Midterm Fantasy - ตอนที่ 149
“นั่นใคร?” หลิวลี่จงรับโทรศัพท์ขึ้น
“ผมรอนเองครับ ไม่ว่างเหรอครับ” รอนถาม “โอ้ คุณรอน ว่างครับว่าง มีอะไรหรือครับ” พี่ใหญ่หลิวรีบถามออกไป รอนเป็นผู้ที่ช่วยให้แก๊งค์รุ่งโรจน์ของเขาก้าวมาถึงขั้นนี้ได้ ต้องให้ความเคารพอย่างที่สุด “เรื่องเมื่อคืนนี้ทางตำรวจว่าอะไรบ้างไหมครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหาเลยครับ ตำรวจไม่เอาเรื่องเอาผิดอะไรกับพวกเราเลยครับ” หลิวลี่จงรีบพูดออกไป แม้เมื่อคืนนี้แก๊งค์รุ่งโรจน์จะนำสมาชิกไปช่วยเหลือรอนและทำการยิงต่อสู้ปะทะกันกับมือปืนของแก๊งค์เมษา แต่ว่าตำรวจไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนหนึ่งเพราะแก๊งค์รุ่งโรจน์มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ไม่ใช่แก๊งค์ที่ทำธุรกิจสีดำค้ายาฆ่าคน เมื่อคืนนี้ก็เป็นการเข้าไปช่วยคน แถมยังช่วยจำกัดวงความเสียหายจากแก๊งค์เมษา และที่สำคัญที่สุดจำนวนคนที่ยกไปเมื่อวานนี้มีเพียง 20 คน แถมใช้แค่ปืนพกกับปืนทำเอง สู้อะไรแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ จนตำรวจไม่เอามาคิดร่วมกับความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“ตำรวจไม่ว่าอะไรงั้นก็ดีแล้วครับ” รอนบอก “ที่ผมโทรมาวันนี้อยากจะปรึกษาขอความเห็นเรื่องอนาคตของแก๊งค์รุ่งโรจน์สักหน่อย”
“อนาคตของพวกเรา?” หลิงลี่จงตอบ
“ใช่ครับ คุณหลิวคิดว่าคุณจะทำงานลักลอบขนของเถื่อนกับเก็บค่าคุ้มครองแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนครับ” รอนถาม
“เรื่องนั้น …” หลิวลี่จงคิด “ตอบตามตรงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้านโยบายของตำรวจเข้มงวดขึ้นล่ะก็พวกเราก็คงลำบาก”
“ผมก็คิดแบบนั้นครับ ก่อนหน้านี้มีแก๊งค์เมษาอยู่ตำรวจคงไม่สนใจพวกคุณหลิว แต่หลังจากนี้ไปไม่มีแก๊งค์เมษาแล้ว ตำรวจคงหันมาสนใจกับแก๊งค์เล็กแก๊งค์น้อยและควบคุมกันมากขึ้น”
“เดี๋ยวนะครับ คุณรอนว่ายังไงนะครับ ไม่มีแก๊งค์เมษาแล้ว” หลิวลี่จงถามอย่างตกใจจนรอนเพิ่งนึกได้ว่า เรื่องที่พ่อของแพทไปบุกถล่มฐานใหญ่ของแก๊งค์เมษานั่นยังไม่ถูกเปิดเผยออกไปนี่นา
“เดี๋ยวคุณหลิวรอฟังข่าวแล้วกันครับ แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะครับ เพราะว่างานนี้ตำรวจยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ” รอนย้ำ
