Midterm Fantasy - ตอนที่ 142
เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นท่วมร่างของมือปืนแถวหน้าสุดจนบางคนเผลอปล่อยมือที่ถือโล่กันกระสุน และไม่ทันที่เปลวไฟจะจางลง บอลพลาสติกเรืองแสงสองลูกก็กลิ้งเข้ามา
บรึม!
เหล่ามือปืนที่อยู่ด้านหน้าแผดเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดขณะที่ สุเทพ หัวหน้าทีมที่อยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มรอดพ้นไปได้ ไฟฉายทั้งหมดของพวกที่อยู่ด้านหน้าหล่นกลิ้งที่พื้นประกอบกับควันฝุ่นที่ตลบไปทั่วทำให้ทัศนวิสัยแย่สุดๆ
“ร๊อววววววว!!!”
สุเทพสะดุ้งสุดตัว มันคลับคล้ายว่ามันเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
แล้วร่างอันเกร็งแกร่งของชายวัย 50 คนหนึ่งก็ปรากฎขึ้นที่แถวหน้าสุดของทีม
“เฮ้ย ระวัง!”
สุเทพร้องออกไปแต่ไร้ผล เพราะพวกที่อยู่ด้านหน้าสุดล้วนแล้วแต่กำลังหูอื้อจากแรงระเบิด คนที่อยู่หน้าที่สุดเอื้อมมือไปจับซองปืนพก
ปัง! มันหงายหลังล้มลงโดยยังไม่ทันจะได้ชักปืนออกมา คนที่อยู่ด้านข้างโถมตัวเข้าไปทางมือซ้ายของลุงบัวที่ไม่ได้ถือปืน แต่ทว่ามันก็รับรู้ได้ถึงแรงกดเย็นเฉียบที่คอ เลือดอุ่นๆทะลักออกมาจากรอยแผลจากมีดอันคมกริบ
ปัง ปัง
มือปืนล้มลงอีกสองคน ลุงบัวพุ่งเข้าไปรับร่างนั้นไว้แล้วหมุนตัวไปทางซ้าย เสียงปืนรัวเข้ามาใส่ร่างของมือปืนนั้นอย่างเร็วรัวจนหมดลูกโม่
ปังปังปังปังปังแกร็กๆๆ
ฉัวะ! “เฮือก”
ลุงบัวปาดตัดเส้นเลือดใหญ่คอ อย่างแม่นยำแล้วไม่สนใจกับมือปืนคนนั้นอีก ยกปืนในมือยิงรัวไปสามนัด
ปัง ปัง ปัง ตุบ ตุบ ตุบ
หนึ่งนัดหนึ่งชีวิต ลุงบัวเหวี่ยงปืนไปที่อื่นคว้าแผ่นอะไรบางอย่างขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งไปข้างหน้าเข้าหามือปืนที่ยืนจังก้าอยู่
“ตายซะไอ้แก่” “ตาย!” ปังๆๆๆๆๆๆๆ
เป้งๆๆๆๆๆ
เสียงกระสุนกระแทกเข้ากับโล่กันกระสุนจากนั้นอะไรบางอย่างก็ลอยขึ้นไปในอากาศ มือของทุกคนยกตามขึ้นไป
“เสื้อ!”
กว่ามันจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะท่อนลำดำทะมึนได้พุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของมัน
พล็อค!
