Midterm Fantasy - ตอนที่ 137
รอนก้มหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋านักเรียน
“รอน วันนี้มาคนเดียวเหรอ”
“ครับครู วันนี้ดาริกาเค้ากลับบ้านไปก่อนน่ะครับ”
รอนตอบครูบรรณารักษ์ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุด เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ กะว่าจะหาอะไรเบาๆอ่านสักหน่อยนึง เด็กหนุ่มหยิบหนังสือออกมาจากชั้นเดินกลับมาที่โต๊ะ
“จริงด้วย เดี๋ยวเปิดเสียงโทรศัพท์ก่อน”
รอนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แม้ว่าจะเปิดเครื่องโทรศัพท์เอาไว้ตลอด แต่ว่าในเวลาที่เรียนหนังสือเขาก็จะกดปิดเสียงและปิดสั่นเอาไว้เสมอเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นๆในห้อง
“ไหนดูซิ”
หน้าจอสว่างขึ้น รอนมองที่หน้าจอแล้วลืมตากว้าง
“ไม่ได้รับสาย 35 สาย!”
เลื่อนไปที่ข้อความ รอนก็ต้องกลั้นใจเข้าอีก เพราะแพทส่งข้อความมาหาเขาตลอดบ่ายแล้วร่วมห้าสิบกว่าข้อความ
เขารีบกดโทรศัพท์กลับไปหาแพททันที
“ฮัลโหล แพท โทษทีเราปิดเสียงปิดสั่นเอาไว้เลยไม่รู้”
“เรื่องนั้นไว้ก่อน รอน ตอนนี้แย่แล้ว”
แพทรีบตัดบทแล้วเล่าสถานการณ์คร่าวๆเรื่องที่ตนรู้
“เธอได้ถามเรื่องนี้จากตายายแล้วก็ลุงบัวหรือยัง” รอนถาม ในเมื่อยายของแพทพกปืนไว้ แปลว่าคนอื่นๆในบ้านก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว
“ยังเลย เราไม่กล้าถามเพราะยังไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ทุกคนไม่บอก” แพทว่า “จริงสิ อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายดักฟังอยู่ก็ได้ ตอนนั้นหน้าจอซิสเต็มขึ้นว่าถูกดักฟัง”
“ดักฟังงั้นเหรอ บ้านเธอการรักษาความปลอดภัยขนาดนั้นไม่น่ามีใครเอาเครื่องดักฟังเข้ามาได้ เครื่องดักฟังเสียงก็น่าจะใช้ลำบากเพราะบ้านเธอปิดกระจกหมด จะมีก็แต่เครื่องดักฟังแบบเลเซอร์ยิงใส่กระจก” รอนวิเคราะห์
“ใช่แล้ว เลเซอร์ ตอนที่ขึ้นสถานะว่าเจอดักฟัง มีใครไม่รู้ยิงเลเซอร์ผ่านหน้าต่างบ้านเราเข้ามา” แพทนึกถึงจิ้งจกสองตัวที่วิ่งตามเลเซอร์แดงๆนั่นขึ้นมาได้
“งั้นเอางี้นะแพท เธอหาทางคุยกับลุงบัวดูก่อน ลุงบัวต้องมีการเตรียมการไว้แล้วแน่” รอนนึกถึงตอนที่เขาประมือกับลุงบัว หนึ่งในสถานะที่เขาอ่านเจอก็คือ ทหารรับจ้าง ลุงบัวคงไม่ยอมให้อีกฝ่ายล้อมเฉยๆแบบนี้แน่