“อันที่จริงที่ผมโทรมาคุยวันนี้เพราะอยากจะเสนอแผนธุรกิจอะไรบางอย่างกับแก๊งค์รุ่งโรจน์ทำ เป็นธุรกิจที่จะเป็นประโยชน์กับทุกคนในแก๊งค์” รอนบอก “ถ้าสำเร็จ ต่อไปตำรวจคงไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรกับแก๊งค์รุ่งโรจน์อีก”
“ธุรกิจอะไรเหรอครับ” หลิวลี่จงถาม
“ธุรกิจรักษาความปลอดภัยครับ” รอนบอก
“ที่ผ่านมาคุณหลิวใช้วิธีให้คนในแก๊งค์ไปเก็บค่าคุ้มครอง ซึ่งแม้แก๊งค์รุ่งโรจน์จะทำตัวดีกว่าแก๊งค์เมษา แต่ว่ามันก็ผิดกฎหมาย และคนที่จ่ายเงินก็ไม่มีหลักประกันอะไรที่จะรับรองได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองจริงๆ คนของแก๊งค์ที่ไปก็ใช่ว่าจะทำหน้าที่คุ้มครองจริงๆ” รอนบอก “แต่ถ้าเราเปลี่ยนให้คนของแก๊งค์มาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยล่ะก็ คนก็จะเชื่อใจมากขึ้น ไม่ใช่ธุรกิจผิดกฎหมาย และพอมีเงินเดือนประจำขึ้นมาคนของแก๊งค์ก็ไม่ต้องกังวลกับรายได้ที่ไม่คงที่จะได้ไม่ไปขูดรีดเพิ่มเติมจากคนทั่วไป”
“แต่แบบนั้น มันต้องใช้เงินลงทุนเยอะนะครับ”
“เรื่องเงิน ผมพอจะมีอยู่บ้างครับคุณหลิว”
หลิวลี่จงคิดหนักอยู่ ที่ผ่านมาใช่ว่าเขาจะไม่คิดสร้างหลักปักฐานให้กับลูกน้อง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เพื่อนร่วมชาติที่อพยพย้ายมาและพึ่งพิงเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น กำไรจากธุรกิจขนของเถื่อนก็ไม่ได้มากมายอะไรทำให้เขามีเงินหมุนเวียนในมือไม่ถึง 20 ล้าน กับลูกน้องกว่า 2 พันชีวิต ทำให้เขาไม่กล้าลงทุนอะไรที่กำไรไม่แน่ชัด แต่ถ้ารอนช่วยลงทุนด้วย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ตกลงครับ ก็ดีเหมือนกัน ถ้าพวกเราเปลี่ยนผ่านไปทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายได้ก็จะดีไม่น้อย”
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมโอนเงินไปให้ คุณหลิวมีบัญชีของสวิสไหมครับ”
แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันคร่าวๆ หลิวลี่จงตกลงว่าจะแบ่งลูกน้องออกมาประมาณ 500 คนให้ไปทำงานของบริษัทรักษาความปลอดภัย ส่วนที่เหลือให้ทำงานขนของเถื่อนไปก่อนตามเดิม และถ้างานเป็นไปได้ด้วยดีก็จะทยอยหาทางจัดการกับสถานะคนต่างด้าวและย้ายมาทำงานบริษัท สำหรับเรื่องการจัดการทางกฎหมาย ภาษี และบัญชี ให้หลิวลี่จงปรึกษากับสำนักงานกฎหมายที่คุณพ่อของแพทใช้บริการอยู่
วางสายจากรอนไปแล้วหลิวลี่จงก็กดโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิท “หวังหลิน นายช่วยสืบข่าวความเป็นไปของแก๊งค์เมษาให้หน่อย ดูว่าตอนนี้เกิดเหตุการณ์อะไรกับพวกมันบ้างหรือเปล่า เสร็จแล้วนายกับหยางเทียนเข้ามาคุยกันหน่อย”