คอหักเคลื่อนหมุน มันล้มลงอย่างบังคับร่างไม่ได้ ปราศจากความรับรู้ในร่างกายท่อนล่าง ไม่อาจแม้แต่จะหายใจ
“ร๊อววววว อะต๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ลูกเตะอันแข็งแกร่งเตะเข้าที่แขนของมือปืนแถวหน้าสุดคนอื่นๆ ปืนในมือหลุดไปจนหมดสิ้น ตอนนี้ไม่มีใครคิดจะต่อสู้แล้วเตรียมหันหลังหนี แต่ลูกเตะถัดๆมาที่ตัดเข้าที่ขา ทำให้พวกมันสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนที่
กร็อบ ผัวะ กร๊อบ
ร่างอีก 3 ร่างล้มลง แล้วลุงบัวหมุนตัวจรเข้ฟาดหางร่างที่ 4 ให้หลับกลางอากาศ เผยให้เห็นสัญลักษณ์ดอกบัวสีดำที่สักไว้กลางหลัง
“ยะ ยะ ยิง เอาAKมา ยิงมันให้หมด ฟูลออโต้”
“ลูกพี่สุเทพ แต่ข้างหน้ายังมีพวกของเรานะครับ”
“ช่างมันแล้ว เอ็งรู้ไม๊ไอ้ลุงนั่นมันใคร” สุเทพตะโกนร้องออกมา “ไอ้นั่นมันคือBlack Lotus”
สิ้นเสียงของสุเทพ มือปืนที่กำลังยืนลังเลอยู่ก็อุทานออกมา
“เชี่ยแล้ว ปืนๆๆ”
“ฟูลออโต้”
“แม่จ๋า”
ปากกระบอกปืนดำทะมึน 10 กระบอกวาดไปทางลุงบัวที่กำลังโรมรันในหมู่มือปืน พ่อบ้านบัวเหลือบมองแล้วก้มลงต่ำ ใช้มีดกระซวกคอคนด้านหน้าแล้วดึงร่างเข้ามาบังตนเองและยกโล่กันกระสุนขึ้นบังอีกชั้น
แททๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงอาวุธสงครามดังยาว กระสุนจากทั้ง 10 กระบอกเกาะกลุ่มเข้าไปตรงบริเวณด้านหน้า ทุกอย่างตรงนั้นนิ่งสงบปราศจากความเคลื่อนไหว มือปืนแห่งแก๊งค์เมษา 20 คนนอนตายกองเกลื่อน
“เอ็งเข้าไปดูซิ” สุเทพชักปืนขึ้นชี้ไปที่หัวลูกน้อง แม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มือปืนคนนั้นค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ
“ลุงบัว” แพทร้องออกมาอย่างใจหาย ปืนในมือสั่นไปหมด
มือปืนคนนั้นเคลื่อนไปช้าๆ ยกปืนชี้ไปด้านหน้า
ที่โผล่ออกจากกองศพนั่นมัน ขาของไอ้บ้านั่นนี่
ปัง!
ปืนยิงเข้าไปที่ต้นขาของลุงบัว นอกจากเลือดที่ไหลออกมาช้าๆ ก็ปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ
“มันตายแล้วครับพี่”
“มึงลากกองศพนั่นออกมา แล้วยิงหัวมันให้แน่ใจซะ” สุเทพร้องสั่งอีกครั้ง ลูกน้องจำใจเดินต่อเข้าไป ลากศพที่กองพะเนินออกมาทีละศพ ละศพ
ครืดดดดด ศพสุดท้ายถูกลากออก เผยให้เห็นโล่กันกระสุนที่พรุนไปด้วยรูกระสุนเอเค มันยกออก
“ขอบใจที่ช่วยยกออกให้” กริ๊ง!
เสียงกระเดื่องระเบิดหลุดออก ใบหน้าชุ่มเลือดของลุงบัวยิ้มแฉ่ง เตรียมเหวี่ยงระเบิดไปข้างหน้า
“เหวอออออ ระเบิด” มือปืนคนนั้นหมุนตัววิ่งกลับมาโดยมีระเบิดลอยตามมาที่ด้านหลัง
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น หน้าผากของมือปืนคนนั้นปรากฎเป็นรู ร่างเกร็งแข็งหยุดชั่วขณะจนระเบิดที่ลอยมาชนเข้าที่หลังแล้วหล่นลงกับพื้น
ตูม!
เท้าก้าวเดินไปเบื้องหน้า สุเทพยกปืนพกชี้นำทางไปยังร่างของลุงบัวที่นอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น
“ไม่นึกเลยว่าวันนี้กูจะมีโอกาสได้สังหารนักฆ่าระดับนี้” สุเทพมองดูลุงบัวที่นอนเลือดไหลริน “ตายซะเถอะมึง”
ปืนค่อยๆยกขึ้นเตรียมเล็งไปที่ศีรษะ
ปังปัง ปังปัง ปังปัง
“ชิท!” สุเทพถอยหลังไปสองก้าวเจ็บแปลบขึ้นที่แขน กระสุนที่ยิงเข้ามาเมื่อครู่เข้าเสื้อกันกระสุนกลางลำตัวไปสามนัด ส่วนอีกนัดเฉี่ยวเข้าที่ไหล่ มันมองไปที่แพทที่วิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับปืนในมือ
“ยิงนังนั่นซะ”
“แต่ลูกพี่ เบื้องบนสั่งให้จับเป็นนะครับ”
ปังปัง
“คร่อก” ลูกน้องคนที่พูดเมื่อครู่ล้มลงจากกระสุนที่เข้าโหนกแก้ม เลือดท่วมปากที่ฟันแตกหักไปหมด
“ยิงขามันสิโว้ย หรือจะรอให้มันยิงกบาลพวกมึงห๊า” สุเทพสั่ง ลูกน้องที่เหลือ8คนยกปืนเอเคขึ้นเล็งไปที่ขาของแพทที่กำลังวิ่งเข้ามา เด็กสาวใช้มือจับไปที่สร้อยคอ สร้อยที่รอนสั่งย้ำให้สวมไว้แล้วกระชากออก
“<Holy Shield>”
แททๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุปุ
กระสุนนับร้อยจากปืน8กระบอกที่ยิงแบบฟูลออโต้ชนเข้ากับเกราะพลังงานสีขาวในอากาศ เวทคุ้มกันแห่งแสงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ แพทชี้ปืนยิงกระสุนที่เหลือใส่สุเทพ
ปังปัง แกร๊ก
สุเทพร่างสะท้านไป กระสุนนัดที่สองเฉียดคอมันจนเลือดทะลัก มันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
“นังแม่มด ตายซะ”
ปังๆๆ เพล้งงง
เกราะแห่งแสงแตกออก แพทเจ็บแปลบขึ้นที่แขน
ปังๆๆๆๆ
เด็กสาวล้มลงจมกองเลือด กระสุนทะลุเข้าที่แขนขาและลำตัวจนล้มลง
[-10]
[-8]
[-14]
[-5]
[-9]
[-25]
แพทคว้าถุงน้ำตาลที่พกไว้ตามที่รอนแนะนำออกมากัด แล้วกลืนลงไปให้เร็วที่สุด
[+10][+10][+10][+10][+10][+10]
แผลทั้งหมดหายไปในฉับพลัน เด็กสาวตั้งหลักและสปรินท์ตัวพุ่งต่ออีกครั้ง
“อีผี ตาย”
ปังๆๆๆๆ แกร๊ก
แพทล้มลงจากกระสุนที่เจาะเข่าขวา ถุงน้ำตาลกระเด็นไปหกตกลงบนพื้น ไอ้สุเทพหายใจหอบถี่จนเสียงวี้ดออกมาจากคอถอยหลังกรูดไปรวมกลุ่มกับลูกน้อง มันคว้าปืนเอเคที่ห้อยหลังขึ้นมา เปลี่ยนแม็กกาซีนใหม่ด้วยมืออันสั่นระริก มันเห็นชัดๆว่าเด็กนี่ไม่มีเกราะอะไร แต่หลังจากโดนยิงด้วยอาวุธสงครามกลับไม่เป็นอะไรเลย แถมตะกี้ยิงโดนชัดๆ แต่แผลกลับหายอย่างรวดเร็ว
“ทำไมไอ้ชวลิตไม่พาคนมาเพิ่มสักทีวะ” มันร้องขึ้นอย่างขวัญเสีย “อีเด็กเวร อีผี มึงตายซะ”
ร่างของลุงบัวลุกขึ้นจากกองซากศพ กระดูกขาและแขนที่แทงออกมาจากฤทธิ์กระสุนปืนเห็นเป็นสีขาวจางๆที่ปากแผล เขาคว้าศพที่สวมเกราะกันกระสุนของมือปืนขึ้นมายกไว้ พยายามใช้มันแทนโล่กำบัง
สภาพตอนนี้เข้าประชิดตัวศัตรูไม่ได้แล้ว มีแต่ใช้ร่างๆนี้เป็นเกราะกำบังให้เด็กสาวคนนั้น
เด็กสาวตัวเล็กๆของเจ้านาย
เด็กสาวที่เขาอุ้มชูตั้งแต่แบเบาะ ตั้งแต่ตั้งคอ หัดคลาน
เด็กสาวที่เขาอุ้มขี่หลังพาไปโรงเรียน
“หลบไปครับคุณหนู”
“ลุงบัววววววว”
ภาพตรงหน้าหายวับไป เหลือแต่เพียงความมืดมิด บรรยากาศรอบกายเงียบสงัดไปหมด
กึง!
“โอยยยยย”
เสียงฝาท่อระบายน้ำที่ใช้ต่างโล่ตกลงพื้นพร้อมๆกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังกล่าวมาจากข้างๆ รอนกำลังคลานอยู่ที่พื้นท่ามกลางรอยเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
เที่ยงคืนพอดี .. ข้ามมิติมาที่หมู่บ้านโอลเซ่นแล้วสินะ
เด็กสาวกลั้นใจลุกไปที่โต๊ะ ค้นเอาม้วนเวทรักษาออกมารักษาตนเองจนเลือดหยุดไหล จากนั้นใช้ม้วนเวทรักษาให้รอน ทั้งสองใช้ม้วนเวทที่เก็บไว้ไปร่วม20อัน กระสุนที่ฝังอยู่จึงหลุดออกมา แผลที่ท่วมร่างจึงค่อยๆหายไป
แล้วเด็กหนุ่มสาวทั้งสองก็ทรุดลงนั่งที่ข้างเตียงด้วยจิตใจที่อ่อนล้า