“ลุงบัวเหรอ จริงสิ เดี๋ยวเราไปถามลุงบัวดูก่อน เดี๋ยวเราโทรกลับนะ” แพทตกลงและกดตัดสายไป ขณะที่รอนเลื่อนโทรศัพท์มือถือหาดูเบอร์โทรศัพท์ของหลิวลี่จงหัวหน้าแก็งค์รุ่งโรจน์ จากนั้นก็รอการติดต่อกลับมาของแพท
เป็นไปได้ว่าที่บ้านแพททุกคนรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่ได้บอกแพททั้งๆที่ควรบอก
การที่ทุกคนในบ้านไม่พูดเรื่องนี้และไม่แสดงออกเตรียมตัวรวมไปถึงที่อีกฝั่งยังไม่บุกเข้ามา แปลว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ๆ หากเขารีบร้อนบอกหลิวลี่จงไป หลิวลี่จงอาจจะบอกผู้กองเฌอมาลย์ และถ้ามีตำรวจเข้ามาล่ะก็เรื่องอาจจะยุ่งยากมากขึ้นก็ได้
แพทเดินลงไปที่ชั้นล่าง เธอเดินไปที่ห้องรับแขก ที่นั่นลุงบัวกำลังดูดฝุ่นอยู่ เสียงเครื่องดูดฝุ่นดังไปทั่วห้อง เหมือนกับจะกลบการดักฟังจากภายนอกยังไงยังงั้น
“ลุงบัวคะ หนูขอคุยด้วยหน่อย” แพทบอก “เดี๋ยวหนูจะไปรอที่ห้องทำงานคุณพ่อนะคะ”
ลุงบัวพยักหน้าเบาๆ เขาดูดฝุ่นต่ออีกพักนึงก่อนจะเดินตามไป
“มีอะไรเหรอครับคุณหนู” ลุงบัวถาม
“พวกที่ล้อมบ้านของเราไว้คือใครคะ?” แพทถาม
“คุณหนูทราบ?” พ่อบ้านเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ค่ะ ตั้งแต่ตอนที่ออกจากโรงเรียนแล้ว มีรถติดตามเรามา ตั้งแต่เข้าซอยมา มีคนแปลกหน้าอยู่ตามจุดต่างๆ ตึกแถวตรงข้ามก็มีคนใช้เครื่องดักฟังพวกเราอยู่” แพทบอก “ดูจากที่คุณตาคุณยายต้องพกปืน และลุงบัววางกับดักไว้ในสนามหญ้าเต็มไปหมดมันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่”
ลุงบัวพยักหน้ารับ
“ทำไมไม่มีใครบอกแพทคะ แล้วทำไมไม่แจ้งตำรวจ” เด็กสาวถาม
“เรื่องมันยาวครับคุณหนู” ลุงบัวตอบ “ผมขอคุยกับคุณรอนได้ไหมครับ”
คราวนี้เด็กสาวเป็นฝ่ายสงสัยบ้าง แต่ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาตั้งข้อสงสัยอะไรแล้ว เธอกดสายและยื่นโทรศัพท์ในมือให้กับลุงบัว ลุงบัวรับไว้และเดินออกจากห้องไป
“ฮัลโหลแพท ลุงบัวว่าไงบ้าง”
“คุณรอน ผมนายบัวเองครับ ผมขอให้คุณหนูต่อสายให้”
“แพทไม่ได้อยู่ตรงนั้นใช่ไหมครับ”
“ครับ คุณหนูอยู่ในห้อง เรื่องที่ผมจะคุยกับคุณรอนต่อจากนี้ไปนั้นผมอยากให้คุณรอนเก็บเอาไว้เป็นความลับก่อนอย่าเพิ่งบอกคุณหนูแพท”
แล้วลุงบัวก็ถามออกไป
“คุณรอนคือคนใส่หน้ากากที่ประมือกับผมเมื่อวันก่อนใช่ไหมครับ”
“อ๊ะ!”
