพักงานแม้ก่อความผิด”
“สังคมตั้งข้อสงสัย อ้างบาดเจ็บ แต่ที่แท้ยังทำงานตามปกติ”
รอนเลื่อนมือถือดูช้าๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“หมอเคเลยต้องมาโชคร้าย ทั้งหมดเป็นเพราะผมแท้ๆ”
“เอาเถอะรอน ก็เพราะแบบนี้ไง เธอเลยยิ่งต้องฝึกให้มากขึ้น จะให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกไม่ได้” แพทบอก “เธอจำไว้นะ พอบุกเข้าไปแล้วต่อสู้ ให้สังเกตแถบพลังความโกรธให้ดี แล้วสังเกตให้ได้ว่ามันขึ้นเวลาไหน แล้วทำยังไงถึงจะลดลงได้”
“อือ เข้าใจแล้ว” รอนตอบ เมื่อบ่ายที่ผ่านมา หลังจากรู้ตัวว่าซัดหมอเคทะลุหน้าต่างออกไปแล้ว แถบRageของรอนก็หล่นลงฮวบจนรู้สติ และหลังจากอยู่ในสถานะ Panic อีก3นาที เขาจึงค่อยๆควบคุมตัวเองได้และหลบหนีออกมาทางหน้าต่างได้ในที่สุด
ที่เบื้องหลังมีเสียงฝีเท้าขึ้น หยางเทียนค่อยๆเดินมาจากในเงามืด
“คุณรอนครับ นี่หมวกและหน้ากากครับ”
“ขอบคุณครับคุณหยางเทียน”
วันนี้เกิดเรื่องหลายต่อหลายอย่างเหลือเกิน
เริ่มตั้งแต่ตอนที่หมอเคเจอบุกโรงพยาบาล ขณะเกิดเหตุก็ได้โทรเรียกเขามาตามที่เคยตกลงกันไว้
รอนเองติดต่อหลิวลี่จงก่อนจะไปรพ. แต่พอไปถึงที่รพ.เกิดการต่อสู้จนหมอเจอจับตัว รอนที่ไปถึงพอดีก็เลยแอบเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนตัวกับนักเลงที่ชื่อตู่นั่นเพื่อแทรกซึมเข้าไป
ที่รอนคุยกับหลิวลี่จงไว้ ก็เพราะรู้ว่าแก๊งค์นี้มีการติดต่อกับตำรวจอยู่ เขาหวังจะให้แก๊งค์ของหลิวลี่จงออกหน้าแทน
ค่าตอบแทนในการออกหน้าก็คือ เขาจะช่วยหลิวลี่จงในการยึดพื้นที่ของแก๊งค์เมษา
“บาร์นี้มีคนคุม5คน หลังจากข่าวว่าโต้งมิวสิคเจอลักพาตัวแพร่ออกไป 5คนนี้ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง” หยางเทียนบอก “พวกนี้ไม่มีปืน”
“ถ้าแบบนั้นผมคนเดียวก็พอ” รอนใส่หน้ากากแล้วออกจากห้องไป “แพท บอกทางให้ด้วย”
รอนวิ่งออกจากตึกตรงไปที่บาร์ ขณะที่แพทเดินไปที่หน้าต่างและมองตามอย่างเป็นห่วง
แต่หยางเทียนมาดึงเอาไว้
“คุณแพทถอยจากหน้าต่างครับ ถ้ามีคนเห็นคุณเข้าจะลำบาก” หยางเทียนบอก “เมื่อกลางวันก็ทีนึงแล้ว นี่ดีว่ารอบๆอาคารดนตรีนั่นไม่มีกล้องวงจรปิดเลย ไม่งั้นคุณโผล่หน้าไปขนาดนั้นคงเจอจับภาพไว้แล้ว”
แพทพยักหน้าตาม
แต่คงไม่หรอกมั้งเผลอออกไปแค่แว้บเดียว คงไม่โชคร้ายเจอใครถ่ายไว้พอดีหรอก