“…. พี่ใหญ่” หวังหลินพูดขึ้น “ตำรวจกำลังแถลงข่าวเรื่องแก๊งค์เมษาในทีวีอยู่”
“เรื่องเมื่อคืนที่บ้านคุณวิทวัสน่ะรึ”
“ไม่ใช่ครับ เรื่องแก๊งค์เมษาถูกถล่มทั้งแก๊งค์ นายใหญ่ปัญญ์ถูกฆ่าตาย” หวังหลินบอก “เดี๋ยวผมตามหยางเทียนเข้าไปครับ”
นายใหญ่แก๊งค์เมษาตายรึ! หลิวลี่จงวางสายแล้วรีบเปิดทีวีในห้องดู ตำรวจกำลังแถลงข่าวใหญ่ให้กับนักข่าวอยู่สำหรับเรื่องรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อันทำให้มีคนตายไปห้าร้อยกว่าคน
แรกเริ่มเลยตำรวจเองก็แถลงข่าวที่เกิดขึ้นในละแวกบ้านของวิทวัสไปเมื่อคืนนี้แล้วว่าแก๊งค์เมษา 2 กลุ่มปะทะกันเองโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเมื่อเช้านี้ตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นพื้นที่ของแก๊งค์เมษาอีก 2 แห่ง พบว่าหัวหน้าแก๊งค์เมษาตายในเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ในศูนย์บัญชาการแก๊งค์ และจ็อบส์พ่อบ้านแก๊งค์ตายที่โกดังในภาคตะวันออกโดยในที่เกิดเหตุทั้งสองมีเพียงแต่ศพมือปืนของแก๊งค์เมษาที่ตายด้วยอาวุธมีคม การสู้ประชิดตัว หรือไม่ก็กระสุนปืนจากปืนที่พบในที่เกิดเหตุ
ตำรวจสรุปเบื้องต้นว่าเป็นการขัดแย้งกันภายในแก๊งค์ และตั้งประเด็นที่สองที่น้ำหนักน้อยกว่าไว้ว่าอาจจะเป็นแก๊งค์อันธพาลที่ต้องการแย่งอำนาจ
การแถลงข่าวยังนำเสนอต่อไปอีกเรื่องท่านสุทินเจ้าหน้าที่ระดับสูงสังกัดยุติธรรมถูกจับกุมข้อหาร่วมมือขายความลับให้กับแก๊งค์เมษา แต่ว่าหลิวลี่จงไม่ได้สนใจฟังแล้ว
ก๊อกๆๆ
หยางเทียนและหวังหลินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก ทั้งสองฟังข่าวการแถลงเมื่อครู่นี้แล้ว
“ผมถามตำรวจที่พอจะรู้จักกัน ทางตำรวจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นครับ เพราะตอนที่ไปถึงทุกคนก็ตายกันหมดแล้ว” หวังหลินบอก
“รอน” หลิวลี่จงพูดขึ้น
“ครับ?” หวังหลินรับคำ
“เมื่อครู่พี่ใหญ่เพิ่งได้คุยกับรอน เขาหลุดปากออกมาเรื่องที่แก๊งค์เมษาถูกทำลายแล้วตั้งแต่ก่อนข่าวจะออก” หลิวลี่จงพุดขึ้น “หรือว่าจะเป็นฝีมือของรอน”
“เป็นไปไม่ได้ครับ เมื่อคืนนี้คุณรอนต่อสู้กับพวกนั้นตั้งแต่ 5 ทุ่ม จากนั้นก็อยู่ที่นั่นตลอด แถมยังถูกตำรวจพาไปเก็บตัวในเซฟเฮาส์” หยางเทียนบอก “พอตำรวจมา ผมก็พาพี่น้องของเราถอยไปตั้งหลักและพักอยู่กับพวกตำรวจ ไม่ว่าคุณรอน คุณแพท หรือตาบัวคนรับใช้ ทั้งหมดอยู่กับตำรวจในตอนที่รังใหญ่ของแก๊งค์เมษาเกิดเหตุเพลิงไหม้ครับ” หลิวลี่จงค่อยๆคิด