“และคุณรอนก็คือคนที่ร่วมกับแก็งค์รุ่งโรจน์บุกยึดพื้นที่จากแก็งค์เมษาใช่ไหมครับ”
“ลุงบัวรู้เหรอครับ”
รอนร้องออกอย่างแปลกใจ
“ครับ และนายท่านก็ทราบเรื่องนี้เหมือนกัน” ลุงบัวตอบ
“ทำไมลุงบัวไม่แจ้งตำรวจครับ หรือจะโทรบอกคุณลุงวิทวัสก็ได้” เด็กหนุ่มถาม
“ไม่ได้ครับ ตอนนี้นายท่านกำลังเดินทางไปที่ฐานใหญ่ของพวกมันเพื่อไปทำลายให้สิ้นซาก ถ้าเราทำอะไรกระโตกกระตากออกไปตอนนี้ พวกมันอาจจะไหวตัวหนีทันมีผลต่อแผนของนายท่านได้” ลุงบัวบอก
“เดี๋ยวนะครับ ผมงงไปหมดแล้ว ลุงบัวว่าไงนะครับ ลุงวิทวัสจะไปถล่มฐานของแก็งค์เมษาอะไรยังไงครับ” รอนถามอย่างไม่เข้าใจ
“นายท่านก็เคยเป็นเหมือนคุณรอน คือสามารถข้ามไปที่โลกฝั่งโน้นได้ และตอนนี้นายท่านพร้อมที่จะจัดการพวกมันแล้ว ก็เลยวางแผนมุ่งหน้าไปที่ฐานใหญ่เพื่อจัดการกับนายใหญ่ของแก็งค์เมษาสาขาในประเทศครับ” ลุงบัวบอก “ผมยังไม่แน่ใจว่าพวกที่เฝ้าอยู่นี่มีจุดประสงค์แค่เฝ้าจับตาดูเฉยๆหรือต้องการทำอย่างอื่น ดังนั้นตอนนี้เลยยังทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้”
“ผมจะช่วยอะไรบ้างได้ไหมครับ” รอนถาม
“ครับ ผมอยากให้คุณรอนติดต่อกับแก็งค์รุ่งโรจน์ของหลิวลี่จง ให้เขาส่งคนไปที่โกดังริมแม่น้ำสักหน่อย” ลุงบัวบอก “ห้องลับของบ้านหลังนี้มีทางหนีภัยไปต่อกับท่อระบายน้ำเก่าที่ไปออกที่แม่น้ำ ถ้าหากสถานการณ์คับขันพวกเราจะใช้ทางนั้นในการหลบหนีครับ”
“ได้ครับ ผมจะบอกคุณหลิวให้ส่งคนไปคุมพื้นที่เอาไว้ แล้วจะให้บอกตำรวจไหมครับ”
“อย่าครับ ถ้าบอกตำรวจก่อน พอตำรวจมา พวกมันต้องมองว่าเราร่วมมือกับตำรวจ ถ้าตอนนั้นนายท่านยังเข้าไปไม่ถึงฐานใหญ่ของแก็งค์เมษา หัวหน้าแก็งค์ของมันอาจจะไหวตัวหลบหนีได้” ลุงบัวย้ำ “ผมอยากให้คุณรอนแจ้งตำรวจหลังจากที่คฤหาสน์ถูกโจมตี ถ้าทำแบบนั้นพวกมันก็จะคิดว่าตำรวจมาตามปกติเพราะมีคนแจ้งไป”
“ได้ครับ งั้นลุงบัวระวังตัวด้วยนะครับ ฝากดูแลแพทด้วย” รอนรับปากและเริ่มเตรียมเก็บข้าวของ
“คุณรอนครับ ผมอยากจะฝากอะไรอีกอย่าง”
“ครับ”
“ความจริงห้องนิรภัยและอาวุธของที่นี่ก็เหลือเฟือกับกลุ่มนักเลงอันธพาล แต่ดูจากการเตรียมการของพวกมันรอบนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าเราจะต้านมันได้ตามแผนที่วางไว้แค่ไหน” ลุงบัวบอก “ผมอยากฝากนายผู้เฒ่าทั้งสองและคุณหนูกับคุณรอนด้วย”
“แต่..”
“ผมเชื่อว่าคุณรอนทำได้ ถ้าคุณรอนเป็นเหมือนนายท่าน ทั้งการต่อสู้ประชิด พละกำลัง และเวทมนตร์ อันธพาลแค่นี้ไม่ใช่คู่มือแน่” ลุงบัวบอก “ผมฝากคุณหนูด้วยนะครับ บัวคนนี้ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก เห็นคุณหนูแพทตั้งแต่แรกเกิด เลี้ยงดูปกป้องมาตั้งแต่เด็กจนโต เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของผม อีกอย่าง เรื่องของนายท่าน คุณรอนอย่าเพิ่งบอกคุณหนูแพทนะครับ”
“ได้ครับ ลุงบัวไม่ต้องเป็นห่วงครับ เดี๋ยวผมจะจัดการติดต่อหลิวลี่จง รอติดต่อตำรวจ แล้วก็จะไปรอใกล้ๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติ ผมจะเข้าไปช่วยด้วยครับ เดี๋ยวเราเจอกันนะครับ”
รอนวางสายไป ลุงบัวมองโทรศัพท์ในมือและถอนหายใจเบาๆ ใจจริงเขาไม่อยากบอกความลับของนายท่าน แต่เขาสังหรณ์ใจอะไรพิกล
แพทรับโทรศัพท์คืนจากบัวแล้วและลงไปที่ห้องอาหาร นั่งกินอาหารกับคุณตาคุณยาย ทั้งสองท่านดูกระวนกระวายเป็นพิเศษแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร จนกินข้าวเสร็จ ทั้งสองคนก็กลับไปนั่งที่ห้องรับแขกดูทีวีไม่ให้มีพิรุธ นาฬิกาเลื่อนไปเรื่อยๆจน 4 ทุ่มกว่า แพทเดินไปเปิดตู้เย็นที่ตั้งในห้องรับแขกเตรียมจะหยิบน้ำออกมา
ตุ๊ดๆๆ
“รอน ว่าไงมั่ง” เด็กสาวบอก
“เราจัดการเรื่องที่ลุงบัวสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราจะออกจากบ้านไปรอแถวๆนั้น” รอนบอก
“เดี๋ยวๆ นี่ลุงบัวรู้เรื่องของเธอแล้วเหรอ” แพทถามกลับ
“ใช่ ดูเหมือนลุงบัวจะรู้ตั้งแต่ตอนที่สู้กับเราเมื่อวันก่อน เลยเดาว่าเราเป็นหน้ากากดำที่มีสายสัมพันธ์กับแก็งค์รุ่งโรจน์” รอนบอกออกไป โดยไม่ได้บอกว่าลุงบัวรู้มากกว่านั้น ลุงบัวรู้เรื่องการใช้เวทมนตร์ แถมพ่อของแพทยังเคยข้ามไปโลกโน้นด้วย
เรื่องนั้นคงต้องปิดแพทไว้ก่อน ให้พ่อลูกคุยกันเองทีหลัง
“อ้อ แพท เธอเตรียมน้ำตาลไว้ด้วย ถ้าเผื่อบาดเจ็บจะได้กินฟื้นพลังชีวิตได้เลย แล้วก็อย่าลืมเอาระเบิดสตันติดตัวไว้ด้วย” รอนสั่งเป็นพรืด “สร้อย จริงสิ สร้อยเครื่องรางรักษาแบบอัตโนมัติด้วย ถ้าบาดเจ็บหนักๆมันจะได้รักษาให้ได้เลย”
“ได้ๆ เราเตรียมไว้แล้ว” แพทกุมสร้อยเครื่องรางรักษาระดับ 5 ที่สวมไว้ที่คอ “แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ …เอ๊ะ”
แพทยกโทรศัพท์ออกดู สายที่กำลังคุยอยู่ตัดสายไปแล้ว สัญญาณโทรศัพท์มือถือหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ขณะที่สัญญาณไวไฟยังเต็มอยู่
“ซ่าาาาาา” เสียงโทรทัศน์ที่คุณตาคุณยายดูอยู่ดังซ่าขึ้น
ไวไฟเต็มแต่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เนท
สัญญาณโทรศัพท์หายไปหมด
วูบ!
ไฟทุกดวงในบ้านดับลง ไฟฉุกเฉินสว่างขึ้น ร่างของคุณตาคุณยายที่ยืนในความมืด มีแสงสีแดงส่องจับอยู่
“คุณตาคุณยาย ระวัง!”
เด็กสาวร้องขึ้น แต่แล้วทันใดนั้นเอง เสียงจากนอกบ้านก็ดังขึ้น
ปังปังปังปัง