นึกย้อนไปถึงเมื่อตอนที่รอนสั่งของครั้งแรก “เป็นไปอย่างที่คิดจริงๆ” “ครับ?” / “อะไรเหรอครับพี่ใหญ่” หยางเทียนหวังหลินร้องถามพร้อมกัน “พวกเราจำได้ใช่ไหม สินค้าที่รอนสั่งจากพวกเราคืออะไร” “ครับ อาวุธมีด ดาบ ปลายหอกจำนวนมาก” “ถูกต้อง ของจำนวนมากสำหรับคนเป็นกองทัพ และตอนนั้นที่พี่ใหญ่คนนี้สงสัยว่าเบื้องหลังของรอนจะต้องมีใครที่ใหญ่กว่านี้อยู่อีกชั้นหนึ่ง” หลิวลี่จงวิเคราะห์ไปไกล “ในเมื่อคุณรอนอยู่กับตำรวจตลอด แปลว่าการถล่มแก๊งค์เมษาเมื่อคืนนี้จะต้องถูกวางแผนไว้อย่างเป็นระบบ มีแก๊งค์หรือสมาคมที่อยู่เบื้องหลังไปอีก”
หยางเทียนหวังหลินสูดหายใจเข้าซู๊ด มันต้องเป็นแบบที่พี่ใหญ่จินตนาการไว้แน่ๆ “แต่ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็อาจจะไม่มั่นคงสิครับ ต่อไปอาจจะมีแก๊งค์ใหม่มาแย่งการทำงานของเราได้” หวังหลินถาม “ไม่หรอก ความจริงที่เรียกนายสองคนเข้ามาก็เพราะเรื่องนี้” พี่ใหญ่หลิวบอก “เมื่อครู่พี่คุยกับคุณรอน คุณรอนอยากร่วมทุนกับพวกเราเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย ที่คุยกันเมื่อครู่นี้หากเป็นไปตามนั้นพวกเราก็จะสามารถลืมตาอ้าปากใช้ชีวิตอย่างคนปกติไม่ต้องหลบซ่อน ทำงานสุจริตได้” “โอ้ จริงเหรอครับ” หยางเทียนบอก “ว่าแต่ คุณรอนลงทุนสักเท่าไหร่ครับ”
“อื้ม อันที่จริงพี่ก็ยังไม่ได้คุยละเอียดแบบนั้น แต่ว่าบอกไปแล้วว่าเรามีเงินทุนราวๆ 20 ล้าน คุณรอนคงจะให้มา 20 ล้านกระมัง” หลิวลี่จงเปิดโทรศัพท์มือถือ เช็คเงินที่เข้าในบัญชีธนาคารในยุโรป “เฮ้ยยยยย” “อะไรครับ” “น น นี่มัน คุณรอนให้เงินมา ให้เงินลงทุนมาเท่านี้” หลิวลี่จงวางโทรศัพท์ในมือลงอย่างตื่นเต้น ลูกน้องทั้งสองชะโงกหน้าไปมอง “ยี่สิบล้าน ก็ปกตินี่ครับ” หวังหลินพูด “เดี๋ยวสิ นี่มันบัญชีที่ยุโรป เลขนั่นหน่วยเงินอะไร” “US Dollar”
“660 ล้าน!” ทั้งสามคนร้องออกมา ตาโตคิดอะไรไม่ออกไปครู่นึง แล้วหลิวลี่จงก็รู้สึกตัวก่อน “ฮะฮะฮ่า โอกาสเข้ามาหาพวกเราแล้ว คุณรอนทำแบบนี้ แสดงว่าต้องการให้พวกเราควบคุมพื้นที่นี้แทนแก๊งค์เมษา” หลิวลี่จงบอก “ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำลายแก๊งค์นี้ทั้งแก๊งค์แล้วมาให้ข้อเสนอนี้แน่ๆ” “ถ้าอย่างนั้น…”
“ต่อจากนี้จะไม่มีแก๊งค์รุ่งโรจน์ ต่อไปพวกเราจะมุ่งหน้าสู่ความเป็นเลิศด้านการรักษาความปลอดภัย! และนั่นคือต้นกำเนิดของ รุ่งโรจน์คุ้มภัยซีเคียวริตี้ บริษัทร่วมทุนที่รักษาความปลอดภัยและรับขนส่งสินค้ามีค่าตั้งแต่การ์ตูนยันเรือรบ